Grand Bangkok Boulevard เพชรเกษม-กาญจนา โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury 2 ชั้น กับสังคมส่วนตัวเพียง 62 ครอบครัว ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก St. Stephen’s Cathedral กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รายล้อมด้วยสวนส่วนตัวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ มอบความร่มรื่นและความสงบอย่างมีระดับ พร้อมคลับเฮาส์หรูดีไซน์ร่วมสมัย บนทำเลที่ศักยภาพบนถนนกาญจนาภิเษก ราคาเริ่มต้น 40-70 ล้านบาท
ปัจจุบันบ้านเดี่ยวระดับบนที่อยู่ในคลาส Super Luxury จะมีราคาประมาณ 40 – 100 ร้อยล้านขึ้นไป และมักตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพของการคมนาคมและสาธารณูปโภคที่ครบครัน อาทิ บริเวณถนนราชพฤกษ์ และถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นทำเลเด่นที่เหล่าดีเวลลอปเปอร์ตบเท้ากันเข้าไปปักหมุดโครงการ โดยใช้ภาษีของทำเลที่ดีบวกเข้ากับความหรูหราของดีไซน์บ้านและตีมูลค่าออกมาในระดับราคาสิบๆ ล้านและต่อยอดไปจนถึงหลักร้อยล้านก็มี รวมไปถึงในเรื่องของการบริการหลังการขายก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยผลักดันราคาของโครงการให้พุ่งขึ้นไปได้ และหนึ่งในโครงการที่เน้นจุดเด่นด้วยบริการที่ดีหลังการขายก็คือโครงการใหม่แบรนด์หรูอย่าง “กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม” โครงการคลาสบนสุดของค่าย SC Asset ที่ให้ความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ด้วยการจัดสรรนิติบุคคลของตัวเองเพื่อดูแลบ้านให้กับลูกบ้านตลอดชีวิต โดยจะมีเพียง 36 ครอบครัวเท่านั้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 49 – 140 ล้านบาท
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม (Granada Pinklao-Phetkasem)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน): SC
ทำเลที่ตั้ง: ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
เว็บไซต์: http://www.scasset.com
โทร: 1749
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2559)
พื้นที่โครงการ: 36-2-12.3 ไร่
รูปแบบ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 2 รูปแบบ สไตล์ Classical Simplicity จำนวน 36 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: ระดับบน
สถานะการก่อสร้าง: ปี 2558
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: ปี 2560
ลิฟท์: แบบบ้านหลังใหญ่ Grand Alexander จะได้รับลิฟท์ส่วนตัวทุกหลัง
ที่จอดรถ: Indoor 3 คัน และ Outdoor 2 คัน
เปิดขาย: วันที่ 26 มีนาคม 2558
สถานะการขาย: 5% ของยูนิตในโครงการ
เงื่อนไขการชำระเงิน:
เงินจอง 1,000,000 บาท
เงินดาวน์ 20% ของราคาซื้อขายที่ตกลงกัน
ค่าส่วนกลาง 42 บาท/ตารางวา/เดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดิน 2 % ผู้ซื้อและบริษัทแบ่งชำระฝ่ายล่ะ 1 %
ราคาเริ่มต้น: 49 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 190,000 บาทต่อตารางวา
รูปแบบบ้าน
แบบบ้าน Grand Harold
4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน พร้อมส่วนทานอาหาร และ Pantry ครัวไทยแยกส่วน โซน Maid Plaza ห้องแม่บ้าน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำส่วนตัว จอดรถในร่ม 3 คัน และกลางแจ้ง 2 คัน ประตูบ้านบังคับรีโมท และสระว่ายน้ำส่วนตัว ที่ดินเริ่มต้น 177.1 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 685 ตร.ม.
แบบบ้าน Grand Alexander
5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน พร้อมส่วนทานอาหาร และ Pantry ครัวไทยแยกส่วน โซน Maid Plaza ห้องแม่บ้าน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำส่วนตัว จอดรถในร่ม 3 คัน และกลางแจ้ง 2 คัน พร้อมลิฟท์ในตัวบ้าน ประตูบ้านบังคับรีโมท สระว่ายน้ำ สวนน้ำตกและเรือนรับรองส่วนตัวทุกหลัง ที่ดินเริ่มต้น 225.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 786 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
ประตูทางเข้าโครงการเป็นโครงเหล็กมีความหนาแน่น ซึ่งปลอดภัยกว่าโครงการส่วนใหญ่ที่ใช้ที่กั้นไม้กระดก รวมไปถึงประตูสองชั้นหรือระบบ Double Gate ก็เป็นอีกหนึ่งความปลอดภัยที่ SC Asset ให้ความสำคัญ
เมื่อตรงเข้ามาตามถนนหลักจะมีวงเวียนน้ำพุอยู่กลางโครงการ ถนนด้านหลังวงเวียนเป็นถนนรองในโครงการกว้างประมาณ 14 ม.
ถัดจากน้ำพุมาจะเป็นทางเดินรอบโครงการ มีทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ความกว้างประมาณ 2 ม. จะเห็นว่าทางเดินนี้เป็นเหมือนที่กั้นระหว่างตัวบ้าน ซึ่งทางโครงการดีไซน์ทางเดินขึ้นมาเพื่อให้บ้านทุกหลังเป็นเหมือนแปลงมุมโดยมีพื้นที่หลังบ้านห่างจากบ้านหลังอื่น
กรานาดาเป็นท็อปแบรนด์ของ SC Asset รูปแบบบ้านอาจจะดูไม่แตกต่างจากแบรนด์ แกรนด์ บางกอก บูเลอร์วาร์ดมากนัก แต่ด้วยความไพรเวทจากจำนวนยูนิตที่น้อยกว่า ดีไซน์บ้านที่เสมือนแปลงมุมเกือบทุกแปลง วัสดุการก่อสร้างที่พรีเมี่ยม และระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงแบบที่ธนาคารและห้างสรรพสินค้าชั้นนำเลือกใช้อย่าง SECOM ความแตกต่างเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเล็กๆ ที่ทำให้โครงการแบรนด์กรานาดามีความพรีเมี่ยม แต่หนึ่งในความแตกต่างที่เป็นจุดขายหลักน่าจะเป็นนิติบุคคลของ SC Asset ที่จะเข้ามาดูแลให้ตลอดไป โดยลูกบ้านไม่ต้องกังวลในเรื่องบริการหลังการขายเลย ซึ่งปัจจุบันทุกโครงการของ SC Asset การดูแลในเรื่องของนิติบุคคลนี้จะมีเฉพาะแบรนด์ กรานาดา เท่านั้น
นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมโดยรอบโครงการ นอกเหนือจากเรื่องความเป็นส่วนตัวแล้ว เรื่องของสิ่งรบกวนรอบโครงการนั้นแทบจะไม่ต้องห่วงเนื่องจากโครงการตั้งอยู่บริเวณที่เป็นพื้นที่ผังเมืองสีเขียว กำหนดให้ต้องสร้างบ้าน 100 ตร.ว.ขึ้นไป ซึ่งไม่สามารถขึ้นโรงงานได้ในพื้นที่นี้
การวางทิศทางโครงการ
ทิศเหนือ: ติดอยู่กับซอยเพชรเกษม 88 และพื้นที่ส่วนบุคล
ทิศใต้: ติดกับคลองบางขี้แก้ง เป็นคลองเล็กๆ ที่ไม่สามารถคมนาคมทางน้ำผ่านได้ จึงไม่ไม่มีกลิ่นและเสียงรบกวน
ทิศตะวันออก: หน้าโครงการหันไปทางทิศนี้ อยู่ติดกับถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก
ทิศตะวันตก: ด้านนี้ก็อยู่ติดกับคลองบางขี้แก้ง ถัดไปเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
สโมสรส่วนกลางขนาดใหญ่
สวนส่วนกลาง
ระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน
สัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic และ Shock Sensor
กล้อง CCTV ทั่วโครงการ
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น: ชั้นล่างเป็นหินอ่อน Verona, ชั้นบนไม้มะค่า
ผนัง: วอลล์เปเปอร์สีพื้น
ความสูงพื้นจรดเพดาน: 3 ม. ทั้งชั้นล่างและชั้นบน, ความสูงฝ้าห้องน้ำอยู่ที่ 2.6 ม.
ประตู: ไม้สัก
บันได: ไม้มะค่า
เครื่องปรับอากาศ: Daikin 4 ทิศทาง 10 ตัวสำหรับแบบบ้านเล็ก, 12 ตัวสำหรับแบบบ้านใหญ่
สุขภัณฑ์: Cotto
รีวิวภายในบ้านตัวอย่าง Grand Harold
พื้นที่ลานจอดรถของบ้านตัวอย่าง มีที่จอดรถในร่มอยู่ทางซ้ายมือ และตรงกลางของที่ดินเป็นที่จอดรถด้านนอกตัวบ้าน
โครงการออกแบบบ้านให้เป็นสไตล์โมเดิร์นออกไปทางโซนยุโรป หน้าต่างหลักของตัวบ้านโครงการได้ออกแบบให้มีส่วนโค้งตามภาพ เป็นหน้าต่างแบบ Bay Window ตามสไตล์บ้านในต่างประเทศ
ถัดมาเป็น Deck ไม้ยื่นออกมาจากข้างบ้าน ด้านหน้าที่เห็นในภาพเป็นตัวอย่างของรั้วกั้นบ้านมีความสูงประมาณ 2 ม.
ถัดมาจากส่วนของสระว่ายน้ำส่วนตัว เป็นทางเดินเชื่อมต่อสู่หลังบ้าน โดยมุมบ้านทางขวามือ จะเป็นประตูเล็กๆ ด้านหลังบ้านที่เชื่อมต่อไปสู่ทางเดินรอบโครงการนอกตัวบ้าน
เดินมาที่กลางบ้านจะเป็นเฉลียงหลังบ้าน ยื่นออกมาประมาณ 1 ม. สามารถจัดเป็นมุมจิบกาแฟชิลๆ 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ เพราะตามแบบบ้านจริงของบ้านแบบนี้ รั้วหลังบ้านฝั่งที่หันเข้าตัวบ้านจะเป็นสวนน้ำตกริมกำแพง
ถัดมาในส่วนของด้านข้างบ้านฝั่งขวาของตัวบ้าน จะเห็น Deck ซีเมนต์ปูกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวยื่นออกมา โดยมีที่กั้นอาณาเขตบ้านกับที่ดินรอบบ้านด้วยโครงเหล็กสีดำ พื้นที่บน Deck นี้สามารถจัดสรรให้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าและเครื่องอบได้ ถัดมาเป็นห้องพักอาศัยของแม่บ้าน ซึ่งจากทางนี้มีทางเชื่อมเข้า-ออกตัวบ้านได้จากทางนี้เช่นกัน
บรรยากาศพื้นที่ของห้องนอนแม่บ้าน เป็นห้องขนาดกะทะรัดสามารถวางเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตได้ มีหน้าต่าง 1 มุม หันออกไปทางด้านหลังบ้าน
ถัดเข้ามาด้านในเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ภายในบ้าน โครงการเลือกใช้ประตูทุกบานเป็นไม้สักแท้ และลูกบิดระดับพรีเมี่ยมนำเข้าจากเยอรมัน ทางด้านซ้ายมือเป็นห้องครัวปิดด้านนอก
โครงการใช้ประตูเลื่อนตอนเดียว วงกบอะลูมิเนียมสีขาว ตีกริดด้วยกระจกเขียวตัดแสงตามภาพ เป็นประตูกั้นระหว่างห้องครัว
กลับมาที่อาณาเขตบริเวณทางเข้าบ้าน จะเห็นว่า นอกจากประตูทางเข้าหลักแล้ว จะเห็นประตูทางเข้าบ้านจากลานจอดรถอยู่ตรงกลางบ้าน ซึ่งตรงนี้ถ้าหากมีผู้สูงอายุภายในบ้านก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันโดยการทำประตูทางเข้าลานจอดรถให้เป็นทางลาดได้
Foyer ของประตูทางเข้าหลัก เป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถวางตู้เก็บของ หรือชั้นวางรองเท้าได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้วางเก้าอี้โซฟายาวรับแขกได้ โดยโถงทางเข้าบ้านนี้มีความสูงจากพื้นจรดเพดานจะอยู่ที่ประมาณ 3 ม.
มาที่ภายในตัวบ้าน ส่วนแรกเป็น Living Room ฝ้าของตัวบ้านลดลงมาจากโถงทางเข้าอยู่ที่ประมาณ 2.6 ม. แต่บ้านตัวอย่างมีการบิลท์อินฝ้าเข้าไปทำให้บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งมากขึ้น
มุมบ้านด้านที่เป็น Bay Window โครงการจัดโซฟาเข้ามุมชุดใหญ่ขนาดประมาณ 6 ที่นั่ง โดยจากตรงนี้สามารถชมวิวรอบบ้านได้ 180 องศาเลยทีเดียว
แอร์ภายในบ้าน โครงการเลือกใช้แอร์ไดกิ้นแบบฝังฝ้า เป็นแอร์แบบ 4 ทิศทาง แบบบ้านจริงพื้นที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมกันสไตล์ Double Living Room แต่โครงการจัดสรรให้เป็นสัดส่วนด้วยการเพิ่มเชิงบัวประตูและทำเป็นประตูวงกบไม้กระจกเขียวตัดแสงตามภาพ
เมื่อเดินเข้ามาทางประตูกั้นห้อง หันทางขวาจะเป็นห้องนั่งเล่นที่สอง หากดีไซน์ต่อเติมผนังเข้าไปอีกหน่อย สามารถทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นห้องโฮมเธียเตอร์ได้เลย
ห้องนั่งเล่นที่สองมีประตูกระจกบานเลื่อนสองตอนสามารถเดินเข้า – ออกด้านข้างบ้านไปยัง Deck ไม้ ฝั่งที่เป็นโซนสระว่ายน้ำได้
หันไปอีกมุมภายในบ้าน มีทางขึ้นบันไดไปชั้นสองติดอยู่กับห้องนั่งเล่นที่สอง กลางบ้านตกแต่งเป็นโซนรับประทานอาหาร โดยโครงการวางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ สุดพื้นที่ตรงนี้จะมีประตูเข้าบ้านสองมุม คือจากทางข้างบ้านอีกฝั่ง และประตูทางเข้าบ้านจากลานจอดรถ พื้นบ้านชั้นหนึ่งจะเป็นหินอ่อน Verona นำเข้าจากอิตาลีทั้งหมด เพียงแค่ติด Chandelier ก็ทำให้บ้านดูหรูหราได้ทันตา
ประตูทางเข้าบ้านจากลานจอดรถ เป็นวัสดุไม้สักเหมือนประตูทางเข้า – ออกทุกหลัง ด้านข้างเป็นเฉลียงบ้าน ที่เชื่อมต่อกับโซนรับประทานอาหาร
เฉลียงบ้านด้านนี้ยื่นออกมาประมาณ 3 ม. ได้ พื้นเฉลียงปูด้วยหินอ่อนสไตล์เดียวกับในตัวบ้าน พื้นที่โดยรวมมีความกว้างพอสำหรับจัดชุดโซฟานั่งเล่น สไตล์ Outdoor แบบ 4 ที่นั่งได้เลย
โครงการจัดสรรส่วนนี้ให้เป็น Pantry โดยกั้นส่วนให้แยกออกไปจากโซนรับประทานอาหารด้วย เคาน์เตอร์บาร์ และติด Hob & Hood เป็นไอเดียไว้สำหรับประกอบอาหารภายในบ้าน
ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างโครงการจัดให้เป็นห้องนอนผู้สูงวัย อยู่บริเวณประตูทางเข้าข้างบ้านที่เชือมกับ พื้นที่โซนแม่บ้าน
โครงการเลือกใช้พื้นไม้มะค่า ซึ่งให้สัมผัสอ่อนโยนในการพักผ่อนมากกว่าหินอ่อน และแบ่งแยกห้องนอนออกจากพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านอย่างชัดเจน
ห้องนอนชั้นหนึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีบานหน้าต่างขนาดใหญ่สามารถเปิดออกไปรับลม และชมวิวด้านหน้าบ้านได้ ข้อเสียหนึ่งของห้องด้านนี้คืออาจจะโดนไฟของรถที่วิ่งเข้า – ออก รั้วบ้านส่องเข้ามา ดังนั้นยามพักผ่อนควรจะติดม่านทึบกันแสงไว้
ห้องน้ำในตัวข้องห้องนอนชั้นล่าง พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาแบบเคลือบผิวด้านกันลื่น โครงการไม่ได้ดีไซน์ราวจับไว้สำหรับผู้สูงอายุ แต่สามารถต่อเติมได้ มีการกั้นโซนเปียก โซนแห้งด้วยการดร็อปพื้นโซนอาบน้ำ และกั้นด้วยประตูกระจกใส แบบเปิดเข้า เปิดออก
ฝักบัวสามารถปรับระดับความสูงต่ำได้ โครงการใช้ก็อกน้ำแบบบิดซ้าย ขวา ซึ่งน่าจะเดินสายไฟสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ใต้ผนัง
พื้นห้องน้ำทั้งห้องถูกดร็อปลงจากพื้นห้องด้วยเพื่อป้องกันน้ำไหล จากภาพเชิงบัวผนังประตูเป็นขอบไม้มะค่า ประตูห้องน้ำก็จะเป็นประตูไม้มะค่าเช่นกัน
บริเวณห้องน้ำกลางชั้นล่างไม่สามารถอาบน้ำได้ แต่สิ่งที่พิเศษของห้องน้ำนี้ คือโครงการเลือกใช้วัสดุหินอ่อนนำเข้าทั้งหมด ทั้งผนังและพื้นห้องน้ำ
ด้านขวามือเป็นห้องเก็บของใต้บันได เนื้อบันไดทั้งลูกตั้งลูกนอนเป็นเนื้อไม้มะค่า รวมทังราวจับ เชิงบัวบันไดเป็นวัสดุไม้มะค่าทาสีขาวให้รับกับผนัง บันไดทางขึ้นชั้นสองเป็นแบบวนขึ้นเป็นรูปตัว U
บริเวณชานพักบันได เป็นบานกระจกสูง วงกบอะลูมิเนียมสีขาว กริดด้านบน 6 ช่องเป็นช่องบานฟิกซ์ ด้านล่างเป็นบานกระทุ้งเปิดได้ 90 องศา ส่วนด้านล่างเป็นช่อง Void สามารถเปิดรับลมได้เช่นกัน
ขึ้นมาที่ชั้นบนหันไปทางขวาเป็นโถงบันไดมีที่กันตกเป็นโครงเหล็กรมควัน ราวจับไม้มะค่า โถงบันไดด้านนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ โครงการตกแต่งให้เป็นพื้นที่พักผ่อนชั้นบน
ด้านหน้าเป็นทางเชื่อมต่อไปสู่ Master Bedroom พื้นชั้นสองปูด้วยไม้มะค่าทั้งชั้น ให้สัมผัสที่เรียบเนียนและรู้สึกเหมือนไร้รอยต่อ
ด้านซ้ายมือก่อนประตูทางเข้า Master Bedroom ผนังถูกดร็อปลงไปความกว้างประมาณ 2 ม. สามารถจัดสรรและตกแต่งให้เป็นหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชาได้สบาย
ในส่วนของโถงบันได โครงการตกแต่งให้เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ โดยไม่มีการกั้นผนัง ผนังบ้านด้านหลังเป็นหน้าต่างบานเลื่อนสามารถเปิดรับลมได้
ถัดไปจากพื้นที่นี้ เป็นห้องนอนที่หนึ่ง และห้องนอนที่สอง เชื่อมต่ออยู่กับโถงบันได โครงการตกแต่งผนังด้านนี้ด้วยกระจกเงา ทำให้พื้นที่อเนกประสงค์นี้ดูกว้างขึ้นมากจากเดิมที่กว้างอยู่แล้ว
จากภาพบนประตูทางเชื่อมต่อฝั่งขวามือ เป็นห้องนอนที่หนึ่ง ห้องมีขนาดกว้างมากจนสามารถแบ่งพื้นที่โซนพักผ่อน และพื้นที่นั่งเล่นได้
เตียงที่โครงการใช้ตกแต่งห้องนอนนี้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต โดยมีชั้นวางทีวีขนาดกว้างประมาณ 45 ซม. แต่ก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินปลายเตียงแบบที่เดินสวนกันได้ เรียกได้ว่าห้องนอนเล็กห้องนี้จะอยู่ด้วยกัน 2 คน โดยเปลี่ยนเตียงนอนเป็นขนาดคิงไซส์ก็ไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ใช้สอย
ด้านในเป็น Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัว จากภาพบ้านตัวอย่างยังไม่มีประตูกั้น แบบบ้านจริงจะเป็นทางเดินไม่ได้ติดตั้งประตูกั้นให้ แต่ก็สามารถติดตั้งประตูเพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวได้
ภายในถูกแบ่งโซนเปียกและโซนแห้งออกอย่างชัดเจน อ่างล้างหน้าเป็นแบบบิลท์อินลงกับตัวเคาน์เตอร์ มีชั้นเก็บของยาวตลอดแนว และมีโถสุขภัณฑ์อยู่ชิดกับกำแพง
ด้านในเป็นห้องแต่งตัวขนาดกว้างประมาณ 2 ม. ไม่รวมตู้เสื้อผ้าที่บิลท์อินติดผนัง และเชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว
ห้องน้ำในตัวของห้องนอนสอง แบ่งโซนเปียกและโซนแห้ง เป็นฟังก์ชันเดียวกับห้องน้ำในตัวของห้องนอนแรก Floor Drian ของโซนอาบน้ำเป็นแบบซ่อนฝังพื้น
Master Bedroom ถูกแบ่งออกเป็นสองโซนด้วยกัน คือโซนพักผ่อนที่มีผนังและประตูกั้นอีกชั้น ส่วนด้านนอก เป็นห้อง Living Room ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว
ทางฝั่งขวามือโครงการจัดสรรให้เป็นห้องนั่งเล่นในตัวของห้องนอนใหญ่ สามารถวางโซฟาได้ถึง 3-4 ที่นั่ง ระยะสายตาจากโซฟาไปถึงผนัง เรียกได้ว่าสามารถวางทีวีขนาด 49-60 นิ้วได้สบายโดยไม่เสียสายตา
เมื่อเข้ามา โครงการออกแบบให้เป็นตู้เสื้อผ้ารูปตัว U สามารถเก็บเสื้อผ้าและของได้อย่างเต็มที่และจัดสรรให้เป็นส่วนๆ ได้ โดยเหลือพื้นที่กลางห้องขนาดใหญ่ จนสามารถเข้ามาใช้งานในห้องได้ถึง 2-3 คน
พื้นห้องน้ำถูกดร็อปลงไปจากพื้นห้องเหมือนห้องน้ำห้องอื่นๆ แต่แตกต่างด้วยวัสดุพื้นที่ปูด้วยหินอ่อนเกรดพรีเมี่ยมจากประเทศอิตาลี
ภายในประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ โซนอาบน้ำที่กั้นด้วยกระจกใส และอ่างล้างหน้า พร้อมมุมกระจกรับวิวบริเวณอ่างอาบน้ำ
ภายในโซนอาบน้ำของ Master Bedroom โครงการมอบทั้งฝักบัว และ Rain Shower ให้ ตกแต่งผนังด้วยหินอ่อน และแยกก็อกระหว่างน้ำอุ่นและน้ำเย็น พร้อมเดินสายไฟเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ภายในผนัง
บริเวณอ่างล้างหน้า โครงการติดตั้งปลั๊กไฟโดยมีที่ครอบกันน้ำให้ สามารถใช้งานสำหรับเครื่องโกนหนวด หรือไดร์เป่าผมได้ ตัวก็อกของอ่างล่างหน้าเองก็มีการเดินสายไฟซ่อนกับเครื่องทำน้ำอุ่น โดยสามารถเลือกเปิดน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นได้
บรรยากาศภายในห้องนอน มีแอร์ซ่อนฝ้า พร้อมกับดร็อปฝ้าด้านบนให้เป็นสไตล์เว้าโค้งรับกับ Bay Window ของห้องนอนที่สามารถชมวิวหน้าบ้านได้ 180 องศา โดยฝั่งริมหน้าต่างโครงการจัดให้เป็นมุมผักผ่อนด้วยโซฟานอน 2 ที่นั่ง ในส่วนบ้านจริงจะเป้นบ้านเปล่า และมีการบิ้วอินฝ้าเป็นสี่เหลี่ยมไม่เหมือนฝ้าบ้านตัวอย่าง
เมื่อเปิดออกไปจะเป็นชานบ้านชั้นสองที่เชื่อมระหว่างมุมหน้าต่าง จากฟังก์ชันการใช้งานตรงนี้น่าจะเป็นชานพักเอาไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอก แต่โครงการปูหญ้าเทียมไว้เพื่อความสบายตา
รีวิวภายในบ้านตัวอย่าง Grand Alexander
แบบบ้าน Grand Alexander ดีไซน์บ้านด้านนอกเป็นรูปแบบ Classical Simplicity เหมือนกับบ้านรูปแบบแรก แต่มีที่ดินรอบบ้าน และพื้นที่ใช้สอยมากกว่า โดยฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ รวมไปถึงที่จอดรถเสมือนกับบ้านรูปแบบแรก
สิ่งที่ต่างออกไปของบ้านรูปแบบนี้คือด้านหลังบ้านจะไม่มีประตูเชื่อมต่อออกมาสู่เฉลียงหลังบ้าน จะเป็นทางเดินโล่งๆ แต่สังเกตุดูจากด้านหลังของแบบบ้านตัวอย่างที่มีการดร็อปผนังของตัวบ้านเข้าไปตามภาพ น่าจะต่อเติมในส่วนนี้ให้เป็น Deck ไม้ หรือเฉลียงบ้านออกมาได้เหมือนบ้านแบบที่หนึ่ง
ด้านข้างบ้าน หากเปรียบเทียบกับส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำของบ้านแบบแรก พื้นที่บริเวณนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า และมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า แต่บ้านตัวอย่างของบ้านแบบนี้ออกแบบส่วนนี้ให้เป็นเรือนรับรองนอกบ้าน
ถัดไปจากเรือนรับรองจะเป็นพื้นที่สวนอเนกประสงค์ที่โครงการออกแบบให้เป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟเล็กๆ ภายในรั้วบ้าน ซึ่งลานตรงนี้สามารถประยุกต์เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของครอบครัวได้ ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้ริมสระ หรือลานบาร์บีคิว
ถัดมาเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ซึ่งสระว่ายน้ำของแบบบ้านนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าแบบบ้านแรกที่ประมาณ 9.5×4.2 ม. โดยมีความลึกที่ 1.2 ม. เท่ากัน เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ
หันกลับมาที่ตัวบ้านจากสระว่ายน้ำ Deck ไม้ที่เป็นเฉลียงเชื่อมต่อออกมาจากตัวบ้านแตกต่างจากบ้านแบบแรก ซึ่งบ้านแบบนี้จะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านอีกที โดยแบบบ้านแรกจะเป็นเพียง Deck ไม้ที่ยื่นออกมาจากด้านข้างบ้านเท่านั้น
ภายในตกแต่งให้เป็นห้องพักผ่อน มีโซฟารูปตัวแอลประมาณ 4-5 ที่นั่ง ระยะห่างจากโซฟาไปถึงชั้นวางทีวี ดูแล้วสามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่กว่าในภาพได้ หรือที่ประมาณ 60 นิ้ว
โครงการติดตั้งแอร์ 4 ทิศทางแบบฝังผนังของไดกิ้นเพิ่มให้บนพื้นที่นี้ จากสเป็คจะเห็นว่าแบบบ้านหลังใหญ่ได้รับแอร์มากกว่าบ้านหลังเล็ก 2 ตัว ส่วนนี้คือส่วนที่ได้รับแอร์เพิ่มเข้ามา
นอกจากนั้นห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มเติมเข้ามายังมีห้องน้ำในตัวที่แบ่งแยกโซนเปียกกับโซนแห้ง และสามารถอาบน้ำได้ด้วย
บริเวณ Foyer ประตูทางเข้าหลัก ดีไซน์เหมือนแบบบ้านทุกหลังคือให้ฝ้าเพดานสูงโปร่งกว่าฝ้าบ้านทั่วไป โดยอยู่ที่ประมาณ 3 ม. ทำให้ความรู้สึกแรกที่การเดินเข้ามาในบ้านสัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่ง หรูหราโอ่อ่า และสามารถติดโคมไฟสวยงามได้ โดยเหลือพื้นที่ให้คนสูงระดับ 2 ม. เดินผ่านก็ไม่ดูเกะกะขวางทาง
ภายในบ้านเป็น Living Room ขนาดใหญ่ ฟังก์ชันการใช้งานแบบเดียวกับบ้านแบบแรก โดยมีมุม Bay Window ที่สามารถรับชมวิวได้ 180 องศา
บริเวณด้านหลังห้องนั่งเล่นมีการวางผนังกั้นในส่วนของ Double Living Room ที่ติดกระจกเงาแบบแบ่งออกเป็นกริดๆ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นดูกว้างขวางมาก
ฝั่งตรงข้าม Double Living Room เป็นโซนรับประทานอาหาร พื้นที่ใช้สอยโดยรวมถูกออกแบบมาใกล้เคียงกับแบบบ้านแรก เพียงแต่พื้นที่ภายในบ้านมีขนาดกว้างกว่า
พื้นที่รับประทานอาหารของบ้านแบบนี้ สามารถวางโต๊ะอาหารเซ็ตใหญ่ได้ เรียกได้ว่าสามารถเรียกคณะกรรมการผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ มานั่งประชุมกันภายในบ้านได้เลย
ด้านหลังโซนรับประทานอาหารเป็น Pantry สามารถยืนเตรียมอาหารได้ 2 คน โดยไม่เบียดกัน ด้านหลัง Pantry ไม่ได้มีประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อออกไปเหมือนแบบบ้านแรก
อีกหนึ่งจุดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากบ้านแบบแรก ก็คือ Private Lift ที่โครงการติดตั้งให้กับบ้านแบบใหญ่ทุกหลัง ลิฟท์จะอยู่บริเวณติดกับ Pantry เป็นลิฟท์ที่อำนวยความสะดวกให้กับคนชราภายในบ้าน ซึ่งตรงข้ามกับลิฟท์นี้เยื้องไปทางด้านขวามือ จะเป็นประตูทางเข้าบ้านจากที่จอดรถ ซึ่งในแบบบ้านแรกได้อธิบายถึงการต่อเติมทางลาดที่สามารถเข็นรถเข็นเข้ามาภายในบ้านจากประตูทางเข้านี้ได้ และเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวลิฟท์ได้เลย
ภายในลิฟท์ปูพื้นด้วยไม้มะค่าที่มีความคงทนแข็งแรง สามารถใช้งานได้ประมาณ 3-4 คน หรือรับน้ำหนักได้ประมาณ 250 กก. พื้นที่โดยรวมสามารถเข็นรถเข็นคนชราขึ้นไปทั้งคันได้เลย
บรรยากาศโดยรวมของห้องนอนชั้นล่าง ดีไซน์บานหน้าต่างขนาดใหญ่ที่หันออกไปทางหน้าบ้าน ปัญหาเดียวกันคือเวลาที่รถเข้า – ออก เวลากลางคืนอาจส่งแสงรบกวนเข้ามาสู่ห้องนอนนี้ได้
บริเวณห้องน้ำในตัวมีสุขภัณฑ์ครบครัน แบ่งโซนเปียก โซนแห้งชัดเจน และมีกระจกสะท้อนเงาแนวยาวตลอดเคาน์เตอร์ล้างหน้า
ประตูทางเข้าบ้านอีกหนึ่งบาน เป็นทางเข้า-ออกจากลานจอดรถ ในภาพจะเห็นว่าวงกบประตูมีความกว้างมาก สามารถเปลี่ยนประตูให้เป็นขนาดใหญ่เท่าวงกบนี้ได้ เพื่อความสะดวกในการเข้า – ออก
บันไดทางขึ้นชั้นสอง มีราวจับไม้มะค่า และที่กันตกเป็นโครงเหล็ก พื้นบันไดทั้งลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้มะค่า โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีความแข็งแรง บันไดวนขึ้นเป็นรูปตัว U เหมือนแบบบ้านทุกหลัง เมื่อขึ้นมาหันไปทางซ้าย จะเป็นห้องโถงบันไดชั้นสองที่เชื่อมต่อกับลิฟท์
มองตรงออกไปจากหัวบันไดเป็นประตูทางเข้าไปสู่ Master Bedroom ซึ่งแบบบ้านตัวอย่างนี้ยังไม่ติดตั้งประตูให้ แต่แบบบ้านจริงจะเป็นประตูไม้มะค่ามีลูกบิดรมควันอย่างดีนำเข้าจากเยอรมนี
ห้องโถงบันไดที่ชั้นสองเชื่อมต่อกับห้องนอนที่หนึ่งและห้องนอนที่สอง ซึ่งมีประตูห้องอยู่ใกล้กัน แต่แบบบ้านจริงประตูเข้า – ออกเป็นแบบดันเข้า จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของประตูที่จะเปิดออกมาชนกัน
บรรยากาศโดยรวมของห้องนอนที่หนึ่ง เป็นฟังก์ชันเดียวกับห้องแบบแรก คือมีมุมพักผ่อน มุมนั่งเล่น และมี Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวที่สามารถอาบน้ำได้
ห้องนอนที่สอง โครงการออกแบบฝ้าเพดานด้วยการติดตั้งฝ้าบิลท์อินเข้าไปบริเวณที่ตั้งเตียงนอนทำให้รู้สึกโปร่งขึ้น นอนหลับสบายขึ้น พื้นที่ห้องนอนที่สองดูใหญ่กว่าพื้นที่ห้องนอนที่สองของแบบบ้านแรกอย่างชัดเจน สังเกตุการวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ภายในห้อง ส่วนของฟังก์ชัน Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวก็ยังอำนวยความสะดวกให้ครบครันเหมือนบ้านทุกแบบ
ห้องนอนที่สามมีทางเดินเชื่อมไปสู่โซนพักผ่อนสั้นๆ มีขนาดกว้างประมาณ 1.5 ม. สามารถเดินสวนเข้า-ออกได้สบาย โดยทางฝั่งขวามือเป็นห้องแต่งตัวที่ออกแบบให้มีประตูกระจกเลื่อนเป็นตัวกั้น เพื่อความส่วนตัว
พื้นที่ห้องแต่งตัวออกแบบให้ใช้งานได้อย่างคล่องตัวด้วยตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินรูปตัวแอล และมีโต๊ะเครื่องแป้ง โดยด้านในสุดเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำในตัวของห้องนอนที่สาม
บริเวณห้องน้ำในตัวของห้องนอนที่สาม มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างกว่าห้องน้ำของห้องอื่นๆ โดยมีฟังก์ชันการใช้งานครบครัน พร้อมแยกโซนเปียกโซนแห้ง และมีทางน้ำไหล หรือ Floor Drain แบบซ่อนในพื้น
พื้นที่โดยรวมของห้องนอนที่สาม มีขนาดกว้างกว่าทุกห้อง สามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์ โดยเหลือพื้นที่ให้จัดชุดนั่งเล่นวางโซฟา ขนาดใหญ่ได้
และที่พิเศษกว่าห้องอื่นๆ อย่างชัดเจน ก็คือการเป็นห้องเดียวในบ้านที่มีส่วนเชื่อมต่อระเบียงที่หันไปทางด้านหน้าบ้าน หรือเรียกได้ว่าพื้นที่นี้คือพื้นที่ชั้นบนของห้องอเนกประสงค์ริมสระว่ายน้ำที่เพิ่มเข้ามาจากแบบบ้านหลังแรกก็ว่าได้
ผนังของห้องฝังแอร์ไว้ในเพดาน เป็นแอร์ 4 ทิศทาง และเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ได้แอร์เพิ่มเข้ามา เป็น 12 ตัว ตามสเป็คที่โครงการมอบให้กับบ้านหลังใหญ่
ระเบียงของห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.9 x 1.4 ม. ซึ่งจากภาพจะเห็นว่าสามารถวางชุดที่นั่งจิบกาแฟชิลๆ พร้อมโต๊ะกลางขนาดไม่ใหญ่มากได้ ถึง 4 ที่นั่งเลย
มาถึง Master Bedroom ฟังก์ชันการใช้งานเป็นแบบเดียวกันแบบบ้านอื่นๆ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด
บริเวณ Walk-in Closet ตกแต่งอย่างหรูหรา อาจจะไม่ได้มีพื้นที่ใช้สอยเท่ากับแบบบ้านแรก แต่ด้วยความที่ห้องน้ำส่วนตัวมีขนาดใหญ่กว่า จึงไม่แปลกที่พื้นที่ใช้สอยส่วนนี้จะลดน้อยหายไป
บรรยากาศโดยรวมของห้องน้ำใน Master Bedroom ตกแต่งพื้นและผนังด้วยหินอ่อน มีโซนอาบน้ำที่กั้นด้วยกระจกใส อ่างล้างหน้าแบบ His & Her พร้อมอ่างจากุซซี่ระบบน้ำวนเหมือนแบบบ้านหลังแรก แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่กว่าพอสมควร
หากลงไปแช่ในอ่างจากุซซี่ จะเห็นได้เลยว่าความกว้างของผนังฝั่งตรงข้ามมีความกว้างระดับติดตั้งทีวีขนาด 60 นิ้วได้เลย เมื่อลงไปในอ่างสามารถนอนนวดตัวในอ่างและผ่อนคลายด้วยการดูทีวีไปพร้อมๆ กัน
มาที่ในส่วนของการพักผ่อน ไม่ค่อยแตกต่างจากบ้านแบบแรกเท่าไหร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ใช้สอยหลัก คือเตียง และมุม Bay Window ที่สามารถชมวิวหน้าบ้านได้แบบ 180 องศา
ภายในห้องนอนใหญ่ติดตั้งแอร์ฝังฝ้าตามจุดสำคัญ ด้วยขนาดบ้านที่ใหญ่ และมีแอร์ติดหลายจุด หากใช้แอร์แบบเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุดกับคอมเพรสเซอร์บริเวณด้านนอกอาจจะถูกลดความสวยงามจากคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ หากเลือกติดตั้งคอมเพรสเซอร์แบบ VRV หรือ VRF โดยใช้คอมพ์ตัวเดียวเชื่อมต่อกับแอร์ทุกส่วนในห้องนี้ น่าจะช่วยประหยัดพลังงาน และลดความร้อนรอบตัวบ้านไปได้เยอะ
รีวิวบ้านเปล่าแบบ Grand Alexander
บ้านเปล่าของบ้านแบบ Grand Alexander รั้วบ้านจะมีความสูงประมาณ 2 ม. รั้งบ้านเป็นโครงเหล็กสีดำ ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท
แบบบ้านจริงทุกหลัง จะได้รับพื้นที่ข้างสระว่ายน้ำเป็น สวนน้ำตกขนาดใหญ่ ซึ่งตรงนี้ตามแบบบ้านตัวอย่างไม่ได้จัดให้ดูในส่วนนี้
สนามหญ้าอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมภายในบ้านหรือลานบาร์บีคิวนั่นเอง ด้านหลังเป็นประตูทางเชื่อมเดินออกสู่ทางเดินในโครงการ ซึ่งในโครงการจะมีบ้านเพียง 4 ยูนิตเท่านั้นที่ไม่ได้ทำที่ดินโดยรอบเป็นแปลงมุมแบบบ้านตัวอย่างที่รีวิวให้ดูทั้งหมด
พื้นที่บริเวณที่เป็นส่วนเชื่อมต่อออกมาด้านข้างบ้านเป็นห้องอเนกประสงค์ ปูพื้นด้วยหินอ่อน ผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสีเทาตามสไตล์ดีไซน์ภายนอกบ้าน โครงการมอบแอร์ฝังฝ้าให้ตามบ้านตัวอย่างเลย
Foyer ทางเข้าบ้าน ออกแบบเหมือนบ้านตัวอย่าง มีความสูงเพดานที่ 3 ม. ผนังเปิดโล่งด้วยประตูบานกระจกตีกริดบานกระจกตามภาพ
พื้นที่โซนแม่บ้านที่ประกอบไปด้วย ห้องครัวปิดด้านนอกบ้าน ห้องนอนแม่บ้าน 2 ห้อง และห้องน้ำแม่บ้านที่สามารถอาบน้ำได้
ด้านข้างบ้านมีเฉลียงยื่นออกมาจนสุดรั้วบ้าน สามารถจัดสรรส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ซักล้าง หรือวางเครื่องซักผ้าได้ โครงการได้มีการต่อระบบท่อประปาออกมาให้เรียบร้อย
ผนังชั้นสองติดวอลล์เปเปอร์สีเรียบ บันไดเป็นวัสดุไม้มะค่าทั้งพื้นลูกตั้ง พื้นลูกนอน และราวจับ มีที่กั้น เป็นโครงเหล็กตามภาพ มีเชิงบัวเป็นไม้จริงสีขาวรับกับผนังบ้าน
พื้นที่บริเวณโถงบันได มีมุมหน้าต่างหันออกไปหลังบ้าน แอร์ที่โครงการมอบให้เป็นแบบฝังฝ้า 4 ทิศทางของไดกิ้น
เป็นห้องแบบมีบานหน้าต่างสามารถเลื่อนเปิดรับลมได้สามบาน พร้อมเดินปลั๊กไฟฟ้าฝังพนังให้อย่างเรียบร้อยตามจุดสำคัญ
พื้นที่โดยรวมของห้องนอนที่สอง เป็นฟังก์ชันเดียวกับห้องนอนที่หนึ่ง มีห้องน้ำในตัว และพื้นที่ให้ทำ Walk-in Closet พร้อมแอร์ฝังฝ้าตามภาพ
พื้นที่โดยรวมของห้องนอนที่สาม ห้องมีขนาดกว้างกว่าห้องนอนที่หนึ่งและห้องนอนที่สอง ฟังก์ชันครบเหมือนกับห้องทุกห้อง
พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ขนาด 3.9 x 1.8 ม. มีที่กันตกเป็นโครงเหล็กสูงขึ้นมาจากที่กั้นปูน โดยรวมที่กั้นทั้งหมดน่าจะสูงประมาณ 2 ม.
พื้นที่โดยรวมของ Master Bedroom ไม่มีผนังกั้นเหมือนบ้านตัวอย่าง ฝ้าเพดานมีการบิลท์อินกลางห้อง บวกกับ หน้าต่างโค้งสไตล์ Bay Window ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย
พื้นที่ที่ไม่มีส่วนผนังกั้น เชื่อมต่อกับห้องน้ำตามแบบบ้านตัวอย่างจะเป็น Walk-in Closet ระหว่างผนังที่มีการดร็อปตัวลงไป
บรรยากาศห้องน้ำโดยรวม ตกแต่งพื้นผิวด้วยหินอ่อนทั้งหมด มีการแยกโซนเปียก โซนแห้ง พร้อมอ่างอาบน้ำจากุซซี่ ระบบนวดน้ำวนที่โครงการมอบให้
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
ถนนกาญจนาภิเษกเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ดีเวลลอปเปอร์ทั้งรายเล็กรายใหญ่ให้ความสนใจ รองลงมาจากบริเวณถนนราชพฤกษ์ ในแง่ของอสังหาริมทรัพย์เอง การที่มีโครงการระดับบนมาปักหมุด ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาศักยภาพทำเลถนนกาญจนาภิเษก เพราะเมื่อผนวกตลาดอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการพัฒนาของภาครัฐจะเห็นว่าในอนาคตหากทั้งสองปัจจัยนี้วิ่งไปควบคู่กัน จะทำให้บริเวณกาญจนาภิเษกนี้เป็นทำเลที่มีการเข้ามาลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น ปัจจุบันย่านนี้ยังเหลือพื้นที่เปล่าที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือตลอดเวลา ธุรกิจที่ขยายตัวอยู่ในบริเวณนี้มากที่สุดคือธุรกิจเต๊นท์รถมือสอง ซึ่งมีการแข่งขันการตลาดที่สูงจากกลุ่มผู้ประกอบการที่พร้อมใจกันเปิดธุรกิจนี้เรียงรายเต็มพื้นที่ถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งในอนาคตหากที่ดินมีราคาขึ้นสูงจนทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้รู้สึกคุ้มทุนที่จะขายที่ดินและโยกย้ายกิจการไปในทำเลอื่น ก็อาจจะเห็นการพัฒนาใหม่ๆ เกิดขึ้น อาทิ คอมมูนิตี้มอลล์ เพิ่มขึ้นจาก Paseo Park ก็เป็นได้
จากการเข้ามาของเซ็นทรัล เวสต์เกต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – เตาปูน) ก็ถือเป็นการส่งเสริมศักยภาพในส่วนของเส้นถนนกาญจนาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าไปยังรัตนาธิเบศร์ รวมไปถึงบริเวณใกล้กับที่ตั้งโครงการเองก็อยู่ไม่ไกลจากแยก เดอะมอลล์ บางแค ซึ่งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (พุทธมณฑล-ท่าพระ) นอกจากระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าแล้ว ช่องทางการเดินทางทางบกยังมีทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครเป็นเส้นทางการเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่ายในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะเข้ามาปลุกราคาที่ดินบริเวณนี้ได้แก่ มอเตอร์เวย์ บางใหญ่ – กาญจนบุรี สายออกซิเจนที่ทำให้การเดินทางไปสู่ภาคตะวันตก กระชับ รวดเร็ว และดึงกลุ่มดีมานด์ต่างจังหวัดเข้ามาบนพื้นที่นี้ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งโครงการ
โครงการกรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ตั้งอยู่ติดถนนกาญจนาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าบางบัวทอง แต่หากกลับรถมาฝั่งมุ่งหน้าเพชรเกษมจะอยู่ห่างจากเดอะมอลล์ บางแค ประมาณ 500 ม. ซึ่งบริเวณแยกเพชรเกษมช่วงต้นของ เดอะ มอลล์ บางแค นี่เองจะเป็นจุดตั้งของสถานีรถไฟฟ้าหลักสอง สถานีต้นของสายโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (พุทธมณฑล-ท่าพระ) ของทางฝั่งเพชรเกษม และทางฝั่งนี้ก็มีระบบสาธารณูปโภคที่ครบครันทั้ง ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงเรียน อาทิเช่น เดอะ มอลล์ บางแค, พาซิโอ พาร์ค, รพ.พญาไท 3, รพ.เกษมราษฎร์, อนุบาลเด่นหล้า และร.ร.เลิศหล้า
ในเรื่องความสะดวกของของการเดินทางนั้น สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจโซนเยาวราช ด้วยเส้นทางบนถนนเพชรเกษม สะพานพุทธ สะพานพระปกเกล้า หรือถ้าต้องมุ่งหน้าไปทำงานบนโซนที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างพระราม 2 ก็สามารถมุ่งหน้ามาทางทิศใต้ของโครงการเข้าสู่เส้นทางของพระราม 2 ได้ รวมไปถึงทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ทางด่วนสายใหม่ที่จะอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางเข้าสู่เมือง โดยนำไปสู่เขตปทุมวัน เขตจตุจักร เขตบางรัก เขตสาทร ซึ่งเป็นบริเวณตัวเมืองที่เป็นแหล่งธุรกิจอีกด้วย
จากข้อมูลที่ตั้งโครงการ ภาพรวมของถนนกาญจนาภิเษกจึงมีจุดเด่นในเรื่องของการคมนาคมที่สะดวก ถึงแม้โครงการจะตั้งอยู่ไกลจากเมืองชั้นในมากกว่าถนนราชพฤกษ์ แต่ก็ยังมีถนนสายหลักหลายสายให้เลือกใช้งานเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมือง อาทิ ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนบรมราชชนนี ถนนนครอินทร์ และถนนเพชรเกษม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นทำเลฝั่งธนฯ จึงอาจพบเจอปัญหาการจราจรที่หนาแน่นจากสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นสะพานปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 สะพานกรุงธนฯ และสะพานตากสินหรืออย่างสะพานสาทรเอง ปัญหาคอขวดตรงนี้เป็นเรื่องที่จะต้องพบเจอในช่วงเวลาเร่งด่วนถึงแม้จะมีเส้นทางอื่นช่วยบรรเทาการจราจรแล้วก็ตาม แต่ด้วยความอัดแน่นของดีมานด์ที่ต้องประกอบธุรกิจหรือเข้ามาทำงานในตัวเมืองจึงหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ยาก หากแต่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือประกอบอาชีพอยู่ทางฝั่งธนฯ ปัญหาพวกนี้จะหายไปในพริบตาและถือเป็นอะไรที่สะดวกสบายมากแบบไม่มีข้อติเลยทีเดียว
การเดินทาง
เมื่อมุ่งตรงไปเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเห็นป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ บอกให้มุ่งหน้าตรงไป บริเวณแยกบางแคจะมีทางกลับรถ วิ่งไปตามป้ายกลับรถและยูเทิร์นไปอีกฝั่ง
หลังจากยูเทิร์นมาฝั่งที่มุ่งหน้าไปบางบัวทอง ตรงไปอีกประมาณ 1.5 กม. จะพบกับตัวโครงการอยู่ติดถนนฝั่งซ้ายมือ
สถานที่สำคัญใกล้โครงการ
เดอะมอลล์ บางแค
ซีคอน บางแค
Big C Extra, Home Pro ฝั่งเพชรเกษมขาเข้า
Big C, Index, Home Work ฝั่งเพชรเกษมขาออก
The Paseo กาญจนาภิเษก
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค
โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า (เพชรเกษม)
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน
สำนักงานประปาภาษีเจริญ
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตรผลตอบแทนที่จะได้รับ
โครงการตั้งอยู่บริเวณใกล้กับฝั่งปิ่นเกล้า – เพชรเกษม ซึ่งเป็นทำเลติดถนน ผลตอบแทนที่ให้ความคุ้มค่าที่สุดจะเป็นในเรื่องของการเดินทางทั้งรถยนต์ส่วนตัวและด้วยระบบขนส่งมวลชน แต่สำหรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยระดับบนอาจจะไม่ได้สนใจในเรื่องของการคมนาคมขนส่งมวลชนสักเท่าไหร่ แต่ปัจจัยโดยรวมของสิ่งเหล่านี้ก็มีผลทำให้ราคาที่ดิน รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตของย่านนี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยจากข้อมูล กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาดูบ้านในโครงการเองมีทั้งผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และนักลงทุนในลักษณะซื้อเก็บไว้และตั้งใจจะขายในอนาคต เนื่องจากการเข้ามาของนิติบุคคลที่จะดูแล และบริการหลังการขายให้ตลอดจึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของการดูแลรักษาถึงแม้จะซื้อไว้แต่ไม่ได้อยู่อาศัย และตรงนี้คือข้อได้เปรียบไม่ว่าจะซื้ออยู่เองหรือในแง่ของการลงทุน
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
คิว 12 ราชพฤกษ์-สาทร
เจ้าของโครงการ: บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง: ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
ลักษณะโครงการ : บ้านเดี่ยว
แบบบ้านทั้งหมด: 2 แบบ The Santorini และ The Ibiza
จำนวนบ้าน : 12 หลัง
ราคาเริ่มต้น : 100 ล้านบาท
คิวเฮ้าส์ อเวนิว พระราม 5
เจ้าของโครงการ: บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง: ถนนนครอินทร์ ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
พื้นที่โครงการ: 229 ไร่ 2 งาน
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 5-7 ห้องนอน 5-7 ห้องน้ำ ที่จอดรถทั้งหมด 3-5 คัน ที่ดินตั้งแต่ 174 ถึง 957.9 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 327.9 ถึง 987.5 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 24,000,000 – 120,000,000 บาท
ลัดดาวัลย์ ราชพฤกษ์
เจ้าของโครงการ: บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด
ที่ตั้ง: ถ.ราชพฤกษ์ ซ.77 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พื้นที่โครงการ: 216 ไร่
จำนวนบ้าน: 234 หลัง
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 4-5 ห้องนอน 4-6 ห้องน้ำ ที่จอดรถทั้งหมด 3-4 คัน ที่ดินตั้งแต่ 150 – 304 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 380 – 531 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 30 – 66.4 ล้านบาท
สรุป
จุดเด่นหลักๆ ของโครงการ กรานาด้า ปิ่นเกล้า – เพชรเกษม คือ ความเป็นส่วนตัวบนทำเลที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง และมีการจัดตั้งนิติบุคคลของทาง SC Asset ขึ้นมาเพื่อดูแลตลอดชีพ ดังนั้นในแง่การการอยู่อาศัยเอง ข้อได้เปรียบที่สุดก็คือผู้อยู่อาศัยจะได้รับทั้งในเรื่องของการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน และยังมีนิติบุคคลดูแลให้ต่อโดยไม่หนีไปไหน ซึ่งหากมีกำลังซื้อไหว และเป็นคนบนพื้นที่ที่มีชีวิตประจำวันอยู่บนทำเลนี้แล้ว โครงการนี้ถือเป็นโครงการระดับบนที่อยู่ในตัวเลือกแรกๆ บน “ถนนกาญจนาภิเษก”