Grand Bangkok Boulevard เพชรเกษม-กาญจนา โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury 2 ชั้น กับสังคมส่วนตัวเพียง 62 ครอบครัว ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก St. Stephen’s Cathedral กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รายล้อมด้วยสวนส่วนตัวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ มอบความร่มรื่นและความสงบอย่างมีระดับ พร้อมคลับเฮาส์หรูดีไซน์ร่วมสมัย บนทำเลที่ศักยภาพบนถนนกาญจนาภิเษก ราคาเริ่มต้น 40-70 ล้านบาท
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้ตัดสินใจขยายพอร์ทการลงทุนด้วยการประกาศแผนการพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ผ่านบริษัทในเครืออย่าง เอ็มเจอาร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ภายใต้ชื่อ “ชิค ดิสทริค” ซึ่งภายในอาณาจักรดังกล่าวจะประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ และคอมมูนิตี้มอลล์ เนื่องจากบริษัทเองเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินในย่านรามคำแหง ซึ่งเป็นทำเลที่เป็นแหล่งงานสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ โดยโครงการดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจากย่านเลอ มาร์เรส์ (Le Marais) ซึ่งอยู่ในฝั่งขวาของแม่น้ำแซนส์ เขต 4 ของปารีส ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีเอกลักษณ์ความสวยงามของกลุ่มศิลปินในฝรั่งเศส ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายของโครงการก็จะเป็นผู้ประกอบการ – คนทำงานในย่านรามคำแหง ทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเป็นทำเลที่เป็นแหล่งรวมธุรกิจ การสื่อสารและบันเทิงอย่างโปรดักชั่น เฮ้าส์ สตูดิโอ บริษัทโฆษณา โดยในรีวิวฉบับนี้ เราจะมาเจาะรายละเอียดของโครงการโฮมออฟฟิศ “ชิค โฮม ออฟฟิศ ทาวน์อินทาวน์ – ลาดพร้าว” ซึ่งเจาะกลุ่มผู้ประกอบการ SME ในย่านดังกล่าว โดยดึงจุดเด่นการออกแบบอาคารด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ โมเดิร์น วินเทจ ฝรั่งเศส เน้นพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นได้ทั้งที่ทำงานและที่อยู่อาศัยได้ ในราคาขายเริ่มต้น 9 ล้านบาท
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤกษภาคม 2559)
• ชื่อโครงการ: ชิค โฮม ออฟฟิศ ทาวน์อินทาวน์ – ลาดพร้าว (Chic Home Office Town in Town – Ladprao)
• ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอ็มเจอาร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (บริษัทในเครือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด มหาชน)
• ผู้ออกแบบ: บริษัท เอส 38 อาร์คิเทจ จำกัด
• ทำเลที่ตั้ง: ซอยรามคำแหง 53 ถนนรามคำแหง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 9 ไร่ 1 งาน 88.6 ตร.ว.
รูปแบบ: อาคารโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น จำนวน 80 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ SME
สถานะก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างประมาณปี 2555 แล้วเสร็จ 100% ปลายปี 2559
ระบบความปลอดภัย: กล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ส่วนกลาง: สวนหย่อม พร้อมสนามเด็กเล่น
ที่จอดรถ: สามารถจอดได้ 2 คัน/ ยูนิต
สถานะการขาย: 70% นับตั้งแต่เปิดขายอย่างเป็นทางการ
ค่าส่วนกลาง: 2,000 บาท/ เดือน (ชำระล่วงหน้า 18 เดือน)
ราคาเริ่มต้น: 9 ล้านบาท
ราคาขายเฉลี่ย: 428,000 บาท/ ตร.ว.
โปรโมชั่น: Special Private 15 มิ.ย. – 31 ก.ค. 59 นี้ จองและทำสัญญาเพียง 200,000 บาท รับส่วนลด 1,500,000 บาท ทันที
เว็บไซต์โครงการ: mj-one.net
รูปแบบบ้าน: อาคารโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมห้องอเนกประสงค์
แบบ A พื้นที่โดยประมาณ 21-31 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 270 ตร.ม.
แบบ B พื้นที่โดยประมาณ 20 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 250 ตร.ม.
แบบ C พื้นที่โดยประมาณ 19 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 240 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
เจ้าของโปรเจคได้เนรมิตพื้นที่ดินเดิมจากสนามกอล์ฟเนื้อที่ 9 ไร่ ในซอยรามคำแหง 53 ให้กลายเป็นเมืองใหม่ อันเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจสำคัญแห่งย่านนี้ โดยออกแบบอาคารโฮมออฟฟิศกว่า 120 ยูนิต แบ่งออกเป็น 80 ยูนิตสำหรับรองรับความต้องการของเหล่าผู้ประกอบการที่มองหาอาคารที่เป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงานได้อย่างลงตัว ส่วนอีก 40 ยูนิต ทางดีเวลลอปเปอร์ลงมือพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ไลฟ์สไตล์ อย่างร้านกาแฟทรู คอฟฟี่ หรือแม้กระทั้ง ชิค อพาร์ทเมนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ สิ่งสำคัญสำหรับอสังหาฯ รูปแบบนี้จำเป็นต้องมีที่จอดรถเพียงพอ จึงทำให้มีการออกแบบอาคารจอดรถในร่ม 2 ชั้น และพื้นที่โดยรอบโครงการเพิ่มเติมจากที่จอดรถส่วนตัว ซึ่งสามารถจอดได้ 2 คัน/ ยูนิต ทั้งนี้ยังคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ จึงได้จัดสรรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยกล้อง CCTV รอบโครงการ
จากรูปจะเห็นว่าลักษณะของโครงการจะเป็นแนวยาว เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 30 ไร่ โดยทางทิศเหนือและใต้จะติดกับตึกแถวสูง 4 ชั้น ส่วนทิศตะวันออก ฝั่งนี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่โล่ง สลับกับบ้านเดี่ยว และทิศตะวันตกจะเป็นฝั่งถนนซอยรามคำแหง 53 ซึ่งฝั่งตรงข้ามทางเข้าโครงการด้านทิศนี้ กำลังมีการก่อสร้างทาวน์โฮม 4 ชั้น
ยูนิตส่วนที่อยู่ติดถนนซอยรามคำแหง 53 ซึ่ง Sold Out แล้ว และบางส่วนถูกพัฒนาโดย เอ็มเจอาร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เอง
เมื่อเข้ามาในโซนชิค โฮมออฟฟิศ เนื้อที่โครงการ 9 ไร่ โดยทางโครงการได้ออกแบบรั้วเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
สำหรับ อาคารโฮมออฟฟิศ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบ A พื้นที่โดยประมาณ 21-31 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 270 ตร.ม.
และแบบ B พื้นที่โดยประมาณ 20 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 250 ตร.ม.
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
เนื่องจากโครงการเป็นรูปแบบโฮมออฟฟิศ ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการจึงไม่ได้มาในรูปแบบของคลับเฮ้าส์ เหมือนกับหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป โดยทางเจ้าของโปรเจคได้คำนึงถึงประโยชน์การใช้สอยที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อเป็นหลัก ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการนี้ จึงออกมาในรูปแบบการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม ทั้งด้านการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ พร้อมออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น เพื่อสร้างความร่มรื่นให้กับตัวโครงการ
รีวิวภายในโครงการ
พื้น: ชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องลายไม้ ส่วนชั้นบนปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม.
ความสูงพื้นจรดเพดาน: ประมาณ 3.5 เมตร
ระบบไฟ: Downlight
พื้นที่ใช้สอย: 240 – 270 ตร.ม.
ประตู: ประตูบานผลัก กระจกตัดแสงสีเขียว พร้อมกรอบอะลูมิเนียมสีน้ำตาล
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ: American Standard
สำหรับการตกแต่งยูนิตนี้ ทางเจ้าของโปรเจคต้องการตกแต่งให้เห็นถึงบรรยากาศของโฮมออฟฟิศ โดยพื้นชั้นล่างถูกปูด้วยกระเบื้องลายไม้ และสามารถจัดวางเป็นมุมต้อนรับแขกดังรูป
ความโดดเด่นของการดีไซน์โฮม ออฟฟิศ ของที่นี่คือมีการเล่นระดับ เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยให้ได้มากที่สุด
จากรูปจะแสดงให้เห็นถึงการเล่นระดับของอาคารได้อย่างชัดเจน ข้อดีนอกจากจะได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น ยังเดินขึ้นบันได แล้วมีจุดพัก ถึงแม้จะมีจำนวนขั้นเยอะ แต่เดินขึ้นแล้วไม่เมื่อย
จากรูปพื้นที่โล่งดังกล่าวสามารถจัดวางเป็นสวนส่วนตัวได้ โดยมีขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 5 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ของแต่ละยูนิต
ส่วนซักล้าง โครงการได้ตกแต่งให้เป็นที่นั่งเล่นเพิ่มเติม โดยสามารถนำโต๊ะ และเก้าอี้จำนวน 4 ที่นั่ง มาจัดวางได้ดังรูป
ชั้น 2 สำหรับยูนิตนี้ จะให้เห็นว่าสามารถจัดวางเป็นพื้นที่อยู่อาศัยได้ โดยนำประตูบานเลื่อนมมาติดตั้ง แทนผนังปูนธรรมดา ทั้งนี้ทำให้ห้องนี้ดูกว้างและโปร่งขึ้น
พื้นที่ชั้น 2 อีกฝั่งมีการเล่นระดับ ถูกตกแต่งให้เป็นพื้นที่ห้องครัว ที่นั่งกินข้าว ซึ่งถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว
ขึ้นมาชั้น 3 ห้องนอนสามารถนำเตียงขนาด 6 ฟุตมาวาง แล้วยังมีพื้นที่เหลือให้นำโซฟามาวางปลายเตียงได้เพิ่มเติม
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลรามคำแหง
รามคำแหงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งย่านที่เป็นทำเลฮอตของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์ประเภทโฮมออฟฟิศก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งโปรดักส์ที่มีดีมานด์เข้ามา เนื่องจากช่วงบริเวณแยก
ลำสาลี บางกะปิ หัวหมาก และในรัศมีโดยรอบของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นโซนที่มีการพัฒนาต่างๆ เกิดขึ้นในพื้นที่ ส่งผลให้ย่านดังกล่าวรายล้อมไปด้วยร้านค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล สาธารณูปโภคต่างๆ และความครบครันเหล่านี้เองที่ทำให้ย่านนี้เป็นอีกโซนหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่มีการอยู่อาศัยหนาแน่น
สังเกตได้จากความจำเป็นในการขยับขยายเส้นทางคมนาคมให้เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย อาทิ ลาดพร้าว พระราม 9 คลองตัน เพชรบุรี ศรีนครินทร์ และมีนบุรี ที่ได้แก้ปัญหาจราจรแสนสาหัสบริเวณแยกลำสาลี ด้วยการทำสะพานข้ามแยก พร้อมขยายถนนออกเป็น 4-6 เลน ในขณะที่เส้นรามคำแหงก็มีการทำสะพานตัดเข้าเส้นพระราม 9 ทะลุคลองตัน เพื่อแก้ปัญหารถติดตลอดวัน ไฮไลท์ที่น่าจับตาอีกอย่างคือแผนการพัฒนารถไฟฟ้าสายอนาคตถึง 2 สายด้วยกัน ได้แก่ สายสีเหลือง (ลาดพร้าว – ศรีนครินทร์) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน – มีนบุรี) ที่มุ่งหวังจะช่วยอำนวยความสะดวกให้การเดินทางจากพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเข้า – ออกเมืองสะดวกสบายขึ้น
จากการประเมินราคาที่ดินในย่านรามคำแหงรอบล่าสุดโดยกรมธนารักษ์ พบว่าราคาที่ดินของย่านรามคำแหงปรับสูงขึ้นตามความเจริญของพื้นที่ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 100,000 – 170,000 บาท/ ตร.ว. และหากโครงการรถไฟฟ้าสายอนาคตทั้งสองสายเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มูลค่าของที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าในย่านนี้จะต้องขยับตัวสูงขึ้นอีกเป็นลำดับ
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลโครงการ
โครงการตั้งอยู่บริเวณซอยรามคำแหง 53 โดยสภาพซอยนี้ค่อนข้างมีความสะดวกในเรื่องการเดินทาง เพราะสามารถใช้เป็นทางลัดออกซอยลาดพร้าว 112 รามคำแหง 43 รามคำแหง 39 ถนนอินทราภรณ์ และเลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทราถึงแม้ว่าถนนภายในซอยจะค่อนข้างแคบ เนื่องจากเป็นสองเลนให้พอวิ่งสวนกันได้ แต่ถือว่าหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วนได้ และสาเหตุของรถติดอาจเป็นเพราะตลอดซอยเป็นที่ตั้งของบรรดาหอพัก อพาร์ทเมนต์ ชุมชนมุสลิม (ปักหลักอยู่ในย่านดังกล่าวมานานแล้ว) อีกทั้งยังอยู่ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนบดินทรเดชา และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ดังนั้นถึงแม้ซอยนี้จะพลุกพล่านสักหน่อย แต่ถ้าหากมีโฮมออฟฟิศ หรือแหล่งไลฟ์สไตล์เกิดขึ้น เชื่อว่าน่าจะทำให้ผู้ประกอบการมือสมัครเล่นและมืออาชีพ โดยเฉพาะธุรกิจ SME คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะย่านนี้ดูเหมือนจะคึกคักตลอดวัน อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่านักศึกษาและคนทำงานอีกด้วย
การเดินทาง
แม้ในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้า 2 สายเปิดให้บริการ ทั้งสีเหลือง (ลาดพร้าว – ศรีนครินทร์) ใกล้กับสถานีบางกะปิ และสีส้ม (ตลิ่งชัน – มีนบุรี) ใกล้สถานีรามคำแหง ทำให้เข้า – ออกเมืองได้สะดวกสบายขึ้น แต่การเดินทางในปัจจุบัน ที่ยังต้องอาศัยการขับรถยนต์ก็มีความสะดวกสบายอยู่ไม่น้อย เพราะซอยรามคำแหง 53 สามารถเชื่อมต่อกับถนนเส้นลาดพร้าว และรามอินทรา โดยผู้ใช้รถสามารถเลือกเดินทางได้ 2 ทางเลือกดังนี้
รถยนต์
ภาพจาก Google Map หากเริ่มต้นเส้นทางจากถนนศรีนครินทร์ สู่จุดหมายปลายทาง โครงการ ชิค โฮม ออฟฟิศ ทาวน์อินทาวน์ – ลาดพร้าว
ทางเลือกที่ 1 หากมาจากถนนศรีนครินทร์ ให้หน้ามุ่งหน้าตรงมาเรื่อยๆ ซึ่งจะผ่านแยกพัฒนาการ กรุงเทพกรีฑา และเมื่อถึงแยกลำสาลีให้เลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าถนนเส้นรามคำแหง จากนั้นตรงต่อไปประมาณ 2.80 กม. ให้สังเกตมหาวิทยาลัยรามคำแหงอยู่ซ้ายมือ ให้เตรียมกลับรถมาอีกฝั่ง และตรงมาอีก 100 เมตร จะพบป้ายซอยรามคำแหง 53 อยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 750 เมตร โครงการอยู่ขวามือ ด้านหน้ามีทรู คอฟฟี่ช็อป สังเกตได้อย่างชัดเจน
ภาพจาก Google Map หากเริ่มต้นเส้นทางจากถนนลาดพร้าว สู่จุดหมายปลายทาง โครงการ ชิค โฮม ออฟฟิศ ทาวน์อินทาวน์ – ลาดพร้าว
ทางเลือกที่ 2 หากมาจากถนนลาดพร้าว ให้เลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 112 ตรงมาประมาณ 1.20 เมตร จะเจอทางเชื่อมเข้าสู่ซอยรามคำแหง 53 หรือ ซอยจันศรีชวาลา ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 500 เมตร จะเจอโครงการด้านซ้ายมือ
สภาพซอยรามคำแหง 53 เป็นถนนสองเลนรถสวนกันได้ โดยสังเกตว่าสองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม อพาร์ทเมนต์ และหอพัก
สถานที่แนว Lifestyle
หากถามถึงสถานที่แนวไลฟ์สไตล์โดยรอบที่ตั้งของโครงการ ถือว่ามีให้เลือกสรรได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยมากทีเดียว ด้วยศักยภาพของทำเลใกล้มหาวิทยาลัย และแหล่งงาน รวมถึงภายในตัวโครงการยังมีพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาจากเจ้าของโปรเจคให้กลายเป็นร้านกาแฟ รีเทล รวมถึงอพาร์ทเม้นท์ ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตอันใกล้ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่บางส่วนในโครงการให้กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งของคนมีสไตล์อีกด้วย แต่ถ้าใครชอบไปเยี่ยมชมร้านดัง ภายในซอยนี้มีให้เลือกอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Kitty Cat Café คาเฟ่แมวสุดน่ารัก พร้อมเครื่องดื่มที่มีให้เลือกมากมาย และได้รับความนิยมของเหล่านักศึกษาในย่านนี้อย่างมาก
ส่วนคนชอบเส้น แนะนำให้ลอง ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟ Zen Zen ซึ่งความพิเศษนอกจากจะคัดสรรเนื้อเกรดพรีเมี่ยมแล้ว ยังมีการจัดโปรโมชั่นเอาใจกลุ่มคนพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม ในช่วงตลอดเดือนรอมฎอน ฟรีอินทผาลัมและน้ำหวานให้ทุกโต๊ะอีกด้วย
ส่วนบรรดานักช้อป ในรัศมีใกล้โครงการยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านนี้ อาทิ เดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งใกล้ๆ กันยังมีตลาดนัดตะวันนา แหล่งรวมของถูกให้เลือกสรร รวมถึงเทสโก้ โลตัส หรือห้างที่อยู่คู่ย่านรามคำแหงมายาวนานอย่างแฮปปี้แลนด์ เป็นต้น
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่ได้รับ
สำหรับการลงทุนในอสังหาฯ ประเภทโฮมออฟฟิศ แม้จะมีต้นทุนสูง เนื่องจากส่วนใหญ่มักมีราคาขายเริ่มต้นหลัก 10 ล้านขึ้นไป แต่ด้วยศักยภาพทำเลที่มีความครบครัน และเป็นอีกหนึ่งย่านแหล่งงานที่คึกคักของกรุงเทพฯ ทำให้มีดีมานด์จากผู้ที่ต้องการเช่าค่อนข้างสูง โดยหากปล่อยเช่ายูนิต 4 ชั้น ในขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 250 ตร.ม. จะได้ผลตอบแทน 50,000 บาท/ เดือน ซึ่งถือว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
The Primary 101
The Primary 101 ภาพ via theprimary.co.th
โครงการ: เดอะ ไพรมารี่ 101
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท กรุงเทพพัฒนา ซีเอ็มเอส จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ซอยลาดพร้าว 101 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.
เว็บไซต์: theprimary.co.th
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 2 ไร่ 1 งาน 43 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย: 270 และ 410 ตร.ม.
รูปแบบ: โฮมออฟฟิศ 4.5 – 5 ชั้น รวมทั้งหมด 20 ยูนิต รูปแบบ 2 ห้องนอน 4-5 ห้องน้ำ
ที่จอดรถ: 4-6 คัน
ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้น: 10 ล้านบาท
District Ladprao Phase B
District Ladprao Phase B ภาพ via apthai.com
โครงการ: ดิสทริค ลาดพร้าว เฟส B
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง: ซอยลาดพร้าว 113 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.
เว็บไซต์: apthai.com
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 3 งาน 43 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย: 194.95 – 377.7 ตร.ม.
รูปแบบ: โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น รวมทั้งหมด 9 ยูนิต รูปแบบ 1 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ
ที่จอดรถ: 6-9 คัน
ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้น: 16 ล้านบาท
สรุป
บทสรุป
สำหรับผู้ที่มองหาอสังหาฯ ประเภทโฮมออฟฟิศ เชื่อว่าต่างดูถึงปัจจัยด้านศักยภาพทำเลเป็นสำคัญ ซึ่งชิค โฮม ออฟฟิศ ทาวน์อินทาวน์ – ลาดพร้าว ถือว่าตั้งอยู่ทำเลที่ค่อนข้างมีศักยภาพหลายด้าน ทั้งการคมนาคมที่เชื่อมต่อกับทางฝั่งลาดพร้าว ทาวน์อินทาวน์ หรือรามคำแหงซอย 43 และ 39 พร้อมทั้งในอนาคต ย่านดังกล่าวยังเป็นเส้นทางแนวรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ สายสีเหลือง และสีส้ม ทำให้แม้ว่าการจราจรบริเวณนี้จะค่อนข้างหนาแน่น แต่ด้วยจุดเด่นดังกล่าวจึงทำให้ช่วยการเดินทางสะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการในอาคารเพื่อประกอบธุรกิจของคนในพื้นที่ค่อนข้างสูง
แม้ว่าสภาพซอยรามคำแหง 53 จะอัดแน่นไปด้วยอาคารพาณิชย์ อพาร์ทเมนต์ หอพัก รวมถึงร้านค้าต่างๆ มากมาย แต่ด้วยจุดเด่นของโครงการนี้ ที่ต้องการสร้างชุมชน แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ของย่านนี้ ผ่านการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น ยูโรเปี้ยนแบบฝรั่งเศส โดยชูจุดเด่นพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมาก และสามารถปรับพื้นที่ได้ตามความต้องการ จึงทำให้กลุ่มเป้าหมายอย่างคนทำงาน และผู้ประกอบการ SME ให้ความสนใจ ทั้งแบบซื้อเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจเอง และซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าอีกต่อ เนื่องจากหากปล่อยเช่าจะได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง