Grand Bangkok Boulevard เพชรเกษม-กาญจนา โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury 2 ชั้น กับสังคมส่วนตัวเพียง 62 ครอบครัว ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก St. Stephen’s Cathedral กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รายล้อมด้วยสวนส่วนตัวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ มอบความร่มรื่นและความสงบอย่างมีระดับ พร้อมคลับเฮาส์หรูดีไซน์ร่วมสมัย บนทำเลที่ศักยภาพบนถนนกาญจนาภิเษก ราคาเริ่มต้น 40-70 ล้านบาท
ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบมีการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะตลาดระดับกลางที่มีราคาตั้งแต่ประมาณ 3-5 ล้านที่กระจุกตัวอยู่บริเวณโซนกรุงเทพฯ ตะวันตกอย่างราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ รวมไปถึงเส้นกาญจนาภิเษกยาวออกไปถึงถนนเพชรเกษม ซึ่งถือเป็นทำเลไข่แดงของตลาดบ้านระดับนี้ก็ว่าได้
ในแง่ของการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มครอบครัวขยายระดับกลางนั้น หากมองปัจจัยที่ราคาจะเห็นว่าปัจจุบันราคาของทาวน์โฮม 3 ชั้น และบ้านเดี่ยว 2 ชั้นบนทำเลกาญจนาภิเษกถูกตั้งราคาขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันแถวๆ 4-5 ล้านบาท ซึ่งสิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อโครงการแนวราบก็คือพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านทั้งหมดทุกชั้นของทาวน์โฮม 3 ชั้น อาจจะได้ประโยชน์มากกว่าบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในระดับราคาเดียวกัน
หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้ามาเจาะตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นในทำเลใกล้เมืองก็คือ “เปี่ยมสุข ดีเวลลอปเม้นท์” หนึ่งในผู้พัฒนาที่สั่งสมประสบการณ์กว่า 50 ปีกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแนวราบ ได้มองเห็นถึงศักยภาพของทำเลติดถนนกาญจนาภิเษก และปักหมุดโครงการ “บ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า-กาญจนาภิเษก” ทาวน์โฮม 3 ชั้นที่ชูจุดขายในเรื่องของดีไซน์และพื้นที่ใช้สอย กับทำเลที่ตั้งที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นที่แนวที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (พุทธมณฑล- ท่าพระ) พาดผ่าน และถนนรัตนาธิเบศร์ ที่มีแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – เตาปูน) ความน่าสนใจของโครงการนี้คือการตั้งราคาที่สูสีกับบ้านเดี่ยวในย่านเดียวกัน ซึ่งคุณสามารถค้นหาคำตอบได้จากรีวิวนี้
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: บ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า-กาญจนาภิเษก (Baan Pieamsuk Pinklao-Kanjanapisek)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เปี่ยมสุข ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
เว็บไซต์: http://pieamsuk.co.th
โทร: 086 – 403 – 2525
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2559)
พื้นที่โครงการ: 14-1-71 ไร่
รูปแบบ: ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 131 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: ข้าราชการ, เจ้าของธุรกิจ, กลุ่มครอบครัวขยายในเมือง
สถานะการก่อสร้าง: พฤศจิกายน 2557
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: พฤษภาคม 2559
เปิดขาย: มกราคม 2559
สถานะการขาย: ประมาณ 6% ตั้งแต่เริ่มเปิดขาย
เงื่อนไขการชำระเงิน
เงินจอง: 30,000 บาท
สัญญา: 70,000 บาท
ค่าส่วนกลาง: 1,200 บาทต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี รวมเป็นเงิน 28,800 บาท)
ราคาเริ่มต้น: 4.79 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: เพิ่มลดประมาณ 90,000 บาทต่อตร.ว.
รูปแบบบ้าน
ทาวน์โฮม My Space 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน ที่ดินเริ่มต้น 19.9 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
บริเวณทางเข้าโครงการ ระบบเข้า-ออกเป็นระบบรีโมทสำหรับลูกบ้าน มีไม้กระดกกั้น และ รปภ. ณ ป้อมบริเวณหน้าโครงการตลอด 24 ชม.
คลับเฮ้าส์ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำความลึกประมาณ 1.2 ม. เป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง กว้างพอที่จะว่ายไปกลับต่อคนได้ประมาณ 4-5 คน พร้อมกันในสระ
พื้นที่ล็อกเกอร์เก็บของแยกหญิง-ชาย ในภาพอาจจะดูมีขนาดเล็ก แต่พื้นที่จริงสามารถยืนได้สองฝั่งโดยไม่เบียดกันเลยอยู่
พื้นที่ชั้นบนของคลับเฮ้าส์เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถขึ้นมานั่งเล่น ยืนชมวิว หรือเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมและปาร์ตี้เล็กๆ ได้
ถนนหลักภายในโครงการมีความกว้าง 14 ม.หากเปรียบกับถนนก็สามารถแยกออกเป็นถนนปกติให้รถวิ่งได้เป็น 4 เลนเลยทีเดียว
ถนนภายในซอยกว้าง 8 ม. หากต้องจอดรถไว้หน้าบ้าน สามารถจอดได้ทั้งสองฝั่ง โดยยังมีพื้นที่กว้างพอให้รถวิ่งเข้า-ออกได้
บ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า – กาญจนาภิเษก เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้นที่มีดีไซน์ทันสมัย หากพูดถึงการออกแบบตัวบ้านจะเห็นว่าผนังด้านนอกจะกรุด้วยหิน Collection หรือหินชุดที่มีการออกแบบดีไซน์ให้สวยงาม ซึ่งในจุดนี้หากใครรู้จักกับผู้พัฒนาเปี่ยมสุขจะทราบดีว่าการดีไซน์แบบนี้ไม่ได้แตกต่างจากบ้านเดี่ยวระดับบนของเปี่ยมสุขในแบรนด์ The Master บางแค เลย รูปแบบและดีไซน์โครงการนี้สะท้อนถึงความหรูหราในแบบ The Master บางแค หรือจะเรียกว่านำ The Master บางแค มาย่อขนาดก็ว่าได้ [อ่านรีวิว The Master บางแค]
นอกจากนี้ ด้วยความที่เป็นทาวน์โฮมระดับ 4 ล้านปลายๆ ถ้าเปรียบเทียบกับทาวน์โฮมในพื้นที่ โครงการนี้จะได้เปรียบในเรื่องของส่วนกลางกับโครงการทาวน์โฮมโลคอลในพื้นที่ โดยมีคลับเฮ้าส์ครบครันไปด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ที่ตั้งของทาวน์โฮมอยู่ติดกันตั้งแต่ 3 ยูนิต ไปจนถึง 7 ยูนิต ขึ้นอยู่กับพื้นที่ แบบบ้านส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศเหนือและใต้ และก็มีบางส่วนที่หันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งตรงนี้สามารถดูรายละเอียดได้จาก Master Plan
Master Plan
จากแปลนจะเห็นว่าโครงการหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ โดยมีถนนกาญจนาภิเษกอยู่ติดกับโครงการ หากนับตามแปลนจะเห็นว่าจะมีประมาณ 24 ยูนิตที่มีหน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก โดยยูนิตที่เหลือจะเป็นยูนิตในซอยที่หันหน้าไปทางทิศเหนือและทิศใต้
Unit Layout
แปลนบ้านโดยรวมเป็นบ้านแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีความลึกของที่ดินบ้านทั้งหมดอยู่ที่ 14 ม. เฉพาะภายในตัวบ้านมีความลึก 7.9 ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. สามารถจอดรถได้สองคัน แบ่งพื้นที่ใช้สอยหลักต่างๆ เป็น 5 จุดด้วยกันคือ บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านหรือ Living Room ถัดมาเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ฝั่งซ้ายด้านในสุดติดกับโซนรับประทานอาหารเป็นห้องครัวแบบปิด มีห้องน้ำอยู่บริเวณโถงบันได และส่วนสุดท้ายเป็นพื้นที่ด้านหลังบ้านโดยแบ่งเป็นโซนซักล้างและพื้นที่อเนกประสงค์ที่มีฟังก์ชันของเฉลียงหลังบ้านยื่นออกไป
ชั้นที่สองฟังก์ชั่นการใช้งานถูกจัดโดยเน้นความเป็นส่วนตัว จุดเด่นของชั้นสองหรือโถงบันไดกลางบ้านจะถูกปรับเป็นพื้นที่ My Space หรือพื้นที่อเนกประสงค์ที่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถจัดสรรฟังก์ชั่นการใช้งานได้เอง โดยบริเวณนี้ฝ้าเพดานจะถูกเปิดสูงไปจนชั้นสามหรือที่ความสูงจากพื้นจรดเพดานประมาณ 6 ม.
พื้นที่ชั้นสาม เมื่อขึ้นมาจะพบกับส่วนของ Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำชั้นสาม ซึ่งโครงการออกแบบให้เป็นทางเดินเชื่อมสู่ห้องน้ำหรับแบบบ้านทุกหลังเลย และมีห้องนอนใหญ่อยู่ล่างสุดของแปลน โดยแบ่งออกเป็นสองโซนด้วยกันคือโซนนั่งเล่นพักผ่อนที่ทำการยกสเต็ปพื้นขึ้นมาจากโซนห้องนอนของชั้นสาม ไม่มีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นที่เปิดโล่ง สามารถทำระเบียงเพิ่มเติมออกจากมุมห้องนอนได้ ซึ่งภาพรวมทั้งหมดของชั้นสามจะเป็นเหมือนพื้นที่ใช้สอยของห้องๆ เดียวในสไตล์เพนท์เฮ้าส์ เพียงแต่บริเวณห้องนอนมีประตูเลื่อนกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวเท่านั้นเอง
การวางทิศทางโครงการ
ทิศเหนือ: เป็นหน้าโครงการติดอยู่กับถนนกาญจนาภิเษก
ทิศใต้: อยู่ติดกับโครงการกฤษดา ลากูน เป็นโครงการบ้านเดิม มีพื้นที่ล้อมรอบด้านหลังของโครงการเปี่ยมสุขไว้
ทิศตะวันออก: ติดอยู่กับอาคารผู้รับเหมาก่อสร้างทำหลังคา มีความสูงประมาณ 4 ชั้น รูปแบบอาคารไม่ใหญ่มาก กินพื้นที่วิวเฉพาะปากทางเข้าโครงการเท่านั้น ไม่ได้อยู่ติดกับตัวยูนิตบ้านด้านใน
ทิศตะวันตก: เป็นคลองบางคูเวียง ถัดไปเป็นอพาร์ทเม้นสูงประมาณ 8 ชั้น และที่อยู่อาศัยของคนพื้นที่
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
คลับเฮ้าส์
สระว่ายน้ำ
ฟิตเนส
สวนสาธารณะ
กล้อง CCTV ทั่วโครงการ
ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
รีวิวภายในบ้านตัวอย่าง
ดีไซน์ด้านนอกตัวบ้านเป็นสไตล์โมเดิร์น จากด้านนอกจะเห็นว่าตัวบ้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นตัวบ้านที่ตกแต่งโดยใช้หินกรุ Collection โทนสี Scheme of Luxury ให้ดูโดดเด่นขึ้นมา โดยในส่วนที่สองทางซ้ายสุดของตัวบ้านเป็นพื้นที่ที่จัดเตรียมพิเศษสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์
จากภาพสังเกตุหลังคาจะเป็นแนวแบนราบไปกับตัวบ้าน ซึ่งโครงการเลือกใช้ Metal Sheet ที่มีความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา ด้านล่างมีการเว้นช่องลมใต้หลังคาไว้สองด้านเป็น Grill ระบายความร้อนเพื่อประหยัดพลังงาน บริเวณระเบียงของชั้นสามมีแผงบังแดดแบบแนวนอน ลงมาที่ชั้นสองจะเห็นที่กั้นตกอยู่ภายในช่องรับลมกระจกเขียวตัดแสงที่สามารถเปิดออกได้หรือกลายเป็นระเบียงที่บิลท์อินเข้าไปในตัวบ้านนั่นเอง
บ้านตัวอย่างโครงการตกแต่งให้เป็นสวนหน้าบ้านบนพื้นที่จอดรถ ลานจอดรถปูด้วยหินล้างที่ตกแต่งลวดลายตามสเปคโครงการ มีซุ้มประตูทางเข้าที่ดีไซน์ให้ต่อเติมหลังคาโรงรถได้
บ้านตัวอย่างนี้อยู่แปลงมุมจึงได้ที่ดินข้างบ้านเพิ่มเติม โดยมีพื้นที่กว้างประมาณ 2 ม. สามารถเดินจากหน้าบ้านไปหลังบ้านจากทางนี้ได้
พืนที่ซักล้างหลังบ้าน โครงการปูพื้นซีเมนต์ให้เท่ากับพื้นห้องครัวปิดในบ้าน สามารถทำส่วนนี้ให้เป็นส่วนขยายครัวไทยให้เชื่อมกับห้องครัวปิดด้านในบ้านได้ ด้านในเป็นเฉลียงหลังที่เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารในตัวบ้าน
ตัวอย่างลวดลายพื้นหินกรวดล้างที่โครงการใช้ปูเป็นกระเบื้องลานจอดรถ บริเวณหน้าบ้านจะมีการยกสเต็ปพื้นทางเข้าบ้านขึ้นจากลานจอดรถด้วยเฉลียงหน้าประตูบ้านยื่นออกมาประมาณ 1.2 ม.
จากเฉลียงหน้าบ้านที่ยื่นออกมากับบริเวณกำแพงบ้านที่ดร็อปในส่วนของพื้นที่จอดรถออกไปสามารถจัดสรรเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนเล็กๆ ได้ โดยคานเสาฝั่งนี้ถูกเจาะเป็นช่องเก็บของตามภาพ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาชั้นล่างจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ (Multi- Function Area) ขนาดใหญ่ที่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถจัดสรรปันส่วนพื้นที่ได้เองโดยไม่มีกำแพงกั้นแบ่งห้อง ตามภาพโครงการจัดในส่วนแรกเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถวางโซฟาแบบยาวขนาด 4 ที่นั่งได้พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีแบบบิลท์อิน โดยเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านไปมาอย่างสบาย
ฝั่งตรงข้ามโซฟา โครงการแบ่งแยกบันไดให้เป็นสัดส่วนโดยการทำผนังกั้นในส่วนนี้ให้เป็นทางเดินเข้าไปสู่โถงบันได พร้อมฟังก์ชั่นห้องเก็บของใต้ดินที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก
ด้านในบ้านเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร โครงการจัดให้เป็นโต๊ะชุด 4 ที่นั่ง โดยด้านหลังโซนนี้จะเป็นประตูกระจกเขียวตัดแสงแบบเลื่อนเปิดออกได้ทั้งสองด้าน สามารถเดินออกจากทางนี้ไปสู่เฉลียงหลังบ้านได้
โครงการยกสเต็ปเฉลียงหลังบ้านขึ้นมาให้เท่ากับพื้นตัวบ้านพร้อมปูกระเบื้องลายไม้ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้มีความกว้างประมาณ 1.5 x 2.1 ม. สามารถจัดเป็นมุมสวนหลังบ้าน มุมนั่งพักผ่อน หรือวางชิงช้าได้สบายๆ
มองออกไปจากมุมนี้จะเจอพื้นที่ซักล้างที่ดีไซน์ฟังก์ชั่นให้เชื่อมกับครัวปิดด้านในบ้านได้ โดยมีรั้วกั้นบ้านแปลงมุมเป็นรั้วสีขาวมีความสูงประมาณ 2 ม.
ประตูบานเลื่อนภายในบ้านใช้วงกบไม้จริงพร้อมกระจกเขียวตัดแสง เป็นประตูเลื่อนเปิด-ปิดเท่านั้นไม่สามารถล็อคจากด้านนอกหรือด้านในได้
พื้นที่บริเวณครัวปิดสามารถวางเคาน์เตอร์ครัวรูปตัวแอลได้ โดยเหลือพื้นที่ให้วางตู้เย็นขนาดมาตรฐาน 5 คิว แบบประตูเดียว
มองจากมุมนี้จะเห็นว่าตัวบ้านถูกแยกออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน คือส่วนแรกจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ในตัวบ้าน และส่วนที่สองคือโถงบันไดชั้นล่างที่อยู่บริเวณปากทางเข้าตัวบ้าน และห้องครัวอยู่ถัดออกไป โดยการแบ่งกั้นโซนด้วยชั้นวางทีวีแบบบิลท์อินแค่นั้นเอง
เมื่อเข้ามาในโถงบันได้จะพบกับห้องน้ำกลางชั้นล่างที่ถูกบดบังมิดชิดจากพื้นที่พักผ่อนในตัวบ้าน พื้นบริเวณชั้นหนึ่งเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำขนาด 60×60 ซม. เคลือบแว็กซ์มันวาว ป้องกันรอยขีดข่วน ซึ่งข้อดีการปูกระเบื้องขนาด 60 ซม. นี้คือการช่วยลดรอยต่อจากกระเบื้องขนาด 30 ซม. ทำให้ทำความสะอาดพื้นในช่วงรอยต่อง่ายขึ้น
ทางขึ้นบันได้จากชั้นหนึ่งไปชั้นสอง เป็นบันไดแนวตรงโดยบริเวณทางขึ้นมีช่อง Void สำหรับรับแสงธรรมชาติ วัสดุของลูกนอนเป็นไม้โอ๊คสีเข้ม ลูกตั้งเป็นแบบฉาบเรียบสีขาว โดยโครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีความแข็งแรงทนทาน และมีที่กั้นตกเป็นโครงเหล็กสีดำตามภาพ
เนื่องจากรูปแบบทาวน์โฮมของโครงการเป็นแบบสามชั้น พื้นที่ภายในบ้านจึงถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด บันไดที่เป็นทางตรงเดี่ยวจึงเป็นรูปแบบที่เหมาะสม แม้จะค่อนข้างชันและไม่มีชานพักก็ตาม
เมื่อขึ้นมาบริเวณชั้นสอง ห้องต่างๆ จะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนชัดเจนจากผนังกั้นห้อง โดยในภาพเป็นส่วนของห้องนอนเล็กบริเวณชั้นสอง และพื้นที่ My Space หรือโถงบ้านชั้นสองที่มีพื้นจรดเพดานอยู่ที่ประมาณ 6 ม.
ใกล้กันกับห้องนอนเล็กเป็นห้องน้ำกลางชั้นสอง เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องนอนจะพบกับทางเข้าห้องน้ำ และทางลงบันไดพอดี
ห้องน้ำกลางชั้นสองประกอบไปด้วยส่วนแห้ง พร้อมบานหน้าต่างรับแสงธรรมชาติที่สามารถเปิดรับลมได้บริเวณโถสุขภัณฑ์ให้อารมณ์แบบห้องน้ำรีสอร์ท
พื้นที่บริเวณโซนเปียกมีประตูกระจกใสกั้นตามภาพ โครงการตกแต่งผนังโซนนี้ด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ให้อารมณ์ผ่อนคลายเวลาอาบน้ำ พร้อมไอเดียประหยัดพื้นที่โดยการดร็อปผนังลงไปเป็นชั้นวางเครื่องอาบน้ำ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 90 x 150 ซม. พร้อมช่องระบายน้ำที่พื้น แบบป้องกั้นกลิ่นอับ ในเรื่องของประตูกระจกใสกั้นโซนเป็นแบบเลื่อนเข้าอย่างเดียว ทั้งนี้ หากเป็นคนตัวใหญ่อาจจะต้องหลบมุมให้พ้นองศาประตูตอนปิดเมื่อเข้าไปในห้องอาบน้ำ
บรรยากาศโดยรวมของห้องนอนเล็กบริเวณชั้นสอง ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตหนา 3 มม. ความบางของไม้ลามิเนตขนาด 3 มม. แสดงถึงโครงสร้างบ้านที่มีการฉาบพื้นปูนที่เรียบมากจึงสามารถปูพื้นไม้แบบบางได้ ฉะนั้นเวลาเดินจะไม่ค่อยได้ยินเสียงกรอบแกรบๆ ให้ฟีลเหมือนเดินบนพื้นไม้จริงๆ
ห้องนอนแบ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนที่สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้โดยเหลือทางเดิน อีกด้านของห้องนอนก็ยังเหลือพื้นที่ในการจัดวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานขนาดความกว้างไม่เกิน 1 ม. ได้อยู่ ห้องนอนนี้จะตั้งอยู่ทางด้านหลังบ้าน บานหน้าต่างที่ได้รับก็จะเปิดออกไปสู่วิวด้านหลังบ้านด้วย โดยห้องนอนนี้มีขนาดห้องอยู่ที่ 2.95 x 3.10 ม.
ผนังทางเข้าห้องโครงการออกแบบช่อง Void สำหรับมองผ่านจากห้องไปพื้นที่ My Space พื้นที่สังสรรค์ของครอบครัวบริเวณชั้นสองได้
พื้นที่ My Space โครงการจัดให้เป็นมุมพักผ่อนหรือห้องสมุด โดยมีพื้นที่จากพื้นจรดเพดานอยู่ที่ 6 ม. พร้อม หลังคา Sun Light ถึงแม้พื้นที่จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่หากจัดสรรดีๆ ก็ใช้เป็นพื้นที่สังสรรค์ของครอบครัวที่มีสมาชิก 4-5 คนได้สบายๆ และด้วยความโปร่งโล่งของเพดานจึงทำให้พื้นที่เล็กๆ นี้ดูกว้างขึ้นมาก
จากภาพโครงการจัดเป็นโต๊ะยาวพร้อมเก้าอี้แบบสูงสองที่นั่ง และชั้นหนังสือ แต่จากที่ได้เห็นพื้นที่จริงพบว่าสามารถจัดมุมนี้เป็นห้องนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 4 ที่นั่งตามแนวกว้างได้เลย
Sun Light ด้านบนของฝ้าเพดานชั้นสาม สามารถรับแสงธรรมชาติได้ทั้งวัน หรือสามารถติดราวม่านแนวนอนเพิ่มเติมได้ เพราะบ้านก่อสร้างมาจากอิฐมวลเบา ต่อเดิมได้ง่ายกว่าบ้านแบบพรีคาสท์ หรือถ้าให้ดีกว่านั้นทำเป็น Sunroof แบบกดรีโมทเปิด-ปิดได้ก็เก๋ไปอีกแบบ
พื้นที่ My Space ตรงกลางไม่ได้ทำผนังกั้นไว้ ห้องจึงดูโปร่งโล่ง รวมทั้งเหลือพื้นที่ทางเดินเชื่อมไปสู่ห้องนอนกว้างมาก
บรรยากาศภายในห้องนอนของชั้นสอง สามารถวางเตียงคิงไซส์โดยเหลือพื้นที่ให้เดินรอบเตียงยังได้ แต่โครงการจัดห้องนี้ให้เป็นห้องนั่งเล่น และห้องทำงาน เลย์เอาท์ของห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน
ห้องนี้ไม่มีระเบียงออกไปรับลมด้านนอก แต่โครงการออกแบบที่กันตกไว้ด้านในห้อง พร้อมประตูบานเลื่อนความสูงจรดเพดาน ซึ่งสามารถเปิดเลื่อนออกได้ทั้งสองด้าน หรือเป็นมุมระเบียงจากในห้องนั่นเอง
ผนังห้องที่ดร็อปลงไปที่บริเวณประตูทางเข้าห้อง ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยขึ้นมาไม่มาก แต่สามารถจัดพื้นที่นี้ให้เป็นมุมห้องพระ มุมทำงาน หรือวางตู้เสื้อผ้าได้สบาย
อีกฝั่งหนึ่งของห้องที่เป็นส่วนที่ติดกับพื้นที่ My Space กลางบ้านชั้นสอง โครงการออกแบบให้สามารถเดินเข้า-ออกเชื่อมต่อกันได้ โดยใช้ประตูบานเลื่อนสองตอน วงกบอะลูมิเนียม พร้อมกระจกเขียวตัดแสงที่สามารถมองเห็นทะลุถึงกันได้
บันไดทางขึ้นชั้นสามเป็นทางตรงชันสูง แต่ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย มีช่องรับแสงธรรมชาติอยู่เป็นมุมหน้าต่างหน้าบนชั้นสาม
ห้องน้ำชั้นสามเป็นห้องน้ำสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านในสุดที่มีผนังปูกระเบื้องลายไม้เป็นพื้นที่ซักล้างที่อยู่ในห้องน้ำ
ตรงกลางห้องน้ำเป็นโซนแห้ง ประกอบด้วยอ่างล้างหน้าที่ มีปลั๊กไฟครอบกั้นน้ำ โถสุขภัณฑ์ ที่ฉีดน้ำชำระ ที่เก็บของใต้อ่างล้างหน้า และกระจกเงาบานใหญ่
พื้นที่ซักล้างในห้องน้ำ มีช่องระบายน้ำที่พื้น (Floor Drain) ที่สามารถกันกลิ่นได้ พร้อมบานกระทุ้งที่สามารถเปิด-ปิดได้ จากขนาดกระเบื้องที่ 60×60 ซม. หากเชื่อมต่อระบบประปามา สามารถวางเครื่องซักผ้าขนาดมาตรฐานได้ทั้งแบบฝาบน และฝาหน้า
เมื่อเดินมากลางบ้านชั้นสาม บริเวณพื้นที่ที่เป็น My Space จะมีที่กันตก ทำให้บริเวณนี้โปร่งโล่ง และมองไปข้างล่างจากมุมนี้ได้ หากคิดว่าไม่เป็นส่วนตัวก็สามารถก่ออิฐมวลเบาขึ้นมาได้โดยที่ไม่เสียพื้นที่ทางเดินเท่าไรนัก
อีกฝั่งหนึ่งของทางเดินเชื่อมเข้าสู่ห้องนอนใหญ่ โครงการออกแบบให้เป็นชานระเบียงยื่นออกมาจากห้องนอน โดยใช้โครงสร้างเหล็กสีดำให้เข้ากับวงกบประตูบานเลื่อนของห้องนอน และชั้นวางหนังสือ ซึ่งเป็นการออกแบบในสไตล์ Industrial ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
แบบบ้านตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูกั้นห้องนอนใหญ่ไว้ เพราะตั้งใจให้ห้องชั้นสามนี้เป็นแบบเพนท์เฮ้าส์ที่รวมทุกส่วนไว้เป็นห้องเดียวกันทั้งชั้นเลย แต่ทั้งนี้ก็สามารถติดตั้งประตูได้ ทั้งระหว่างชานพักทางขึ้นบันได และประตูห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
บริเวณห้องนอนใหญ่บนชั้นสามมีขนาดประมาณ 3.45 x 5.50 ม. โดยเพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่นั่งเล่น พักผ่อน ดูทีวีในห้องนอนด้วย พื้นที่ใช้สอยของห้องมีขนาดกว้างกว่าทุกชั้น โดยพื้นที่ปลายห้องยื่นออกไปถึงบริเวณที่เป็นส่วนของบันได เนื่องจากพื้นที่ในส่วนนี้ไม่โครงสร้างบันไดมากินพื้นที่ทำให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นกว่าห้องนอนชั้นสองที่ถูกชานบันไดกินเนื้อที่เข้ามา
ด้านในสุดของห้องมีหน้าต่างหนึ่งมุมเป็นบานกระจกสามารถเปิดรับลมได้ ถัดไปจากหน้าต่างนี้เป็นในส่วนของระเบียง บริเวณพื้นที่นอนมีการดร็อปผนังเข้าไป ทำให้เวลาวางเตียงสามารถเดินรอบเตียงได้สบายๆ
จากมุมเตียงเมื่อมองออกไปจะเห็นว่าบรรยากาศของห้องนั่งเล่นมีความโปร่งสบาย ทั้งนี้หากไม่ได้ติดตั้งชั้นวางทีวี ก็สามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้ พื้นที่โดยรวมของผนังน่าจะสามารถติดทีวีขนาด 60 นิ้วได้ โดยอยู่ในระยะสายตาจากบนเตียง และโซฟาได้อยู่
ระเบียงอยู่บริเวณเตียงนอน หันหน้าออกไปรับวิวหน้าบ้าน เป็นประตูกระจกบานเลื่อน วงกบอะลูมิเนียม สามารถเลื่อนเปิดออกได้สองตอน โครงการให้ไอเดียตกแต่งม่านแบบ Sheer ให้แสงผ่านได้ชั้นนอก และใช้ผ้า Black out ด้านใน เพื่อให้สามารถรับแสงอ่อนๆ ได้ในยามเช้า และเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้
ระเบียงห้องนอนใหญ่มีที่กันตกเป็นโครงเหล็กสีดำ สูงจากพื้นประมาณ 1.5 ม. โดยมีพื้นที่ระเบียงขนาดประมาณ 3.00 x 0.80 ม.
รีวิวภายในบ้านจริง
อีกฝั่งของตัวบ้านเป็นพื้นที่ของห้องครัวปิด และห้องโถงขึ้นบันได ซึ่งแยกส่วนนี้ไว้กับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านอย่างชัดเจน
หลังบ้านมีเฉลียงยื่นออกไปประมาณ 1 ม. พร้อมยกสเต็ปพื้นให้เท่ากับพื้นตัวบ้าน พื้นหลังบ้านโรยด้วยหินทราย
หลังคา Sun Light จริงของแบบบ้านตัวอย่าง จะสังเกตุเห็นว่าผนังห้องที่ชั้นสามไม่ได้ทำการเจาะผนังยื่นชานระเบียงออกมาให้สามารถเข้า-ออกได้เหมือนบ้านตัวอย่าง
พื้นที่ห้องอเนกประสงค์บริเวณชั้นสอง ตั้งอยู่ทางโซนหน้าบ้าน ไม่มีระเบียงเชื่อมต่อแต่มีที่กันตกพร้อมประตูบานกระจกใสเปิดรับลมกว้างได้
ในส่วนผนังที่ติดกับ My Space เป็นช่อง Void ที่สามารถมองทะลุถึงกันได้ ซึ่งตรงนี้บ้านตัวอย่างเปลี่ยนเป็นประตูกระจกกั้นที่สามารถเดินเข้า-ออกเชื่อมต่อกันได้
ผนังห้องนอนโครงการมอบเป็นกระจกบานฟิกซ์สามตอนตามภาพ สามารถทุบผนังออกแล้วต่อเติมให้เป็นแบบบ้านตัวอย่างที่สามารถเดินออกมาสู่ชานระเบียงที่สามารถทำเพิ่มขึ้นมาได้
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
วงกบประตู หน้าต่าง
ภายใน: วงกบสูง 2.15 ม. ใช้วัสดุไม้จริง
ภายนอก: วงกบ หน้าต่าง ประตู เป็นอะลูมิเนียม
พื้น
ชั้นล่าง: กระเบื้องแกรนิตโต้สีดำขนาด 60×60 ซม.
ชั้น 2-3: ไม้ลามิเนตหนา 3 มม.
ลานจอดรถ: เป็นพื้นทรายล้าง
ผนัง
ภายใน: เป็นอิฐมวลเบาฉาบเรียบทาสีขาว
ภายนอก: กรุหินเทียม Collection
หลังคา: เมทัลชีท พร้อมพ่นโฟม PE กันความร้อน และลดเสียงรบกวน
กระจก: ประตู หน้าต่างใช้กระจกเขียวตัดแสงหนา 6 มม.
ความสูงพื้นจรดเพดาน
ชั้นล่าง: 2.8 ม.
ชั้นสอง: 2.8 ม. (มีพื้นที่อเนกประสงค์กลางชั้นทำเพดานโปร่งโล่งไปถึงชั้นสามมีความสูงที่ประมาณ 6 ม.)
ชั้นสาม: 2.8 ม.
บันได: ไม้เนื้อแข็ง
สุขภัณฑ์: Mogen
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
บริเวณถนนกาญจนาภิเษกถือเป็น “โลเคชั่นใหม่” ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นถนนที่เชื่อมถนนสายสำคัญๆ ไว้หลายสาย ไม่ว่าจะเป็นถนนเพชรเกษม ถนนบรมราชชนนี ถนนนครอินททร์ ถนนรัตนาธิเบศร์ อันเป็นเส้นทางคมนาคมที่จะนำไปสู่ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมความเจริญของโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ซึ่งหากมองไปยังอนาคตอันใกล้ ถนนเกาญจนาภิเษกก็เป็นถนนเส้นตรงยาวที่เชื่อมต่อช่วงต้นของฝั่งถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (พุทธมณฑล- ท่าพระ) อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนรัตนาธิเบศร์หรือบริเวณ MRT สถานีแยกบางใหญ่หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – บางซื่อ) ถึงแม้จะมีระยะห่างช่วงถนนเพชรเกษมกับถนนรัตนาธิเบศร์บนเส้นกาญจนาภิเษกอยู่ที่ประมาณ 20 ม. แต่นอกจากถนนราชพฤกษ์แล้ว ถนนกาญจนาภิเษกก็ถือเป็นถนนไม่กี่สายที่เชื่อมต่อเส้นทางสำคัญนี้ไว้ด้วยกัน
ข้อดีด้านเส้นทางคมนาคมนี่เองที่ทำให้เจ้าของโครงการเล็งเห็นความสำคัญของทำเลนี้และนิยมมาปักหมุดบนทำเลกาญจนาภิเษก รองจากเส้นราชพฤกษ์ ดีมานด์ที่หลั่งไหลเข้ามาบนพื้นที่นี้ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มที่มีที่อยู่อาศัยเดิมจากถนนที่เชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษกดังกล่าว รวมไปถึงบริเวณราชพฤกษ์ เนื่องจากต้องการระบบขนส่งมวลชนที่พร้อมกว่า และบริเวณถนนกาญจนาภิเษกก็สามารถมอบให้ได้มากกว่า โดยในอนาคตอันใกล้จะมีทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ เป็นตัวชูโรงด้านการคมนาคม
อีกหนึ่งศักยภาพสำคัญของทำเลนี้ ก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะทำให้ย่านบางใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษกกลายเป็นประตูสู่ตะวันตกอย่างเต็มรูปแบบก็คือ โครงการมอเตอร์เวย์ บางใหญ่ – กาญจนบุรี ที่ในอนาคตจะกลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ทำให้การเดินทางสู่ภาคตะวันตก สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถใช้งานได้ในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งหากมองในแง่ของการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC แล้ว เส้นทางนี้จะเชื่อมต่อไปสู่กาญจนบุรีที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศเมียนมาร์ และจะยกระดับความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนจนถึงขนาดทำให้พื้นที่บริเวณที่เชื่อมต่อมอเตอร์เวย์นี้อย่างถนนกาญจนาภิเษกเป็นทำเลเรียกดีมานด์จากประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องเข้ามาติดต่อธุรกิจในประเทศไทยได้เลย
วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งโครงการ
โครงการบ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า-กาญจนาภิเษก ตั้งอยู่บนถนนกาญจนาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าไปยังถนนบรมราชชนนี – เพรชเกษม โดยมีถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์ที่ใกล้ที่สุดคือถนนนครอินทร์ ซึ่งหากจะใช้เส้นทางนี้จำเป็นต้องกลับรถใต้สะพานซึ่งมีระยะห่างจากโครงการ 500 ม. ไปอีกฝั่งและเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานวงแหวนออกขวาเข้าสู่ถนนนครอินทร์ไปเชื่อมต่อสู่ถนนราชพฤกษ์ได้เลย
หากดูจากแผนที่ด้านบน จะเห็นว่านอกจากถนนนครอินทร์ที่เป็นส่วนเชื่อมต่อสู่ถนนสายอื่นที่ใกล้ที่สุดแล้ว จะเห็นว่าถนนสายสำคัญอีกสามสาย คือรัตนาธิเบศร์ บรมราชชนนี และเพชรเกษม โดยทางฝั่งถนนรัตนาธิเบศร์จะเชื่อมต่อไปถึงราชพฤกษ์ยาวออกไปถึงสะพานพระนั่งเกล้าและไปสู่นนทบุรีได้เลย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของความเจริญด้านนี้อย่าง เซ็นทรัล เวสต์เกต รวมทั้งยังเป็นเส้นทางการเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – เตาปูน) ซึ่งจากเดินทางจากโครงการไปถึงถนนรัตนาธิเบศร์ จำเป็นต้องกลับรถด้านหน้าโครงการเช่นกัน หากนับจากทางกลับรถมาจนถึงแยกเลี้ยวเข้ารัตนาธิเบศร์จะมีระยะห่างประมาณ 6 กม.
ในส่วนของถนนบรมราชชนนี หากไม่ต้องการกลับรถก็สามารถเดินทางเข้าเมืองจากทางนี้ได้เพราะเป็นถนนสายยาวที่มีจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักหลายสาย เช่น สะพานพระราม 7 สะพานกรุงธนบุรี สะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 4 กม. โดยเส้นทางคมนาคมที่สำคัญบริเวณนี้คือสะพานลอยฟ้าบรมราชชนนีที่จะช่วยคลายปัญหาความหนาแน่นของจราจรของถนนบรมราชชนนีด้านล่างไม่มากก็น้อย หากไม่นับบริเวณถนนราชพฤกษ์ ถนนบรมราชชนนี – ปิ่นเกล้าถือเป็นถนนที่มีสาธารณูปโภคครบครันกว่าทุกๆ ถนนที่เป็นจุดเชื่อมต่อจากกาญจนาภิเษกเข้าสู่ตัวเมือง
อีกหนึ่งเส้นที่ต้องพูดถึงคือ ถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นที่ตั้งของเดอะมอลล์ บางแค ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ที่เด่นไม่น้อยไปกว่าเซ็นทรัล เวสต์เกต รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (พุทธมณฑล – ท่าพระ) ที่สถานีหลักสอง ซึ่งหากใครที่ชอบความ Local ถนนสายนี้สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ได้ โดยสถานที่แนะนำบริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษมก็คงหนีไม่พ้นตลาดพลู ซึ่งจากโครงการมาสู่ถนนเพชรเกษมมีระยะห่างประมาณ 12 กม.
นอกจากเส้นทางสำคัญ 4 สายแล้ว ยังมีถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก และบางแวก สำหรับการเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนจรัญสนิทวงศ์ หากนับจากโครงการจะเป็นถนนที่อยู่ถัดมาจากถนนบรมราชชนนีฝั่งมุ่งหน้าไปทางเพชรเกษม ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังราชพฤกษ์ได้เช่นกัน แต่ถนนบางแวกจะเป็นถนนเดินรถแค่สองเลนสวนทางกัน อาจจะไม่กว้างขวางเท่ากับถนนสายหลัก
โดยเส้นทางนอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมดยังมีอีกจุดเด่นสำคัญของเส้นทางคมนาคมอย่างทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกที่จะเปิดใช้บริการกลางปี 2559 นี้ คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะช่วยรับรถจากถนนกาญจนาภิเษก พื้นที่ฝั่งตะวันตกวิ่งเข้าสู่ระบบทางพิเศษศรีรัช เข้าสู่พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยทางด่วนนี้มีระยะห่างจากโครงการเพียง 2 กม.
การเดินทาง
การเดินทางจากถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อใจกลางเมืองกับโครงการ โดยให้มุ่งหน้าตรงไปขึ้นตามป้ายทางด่วน
เมื่อเลี้ยวขวามาจะเป็นถนนวิ่งเลียบใต้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งใกล้จะเปิดให้บริการแล้วในเดือน ส.ค. นี้
เมื่อเลี้ยวซ้ายมา ให้ขับตรงมาอีกประมาณ 500 ม. จะพบกับป้ายโครงการ อยู่ติดกับถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนเพชรเกษม
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์นอกเหนือจาก ห้างสรรพสินค้า และคอมมิวนี้ตี้ที่สำคัญ คือร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ที่นิยมมาปักหมุดบริเวณนี้ โดยในระยะการใช้รถยนต์จะประกอบไปด้วยร้านอาหารดั้งเดิมที่สะสมประสบการมาเป็นเวลานาน หรือเป็นสาขาที่แยกออกมาจากสาขาหลัก เรียกได้ว่าหากได้มาอาศัยอยู่บนย่านนี้ไม่มีทางพลาดเมนูเด็ด เมนูดัง ของอร่อยที่คัดสรรมาอย่างดีจากร้านอาหารดีกรีภัตตาคารแน่นอน รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ใหม่อย่าง Drive Thru ก็มีแมคโดนัลด์สาขากาญจนาภิเษกที่คอยให้บริการตลอด 24 ชม. เอาแบบที่หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาแต่ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง แต่กัลบเป็นฟาสฟู้ดที่ดูฮะรูฮะรากว่า นอกจากเรื่องของกินอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นยอดนิยมขนาดนี้ก็เป็นในเรื่องของสุขภาพ บริเวณตรงข้ามกับ แมคโดนัลด์ ไดรฟ์ ทรู ยังมีร้านจักยานชื่อดังอย่าง Asia Bike ใหได้เข้าไปเลือกอุปกรณ์เกี่ยวกับจักรยานทุกชนิดทั้งแบบนำเข้าและผลิตในประเทศ
แมคโดนัลด์ Drive Thru กาญจนาภิเษก
ครัวเจ๊ง้อ สาขาถนนกาญจนาภิเษก
ภัตตาคาร เชฟกระทะเหล็ก
ร้านทะเลอันดามัน
ครัวสมร
ขอการันตีรสชาติอาหารร้านครัวสมรจากผู้รีววเอง เนื่องจากเป็นร้านคุ้นเคยและแวะไปเป็นประจำ ซึ่งหากใครได้มีโอกาสได้แวะไป ลองเข้าไปชิม ยำถั่วพลู แกงส้มกระเฉดปลาช่อน คอหมูย่าง รับรองว่าจะต้องแวะกลับมากินอีกอย่างแน่นอน
Asia Bike
นอกจากนั้นก็จะมีคอมมิวนิตี้มอลล์ และห้างสรรพสินค้าชื่อดังในระแวกที่เป็นที่รู้จัก อาทิ เช่น
Plus Mall
The Crystal SB
The Walk ราชพฤกษ์
เซ็นทรัล เวสต์เกต
เดอะมอลล์ บางแค
Paseo กาญจนาภิเษก
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตรผลตอบแทนที่จะได้รับ
โครงการตั้งอยู่ติดกับฝั่งถนนกาญจนาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าไปเพชรเกษม ซึ่งส่วนใหญ่โครงการบริเวณนี้ เป็นโครงการที่เน้นกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ แต่จากการสำรวจข้อมูลพบว่ากลุ่มดีมานด์ที่ให้ความสนใจโครงการบ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า-กาญจนาภิเษก เป็นดีมานด์ที่หลั่งไหลเข้ามาจากบริเวณอื่นซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีฐานะอยู่ในระดับกลางถึงระดับบน และกำลังพิจารณาเลือกซื้อระหว่างทาวน์โฮมของโครงการเปี่ยมสุขกับบ้านเดี่ยวระดับกลางเพื่ออยู่อาศัยเอง
ในทิศทางของการลงทุน พบว่าทาวน์โฮมบริเวณนี้มักจะถูกซื้อเพื่อการลงทุนมากกว่าบ้านเดี่ยว ถึงแม้จะมีราคาค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 บาท แต่ด้วยดีไซน์ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้าน บวกกับทำเลที่ใกล้กับสาธารณูปโภค และส่วนกลางคลับเฮ้าส์ที่เรียกได้ว่าสูสีกับโครงการบ้านเดี่ยวเลย ทำให้ทาวน์โฮม 3 ชั้นอย่างโครงการเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า-กาญจนาภิเษก ได้รับความสนใจไม่แพ้บ้านเดี่ยวทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยเองและการซื้อไว้ปล่อยเช่า
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
โครงการวิลล่า การ์เด้น 3 รัตนาธิเบศร์
เจ้าของโครงการ: รสิกา
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 202ยูนิต แบ่งเป็น 12 เฟส
ที่ตั้ง: ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
พื้นที่โครงการ: 44-3-73 ไร่
แบบบ้าน: 4 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 170 – 190 ตารางเมตร
ระดับราคาเริ่ม 4.99 – 6 ล้านบาท
Habitia Bond ราชพฤกษ์
เจ้าของโครงการ: บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้ง: ถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง เหนือสุดของถนนราชพฤกษ์
เนื้อที่โครงการ 98-0-6 ไร่
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 425 ยูนิต ขนาด 3 ห้องนอน 2-3 ห้องน้ำ 2-3 ที่จอดรถ
พื้นที่ใช้สอย 130-223 ตารางเมตร
ที่ดินขนาด 50-89 ตารางวา
ราคาเริ่มต้น 4.15 ล้านบาท (ราคาเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 2012)
คาซ่า เพรสโต้ ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ CASA PRESTO Ratchaphruek – Chaengwattana
เจ้าของโครงการ คาซ่าวิลล์ (ในเครือ ควอลิตี้เฮ้าส์)
ที่ตั้ง: ถนนราชพฤกษ์ ตำบลอ้อมเกลือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 195 ยูนิต
พื้นที่โครงการ: 43 ไร่
พื้นที่ใช้สอย: ตั้งแต่ 136.0 ถึง 172.0 ตร.ม.
ขนาดที่ดิน: ตั้งแต่ 50.6 ถึง 59 ตร.ว.
ราคา: 3.69 – 6 ล้านบาท (ณ วันเปิดตัว)
สรุป
โครงการบ้านเปี่ยมสุข ปิ่นเกล้า-กาญจนาภิเษก เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้นแนวใหม่ที่มีจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย และที่ตั้งโครงการบนทำเลถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งในอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สำคัญ หากมองในรูปแบบของความสะดวกสบายด้านระบบคมนาคมสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าก็เอามาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจซื้อได้ ถึงแม้ปัจจัยการซื้อบ้านส่วนใหญ่จะไม่ได้มองเรื่องของการเดินทางอื่นนอกเหนือจากรถยนต์ แต่การคมนาคมในส่วนนี้ก็ถือว่าเข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตในอนาคต ในส่วนเส้นทางของถนนสายหลักที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่เพียงแต่เป็นศักยภาพของการเดินทางแต่ยังเป็นจุดเชื่อมต่อให้ดีมานด์จากย่านอื่นหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ด้วย สำหรับราคา บางคนอาจจะมองว่า ถ้าต้องจ่ายเท่านี้ ซื้อบ้านเดี่ยวได้เลยนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล บางคนอาจจะชอบบ้านที่เนื้อที่ที่ดินไม่ใหญ่มาก แต่บ้านมีพื้นที่ใช้สอยภายในเยอะ ในขณะที่บางคนไม่เน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้าน แต่อยากได้เนื้อที่รอบๆ บ้านที่มากพอ คงต้องเลือกตัดสินใจว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของคุณในการซื้อครั้งนี้คืออะไรระหว่างเนื้อที่กับฟังก์ชั่น