รีวิวโครงการ: แชปเตอร์ เจริญนคร – ริเวอร์ไซด์ (Chapter Charoennakhon – Riverside)

ภาพรวมโครงการ แชปเตอร์ เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์

โครงการ แชปเตอร์ เจริญนคร – ริเวอร์ไซด์ เป็นคอนโดมิเนียมใหม่ High Rise สไตล์โมเดิร์น แบ่งออกเป็น 3 อาคาร คือ อาคารเพื่ออยู่อาศัย 2 อาคาร สูง 43 และ 45 ชั้น พร้อมอาคาร Facility 1 อาคาร สูง 6 ชั้นอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ฝั่งด้านหน้าจะติดกับถนนเจริญนคร เป็นเส้นที่เชื่อมต่อไปโซนพระราม 3 คลองสาน วงเวียนใหญ่ หรือวนขึ้นสะพานตากสินเพื่อเชื่อมเข้าสาทร สีลมได้สะดวก อยู่ใกล้ทางด่วนศรีรัช ใกล้ BTS กรุงธนบุรีที่เป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีทอง และยังใกล้ท่าเรือด่วนเจ้าพระยาอีกด้วย

รอบ ๆ โครงการจะรายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารขึ้นชื่อ รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำระดับประเทศอย่าง ไอคอนสยาม และยังใกล้กับสถานศึกษาชื่อดังอีกหลายแห่ง

การวางทิศทางโครงการ

ตัวโครงการ แชปเตอร์ เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ติดกับถนนเจริญนคร ทางทิศตะวันวันออกเฉียงเหนือจากถนนใหญ่ เมื่อเข้ามาภายในก็จะเจอกับอาคาร B ที่สูง 43 ชั้นก่อนเป็นอันดับแรก 

ถัดมาจะเป็นอาคาร A มีความสูง 45 ชั้น และสุดท้ายก็จะเป็นอาคาร Facility ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยามีความสูง 6 ชั้น จุดเด่นของทำเลที่ถือเป็นเรื่องโชคดีของผู้พักอาศัยคือ ตัวโครงการจะอยู่บริเวณโค้งลำน้ำพอดี ทำให้ไม่ว่าคุณจะเลือกห้องอยู่ชั้นไหน ตึกอะไรก็ตาม จะมีโอกาสมองเห็นวิวริมน้ำได้เหมือนๆกันหมด

แต่ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายและขวาจะแตกต่างที่ลักษณะของภาพที่เห็นเท่านั้น คือ ฝั่งซ้ายจะเป็นวิวเมือง CBD ของกรุงเทพ อย่าง สีลม สาทร ส่วนฝั่งขวาจะเป็นแนววินเทจออกไทยๆ เช่น เอเชียทรีค วัดวาอาราม นั่นเอง

Floor Plan

ตึก B จะอยู่ใกล้ถนนที่สุด เข้ามาถึงก็จะเจอล็อบบี้ บรรยากาศก็จะเหมือนกับเซลล์แกลอรี่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น การใช้โทนสีขาว เทา ดำ การตกแต่งฝ้าเพดานและกระจกสูงแบบไม่มีเฟรม เพื่อให้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มที่ เป็นต้น

โดยชั้น 1 จะเป็นส่วนของที่จอดรถ ขึ้นมาชั้น 2-3 จะเป็นส่วนของ Active Gym จากนั้นชั้น 4 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของที่พักอาศัยและ STUDIO (RIVERVIEW) ขนาด 25.10 ตารางเมตร ถือเป็นห้องที่มีมากที่สุด จากนั้นก็จะเป็น 2 BEDROOM (RIVERFRONT) ขนาด 49.10 ตารางเมตร

ผังอาคาร B ชั้น 5 – 42 จะเป็นส่วนของที่พักอาศัยเช่นเดียวกัน แต่จะมีจำนวนยูนิตที่มากกว่าชั้น 4 เพราะมี 1 BEDROOM (RIVERVIEW) ขนาด 32.10 ตารางเมตรเพิ่มเข้ามา

ถัดมาก็จะเป็นตึก A ที่อยู่ใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและตึก Facility มากที่สุด จะมีปริมาณที่จอดรถเยอะกว่าตึก B พอขึ้นมาก็จะเจอสวนและทางเชื่อมไปตึก B และตึก Facility ในส่วนของที่พักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 7

โดยตั้งแต่ชั้น 7-16 จะมีแปลนเหมือนกัน คือ มี 1 Bedroom Exclusive (Riverview) 38.95 ตร.ม.และ 1 Bedroom (Riverview) 34 ตร.ม.มากที่สุดในบริมาณที่เท่านั้น จากนั้นก็จะเป็น 2 Bedroom (Riverfront) 75.60 ตร.ม.อยู่ที่มุมตึก

แปลนตึก A ชั้น 17 – 44 จะถือเป็นชั้นที่มียูนิตน้อยที่สุดในโครงการคือมี 2 Bedroom (Riverview) 68.60 – 78.80 ตร.ม.มากที่สุด และมี 3 Bedroom (Riverfront) 151.60 ตร.ม.อยู่ที่มุมตึก

Unit Layout

ห้องมีให้เลือกทั้งหมด 8 แบบ โดยแบ่งเป็นตึก A 5 แบบและตึก B 3 แบบ ดังต่อไปนี้

ตึก A

• 1 Bedroom (Riverview) 34 ตร.ม.
• 1 Bedroom Exclusive (Riverview) 38.95 ตร.ม.
• 2 Bedroom (Riverview) 68.60 – 78.80 ตร.ม.
• 2 Bedroom (Riverfront) 75.60 ตร.ม.
• 3 Bedroom (Riverfront) 151.60 ตร.ม.

ตึก B

• Studio (Riverview) 25.10 ตร.ม.
• 1 Bedroom (Riverview) 32.10 ตร.ม.
• 2 Bedroom (Riverfront) 49.10 ตร.ม.

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกของ แชปเตอร์ เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์ ถือว่ามีอยู่มากและรองรับความสุข รวมถึงความต้องการของบุคคลในทุก ๆ วัยได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของพื้นที่สีเขียวทั้งหมด 2 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 5 ไร่ของโครงการ

ดังนั้นใครชอบธรรมชาติหรือรักการออกกำลังกายกลางแจ้ง ที่นี่มีให้โดยที่คุณไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนให้ลำบาก อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็กระจายไปทั้ง 3 ตึกพอ ๆ กัน

แต่เนื่องจากตัวโครงการมีพื้นที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทีมงานนักคิดและนักออกแบบจึงนำเอาความโดดเด่นของบริเวณนี้มาทำเป็นตึก Facility เพราะต้องการทำตามข้อกำหนดกฎหมายที่ห้ามก่อสร้างตึกสูงบริเวณริมน้ำและยังอยากให้ผู้อยู่อาศัยได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศความสวยงามของบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในขณะประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มอิ่มแบบไม่มีอะไรขวางกั้นอีกด้วย สำหรับ Facility ของตึกต่างๆจะมีดังต่อไปนี้

เริ่มจากตึก B

– ส่วนกลาง สไตล์โมเดิร์น ตกแต่งทันสมัย

– Active Gym บริเวณชั้น 2-3 สร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของคนสมัยใหม่ ที่อยากทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนหรือบุคคลอื่นที่มีความชอบอะไรเหมือนกัน โดย Active Gym จะเป็นห้องสตูดิโอที่กว้างทั่วทั้งชั้นประมาณ 300 ตารางเมตร สูง 2 ชั้น ดังนั้นกิจกรรมที่ทำในห้องนี้ ได้แก่ โยคะสตูดิโอ ปีนผา ต่อยมวย แด๊นซ์ซิ่ง สตูดิโอ บาสเกตบอล ฟุตซอล เป็นต้น แถมมีอุปกรณ์รองรับบางส่วน เช่น ผาจำลอง ที่ได้มาตรฐานตามความปลอดภัยของสมาคมกีฬา กระสอบทราย เป็นต้น ผู้พักอาศัยที่อยู่ในตึก A สามารถเข้ามาใช้ได้

– สกายเลาจน์ จะอยู่ด้านบนสุด เป็น Facility เพียงอย่างเดียวที่ทั้ง 2 ตึกไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ คือ ถ้าผ่านโซนพักอาศัยขึ้นไปแล้ว ทางโครงการไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกใช้ลิฟท์ขึ้นไปในโซนที่พักอาศัยของผู้อื่น เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุด

ตึก A

– ที่จอดรถ

– สวนพร้อมทางเชื่อมไปตึก Facility มีลักษณะเป็นมุมพักผ่อนนั่งเล่น ร่มรื่น เงียบๆ แบบไม่ต้องการเห็นกิจกรรมอะไรเลย

– สกายเลาจน์ จะอยู่ด้านบนสุด

ตึก Facility มี 2 ชั้น จะอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย

– Fitness Center อยู่ชั้น 2 ติดกระจกไม่มีเฟรมเพื่อให้เห็นวิวได้อย่างเต็มอิ่ม พื้นที่กว่า 100 ตารางวา อุปกรณ์ครบครัน

– ด้านล่าง เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ประกอบไปด้วย River Lounge Pool Lounge Co-Kitchen Terrace สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ Kids Club & Sand Pit Riverside Boulevard พื้นที่อเนกประสงค์ เป็นต้น

– ท่าเรือของโครงการ

ภาพจำลองบรรยากาศสกายเลาจน์ด้านบนสุดของตึก A และตึก B ที่สามารถมองเห็นวิวสวยๆริมแม่น้ำเจ้าพระยา

รีวิวภายในห้องตัวอย่าง

โครงการคอนโดมิเนียม แชปเตอร์ เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์ มีห้องให้เลือกทั้งหมด 8 แบบ

และสิ่งที่จะได้รับจากโครงการ มีดังต่อไปนี้

– Home Automation

– Digital door lock

– เฟอร์นิเจอร์

สำหรับวันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างแบบ 3 BEDROOM (RIVERFRONT) ขนาด 151.60 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโครงการอยู่ที่ตึก A ชั้น 17 – 44 แบบ Fully Fitted ที่แถมเฟอร์นิเจอร์บางส่วนให้ เช่น อุปกรณ์ในครัว ห้องน้ำ บิ้วอิน ตู้เสื้อผ้า เป็นต้น พื้นไวนิลลายก้างปลา มีลิฟท์ส่วนตัว ความกว้างห้องจะเต็มช่วงหน้ากว้างของตึกเลย จึงสามารถเห็นวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่ง CBD และเอเชียทรีคได้ เราชอบทางเข้าห้องเป็นพิเศษเพราะตกแต่งสวยงาม เรียบหรู เหมือนเดินอยู่ในแกลอรี่พิพิธภัณฑ์งานแสดงภาพศิลปะ

ก่อนจะเข้าไปที่ตัวห้อง จะเจอห้องโถงส่วนตัว ขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งสามารถตกแต่งเป็นโซนวางของเก๋ๆหรือมุมวางรองเท้าสำหรับทุกคนในครอบครัวได้

ทุกห้องของทางโครงการจะแถมประตูแบบ Digital door lock มาให้ทั้งหมด เมื่อเปิดเข้ามาก็จะเจอกับห้องโล่งๆ ที่กว้างมากๆ เพดานสูง 3 เมตร บรรยากาศตรงนี้จึงโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด แถมได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติที่ผ่านเข้ามาทางกระจกใสอย่างเต็มที่

อีกทั้งยังใส่ใจรายละเอียดด้วยการติดตั้งแอร์ด้วยระบบท่อ เพื่อไม่ให้ตัวเครื่องของแอร์ เข้ามาบดบังทัศนียภาพความสวยงามในห้อง โดยทางโครงการได้ตกแต่งส่วนนี้ให้เป็นห้องนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหาร ซึ่งดูสวยงามและลงตัวมากเลยทีเดียว

มีส่วนหนึ่งที่น่าสนใจในห้องนี้ ก็คือ ระเบียงแบบดับเบิ้ลเรเยอร์ ที่สามารถทำให้คุณเปิดรับบรรยากาศริมน้ำได้ด้วยหน้าต่างกระจกใสหน้ากว้าง 5 เมตรเท่ากับขนาดของห้องนั่งเล่นเลยทีเดียว ถึงจะยาวไม่มาก แต่ถือว่าใหญ่พอให้ทำกิจกรรมได้หลายคน คือ วันไหนอากาศดีไม่อยากเปิดแอร์ ก็สามารถเปิดหน้าต่างกระจกรับลมได้ หรือลูกอยากทำกิจกรรมส่วนตัวกับเพื่อนฝูงกลัวเสียงดังรบกวนคนในบ้าน ก็สามารถปิดหน้าต่างและประตูกลายเป็นห้องอเนกประสงค์อีกห้องหนึ่งได้ ซึ่งส่วนนี้อาจจะไม่ได้มีทุกยูนิต จะมีแค่บางยูนิตที่มีพื้นที่เหลือเท่านั้น ทางโครงการจึงจะทำให้

เดินมาทางฝั่งขวามือ ก็จะเป็นส่วนของ Master Bedroom ตกแต่งกระจกเข้ามุมรับวิวเอเชียทรีค ติดตั้งแอร์ท่อ ฝ้าเพดานสูง ลักษณะห้องจะเป็นแนวยาว สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้แล้วยังมีพื้นที่เหลือให้เดิน ด้วยความที่ห้องยาวมาก ถัดจากเตียงไปแล้ว ยังสามารถจัดเป็นมุมสำหรับวางโต๊ะทำงานและโซนแต่งตัวได้อีกด้วย

สำหรับห้องน้ำใน Master Bedroom เรารู้สึกว่ากว้างกว่าห้องน้ำทุกคอนโดมิเนียมที่เราเคยเห็นมา มีอ่างอาบน้ำ ชักโครกใช้ระบบอัตโนมัติแบบปุ่มสัมผัส ดีไซน์สวยงามเข้ากับการตกแต่งตัวห้อง และทางโครงการจะยกแบบและเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นนี้ให้กับผู้อยู่อาศัยทั้งหมด

ออกจากห้อง Master Bedroom ก็จะเป็นห้องครัวแบบปิด ใช้ประตู Digital door lock ขนาดพื้นที่กำลังดี ไม่ใหญ่มากแต่สามารถวางอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวกับการทำครัวและทำความสะอาดได้ครบทุกประเภท

มีประตูหลังที่เปิด – ปิดด้วยประตู Digital door lock เชื่อมกับบริเวณด้านนอก เพื่อใช้เป็นทางออกเวลาไปทิ้งขยะหรือนัดแม่บ้านมาทำความสะอาดโดยไม่ต้องเข้าจากทางประตูหน้า มีประตูระบายอากาศที่โผล่ออกไปเจอระเบียง มีห้องน้ำง่ายๆเล็กๆ และห้องอเนกประสงค์ที่สามารถทำเป็นห้องเก็บของหรือห้องนอนของแม่บ้านก็สะดวก

เดินออกมาจากครัว ผ่านประตูหน้าห้องไปทางซ้าย ก็จะเป็นส่วนของห้องนอนอีก 2 ห้อง โดยห้องแรกทางโครงการจะตกแต่งให้เป็นห้องนอนของลูกชายผู้พักอาศัย มีห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ด้านหน้า

ห้องนี้ถือเป็นห้องเดียวที่ไม่มีมุมให้เห็นวิวริมน้ำ มีขนาดเล็กสุดแต่ก็มีกว้างพอที่จะสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้แล้วยังมีพื้นที่เหลือ ให้วางตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน ดังนั้นถ้าไม่ทำเป็นห้องนอน สามารถออกแบบให้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ ห้องดูหนัง หรือห้องเล่นเกมส์ได้

ใกล้กัน ก็จะเป็นห้องนอนห้องสุดท้ายที่เราชอบมาก ตกต่างคล้ายๆ Master Bedroom แต่มีขนาดเล็กกว่า วิวสวยแบบไม่มีอะไรบดบัง จึงทำให้ห้องดูกว้าง ปลอดโปร่ง จนหลายคนกลัวว่าแบบนี้…คนจากภายนอกจะสามารถมองเห็นผู้อยู่อาศัยจากทางด้านในได้หรือไม่

ความจริงแล้ว ไม่เลย เพราะทางโครงการติดตั้งกระจกกรองแสงสีเทาเอาไว้ ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องลดความร้อน กรองแสงยูวีแล้ว ยังสามารถกันคนมองเห็นจากบริเวณด้านในและสีสวย เป็นโทนเดียวกับคอนเซ็ปต์ของโครงการอีกด้วย 

ทั้งหมดนี้คือห้องตัวอย่างของห้องแบบ 3 BEDROOM (RIVERFRONT) ขนาด 151.60 ตารางเมตร เราจะเห็นถึงการใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการดีไซน์

โทนสีและตกแต่งตัวห้องให้สอดคล้องไปกับคอนเซ็ปต์ของทางโครงการ ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สวิทช์ไฟที่สั่งทำพิเศษหรือกระจกสีเทา เป็นต้น นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยี เพื่อความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุด