ส่องกล้องค่าตอบแทนทางเชื่อมบีทีเอส สกายวอล์ค

27 ธ.ค. 2555

Kanchana Paha 

สำหรับใครที่เคยใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส
คงจะสังเกตได้ว่ามีอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือศูนย์การค้าหลายแห่งสร้างทางเชื่อมติดสถานีบีทีเอส
และในบางสถานีมีทางเดิมเชื่อมระหว่างสถานีที่เรียกว่า "สกายวอล์ค" เช่นระหว่างสถานีชิดลม-สยาม
และสถานีสยาม-สนามกีฬาแห่งชาติ ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะขอทำทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้ากันมากขึ้น
เพราะช่วยอำนวยความสะดวกสบายและในกรณีของศูนย์การค้าก็ถือเป็นโอกาสดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างสะดวกสบาย
เคยสงสัยหรือไม่ว่า การสร้างทางเชื่อมดังกล่าวกับระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ
มีค่าใช้จ่ายขนาดไหน  

เมื่อเร็วๆ นี้
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจได้รายงานว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและส่วนต่อขยายได้ออกหลักเกณฑ์การขออนุญาต-ค่าตอบแทนการสร้างทางเชื่อมระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯส่วนต่อขยาย
และสกาย วอล์ค หลังจากที่พบว่ามีความต้องการในการขอสร้างทางเชื่อมเป็นจำนวนมาก โดยหลักเกณฑ์มีสาระสำคัญ ดังนี้

  • ผู้ขออนุญาตสามารถยื่นคำขออนุญาตทางเชื่อมได้ที่สำนักการจราจรและขนส่ง
    กรุงเทพมหานคร โดยมีเอกสารประกอบการยื่นคำขอ อาทิ รูปแบบ รายการคำนวณ
    รายการประมาณราคา หลักฐานกรรมสิทธิ์ของอาคารและที่ดินที่ตั้งอาคาร พร้อมชำระค่าตรวจแบบการสร้างทางเชื่อม
    5
    0,000 บาทแก่ กทม.
  • การพิจารณาคำขอมีเกณฑ์พิจารณาหลัก 3 ข้อย่อย
    ได้แก่
    – ความกว้างของทางเข้า-ออกทางเชื่อม
    ต้องมีขนาดความกว้างตามมาตรฐานการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนฯ
    เพียงพอที่ประชาชนสามารถใช้สัญจรเข้า-ออกระบบได้สะดวก ปลอดภัย
    และเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2542) ออกตามความใน พ.ร.บ.การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ
    พ.ศ. 2524
    และระเบียบคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการว่าด้วยมาตรฐานหรือสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการ
    พ.ศ. 2544
    – ความสูง กำหนดให้ต้องสูงไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับความสูงของชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร
    และมีความสูงเพียงพอที่จะให้รถดับเพลิงเข้า-ออกเพื่อปฏิบัติงานในอาคารที่เชื่อมต่อได้สะดวก
    ในกรณีที่เป็นการเชื่อมกับ "ทางเดินลอยฟ้า" หรือ "สกายวอล์ค" ความสูงของทางเชื่อมจะต้องไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับความสูงทางเดินลอยฟ้า
    และสูงเพียงพอที่จะให้รถดับเพลิงเข้า-ออกได้
    – ทางเชื่อมที่ขออนุญาตจะต้องมีทางขึ้น-ลงสู่ที่สาธารณะได้ตลอดเวลาโดยไม่มีสิ่งกีดขวางการใช้สอยตามปกติ
  • ในส่วนของเกณฑ์ค่าตอบแทน
    การคำนวณจะยึดหลักความยาวที่ก่อสร้าง และมีอัตราเรียกเก็บค่าตอบแทนระหว่าง
    5-25% ของมูลค่างานก่อสร้าง
    (ดูตารางประกอบ)

ความยาวของทางเชื่อมที่ก่อสร้าง (เมตร)

มูลค่าของงานก่อสร้าง (%)

ไม่ถึง 100 เมตร

25

ยาวตั้งแต่ 100 เมตร แต่ไม่ถึง 200 เมตร

20

ยาวตั้งแต่ 200 เมตร แต่ไม่ถึง 300 เมตร

15

ยาวตั้งแต่ 300 เมตร แต่ไม่ถึง 400 เมตร

10

ยาว 400 เมตรขึ้นไป

5

นอกจากนี้ จะต้องวางหลักประกันในวงเงิน 2 ล้านบาท และต้องมีหนังสือหลักประกันธนาคารมูลค่า
5% ของมูลค่างานก่อสร้างทางเชื่อม โดยจะคืนให้ภายหลังจากตรวจงานงวดสุดท้าย
รวมทั้งจะมีค่าตอบแทนรายปีอีกปีละ 4%
ของราคาประเมินที่ดินบริเวณทางเชื่อมที่ก่อสร้าง

ทั้งนี้
การที่มีอาคารที่มีทางเชื่อมติดกับสถานีรถไฟฟ้านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯ
บริเวณนั้น ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าเหตุใดดีมานด์ในการขออนุญาตสร้างทางเชื่อมหรือสกาย
วอล์คนั้นจึงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าการลงทุนดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่สูงอยู่ไม่น้อย

อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ 
เขียนความเห็น