สำหรับใครที่เคยใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส
คงจะสังเกตได้ว่ามีอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือศูนย์การค้าหลายแห่งสร้างทางเชื่อมติดสถานีบีทีเอส
และในบางสถานีมีทางเดิมเชื่อมระหว่างสถานีที่เรียกว่า "สกายวอล์ค" เช่นระหว่างสถานีชิดลม-สยาม
และสถานีสยาม-สนามกีฬาแห่งชาติ ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะขอทำทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้ากันมากขึ้น
เพราะช่วยอำนวยความสะดวกสบายและในกรณีของศูนย์การค้าก็ถือเป็นโอกาสดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างสะดวกสบาย
เคยสงสัยหรือไม่ว่า การสร้างทางเชื่อมดังกล่าวกับระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ
มีค่าใช้จ่ายขนาดไหน
เมื่อเร็วๆ นี้
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจได้รายงานว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและส่วนต่อขยายได้ออกหลักเกณฑ์การขออนุญาต-ค่าตอบแทนการสร้างทางเชื่อมระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯส่วนต่อขยาย
และสกาย วอล์ค หลังจากที่พบว่ามีความต้องการในการขอสร้างทางเชื่อมเป็นจำนวนมาก โดยหลักเกณฑ์มีสาระสำคัญ ดังนี้
- ผู้ขออนุญาตสามารถยื่นคำขออนุญาตทางเชื่อมได้ที่สำนักการจราจรและขนส่ง
กรุงเทพมหานคร โดยมีเอกสารประกอบการยื่นคำขอ อาทิ รูปแบบ รายการคำนวณ
รายการประมาณราคา หลักฐานกรรมสิทธิ์ของอาคารและที่ดินที่ตั้งอาคาร พร้อมชำระค่าตรวจแบบการสร้างทางเชื่อม
50,000 บาทแก่ กทม. - การพิจารณาคำขอมีเกณฑ์พิจารณาหลัก 3 ข้อย่อย
ได้แก่
– ความกว้างของทางเข้า-ออกทางเชื่อม
ต้องมีขนาดความกว้างตามมาตรฐานการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนฯ
เพียงพอที่ประชาชนสามารถใช้สัญจรเข้า-ออกระบบได้สะดวก ปลอดภัย
และเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2542) ออกตามความใน พ.ร.บ.การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ
พ.ศ. 2524
และระเบียบคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการว่าด้วยมาตรฐานหรือสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการ
พ.ศ. 2544
– ความสูง กำหนดให้ต้องสูงไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับความสูงของชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร
และมีความสูงเพียงพอที่จะให้รถดับเพลิงเข้า-ออกเพื่อปฏิบัติงานในอาคารที่เชื่อมต่อได้สะดวก
ในกรณีที่เป็นการเชื่อมกับ "ทางเดินลอยฟ้า" หรือ "สกายวอล์ค" ความสูงของทางเชื่อมจะต้องไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับความสูงทางเดินลอยฟ้า
และสูงเพียงพอที่จะให้รถดับเพลิงเข้า-ออกได้
– ทางเชื่อมที่ขออนุญาตจะต้องมีทางขึ้น-ลงสู่ที่สาธารณะได้ตลอดเวลาโดยไม่มีสิ่งกีดขวางการใช้สอยตามปกติ - ในส่วนของเกณฑ์ค่าตอบแทน
การคำนวณจะยึดหลักความยาวที่ก่อสร้าง และมีอัตราเรียกเก็บค่าตอบแทนระหว่าง
5-25% ของมูลค่างานก่อสร้าง (ดูตารางประกอบ)
ความยาวของทางเชื่อมที่ก่อสร้าง (เมตร) |
มูลค่าของงานก่อสร้าง (%) |
ไม่ถึง 100 เมตร |
25 |
ยาวตั้งแต่ 100 เมตร แต่ไม่ถึง 200 เมตร |
20 |
ยาวตั้งแต่ 200 เมตร แต่ไม่ถึง 300 เมตร |
15 |
ยาวตั้งแต่ 300 เมตร แต่ไม่ถึง 400 เมตร |
10 |
ยาว 400 เมตรขึ้นไป |
5 |
นอกจากนี้ จะต้องวางหลักประกันในวงเงิน 2 ล้านบาท และต้องมีหนังสือหลักประกันธนาคารมูลค่า
5% ของมูลค่างานก่อสร้างทางเชื่อม โดยจะคืนให้ภายหลังจากตรวจงานงวดสุดท้าย
รวมทั้งจะมีค่าตอบแทนรายปีอีกปีละ 4%
ของราคาประเมินที่ดินบริเวณทางเชื่อมที่ก่อสร้าง
ทั้งนี้
การที่มีอาคารที่มีทางเชื่อมติดกับสถานีรถไฟฟ้านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯ
บริเวณนั้น ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าเหตุใดดีมานด์ในการขออนุญาตสร้างทางเชื่อมหรือสกาย
วอล์คนั้นจึงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าการลงทุนดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่สูงอยู่ไม่น้อย
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่