สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านที่น่ารัก เข้าสู่เดือนมีนาคมกันแล้วนะคะ ไว้ไว เนอะเวลาเนี่ย เดี๋ยวอีกไม่นานก็จะเข้าสู่สงกรานต์กันแล้ว หลายๆ คนคงจะมีแผนไปเที่ยวไหนต่อไหนกันแล้วใช่ไหมเนี่ย
หากวางแผนไปเที่ยว ช่วงนี้ก็คงต้องเก็บเงินสำรองเผื่อไปไหนกันได้แล้วละมังคะ ส่วนดาด้าน่ะ ขอบายค่ะ ช่วงนี้ไม่มีตังค์ พูดแล้วแอบเซ็ง ว่าแล้วก็ต้องเริ่มปรับชีวิตกันบ้างซะแล้ว สู้ๆ ค่ะ ให้กำลังใจตัวเอง และทุกคนที่ประสบปัญหาเดียวกัน สู้เว้ยยยย
พอดีจังหวะดีค่ะ ได้ไปอ่านหนังสือ “คู่มือบริหารเงินอย่างชาญฉลาด” ของสำนักพิมพ์ ณดา เขียนโดย ปวริศา เนินสกุล แล้วก็ได้แง่คิดอะไรดีๆ เกี่ยวกับเรื่องการออมเงิน เลยจะขอหยิบยกมาฝากกัน เพราะเชื่อว่า หลายๆ คนอาจยังมีปัญหาเรื่องการเก็บออม ก็เหมือนดาด้าแหละค่ะ ต้องเริ่มต้นจัดการชีวิตใหม่เหมือนกัน เพราะใช้เงินเก่ง แต่ดั๊นเก็บเงินไม่เป็น เข้าทำนองหาเงินได้น้อย แต่ใช้เยอะ เสร็จเลยทีนี้ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ชีวิตยังมีหนทาง เรามาดูกันดีกว่าว่าจะทำยังไงดี
คนส่วนใหญ่ถูกสอนและเรียนรู้แต่เรื่องของ “การใช้เงิน” และ “การหาเงิน” แต่กลับไม่ค่อยมีใครสอนเรื่อง “การบริหารเงินที่มี” ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะจัดการกับเงินที่มีอยู่ในมือให้ได้อย่างอยู่หมัดแล้วล่ะก็ เคล็ดที่ไม่ลับจากหนังสือ คู่มือบริหารเงินอย่างชาญฉลาด เขาบอกมานะว่า เงินน่ะมีไว้รับใช้เรา อย่างยอมตกเป็นทาสของมัน เพียงแค่รู้เคล็ดลับและวิธีจัดการเท่านั้น รับรองว่าคุณจะมีอำนาจเหนือเงินในมือได้อย่างง่ายดาย…โอ๊ โอว ฟังดูเข้าท่าดีแฮะ
เส้นทางสู่ความร่ำรวยนั้น มีเพียงพอสำหรับทุกคน
อนาคตที่สดใสและอิสรภาพทางการเงิน เป็นสุดยอดปรารถนาของทุกคน ส่วนใหญ่คนที่พบวิธีไปสู่ความรวย เป็นเพราะเขาพบความลับที่ว่า “เงินออมก้อนแรกยากที่สุด” ไม่ว่าวันนี้คุณจะอายุเท่าไหร่ มีรายได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ต้องเริ่มต้นจากการรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน ลองมาทบทวนกันสักนิดว่า คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนี้รึเปล่า !!
วัยเรียน : ยังเด็กเกินไป เอาไว้โตก่อนค่อยเก็บเงิน
วัยทำงาน : โอ๊ย เก็บไม่ได้หรอก มีค่าใช้จ่ายเยอะไปหมด
วัยสร้างครอบครัว : ลูกต้องเรียน ไหนจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เอาไว้ลูกเรียนจบ ค่อยเริ่มเก็บเงิน
ถ้าคุณมีแนวโน้มพฤติกรรมอย่างนี้ คงถึงเวลาแล้วที่ต้องเริ่มต้นจัดการกับเงินในกระเป๋าเพราะการวางแผนการเงิน สำคัญเท่ากับการวางแผนชีวิต เพราะช่วยให้เราจัดการเรื่องเงินทองได้ดีและสามารถวางแผนอื่นๆ อย่างมีระบบมากขึ้น หลายคนต้องพบกับปัญหาทางการเงินเพราะไม่สามารถจัดสรรเงินที่ได้มาอย่างลงตัวกับรายจ่าย แต่กลายเป็นว่า “ยิ่งหาเงินเพิ่มเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งไม่เคยเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเลย” หนำซ้ำยังอาจต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต เพียงเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายเฉพาะหน้าวันต่อวันเท่านั้นเอง
มีสถิติบันทึกตัวเลขเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ไว้ว่า ชีวิตเกษียณของคนเรา ถ้ามีรายได้ไว้ใช้จ่ายต่ำกว่า 70% ของรายได้เดือนสุดท้าย จะใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก นั่นหมายความว่า ถ้าวันนี้คุณมีรายได้ต่อเดือนๆ ละ 10,000 บาท หลังเกษียณแล้วจะต้องมีเงินในมือสำหรับใช้จ่ายอย่างน้อยเดือนละ 7,000 บาท ขึ้นไป แล้ววันนี้ในกระเป๋าคุณ มีเงินเก็บเท่าไหร่แล้ว ?? เริ่มนับหนึ่งบ้างรึยัง
เขาบอกกันนะคะว่า ใช้เงินเป็นน่ะ สำคัญกว่า เก็บเงินเก่ง ซึ่งการใช้เงินเป็น ไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว มีแต่การลองผิดลองถูกและจำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียน อันไหนเป็นข้อเสียที่ทำให้เงินทองรั่วไหล ต้องหลีกหนีให้ไกลและเริ่มต้นปรับพฤติกรรมใหม่
เคยมีงานวิจัยเรื่องการใช้เงินระบุว่าคนเรามักใช้จ่ายมากกว่าที่ตั้งใจไว้สูงถึง 20% เพียงเพราะความเผลอใจ เรามักพบตัวเองเผลอหยิบสิ่งของที่ไม่อยู่ในแผนลงตะกร้าเสมอ ลองแยกแยะ “ของที่จำเป็น” กับ “ของที่อยากได้” 2 คำง่ายๆ แต่ได้ผลอย่างน่าประหลาดใจ
สูตรคิดการออม เริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่
สูตรที่หลายคนคุ้นเคยและเข้าใจกันผิดๆ มาตลอด คือ รายได้ – ค่าใช้จ่าย = เงินออม ถ้าคิดตามสูตรนี้ นอกจากจะไม่เหลือเงินออมแล้วยังชักหน้าไม่ถึงหลังอีกด้วยนะจ๊ะ คนรวยเขาไม่ทำอย่างนั้นกันหรอก กลับตัวกลับใจยังทัน กระเป๋าสตางค์ยังให้อภัย
แต่คุณต้องเริ่มต้นเดี๋ยวนี้ เดือนนี้ วันนี้ และนาทีนี้ กับสูตรตั้งต้นชีวิตใหม่ รายได้ – เงินออม = ค่าใช้จ่าย สมมุติว่า มีเงินเดือน 10,000 บาท และนำมาแบ่งดังนี้คือ รายได้ 100% ในแต่ละเดือน นำมาหักเงินออม เป็นจำนวน 10% ของรายได้ ส่วนที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ การกันเงินออมออกมาก่อนจะช่วยให้คุณเก็บเงินได้อย่างจริงจังมากขึ้น
ส่วนจะเก็บเงินออมไว้ที่ไหน ก็ต้องเรียนรู้ว่าเก็บรักษาที่ไหนจึงปลอดภัย รวมทั้งศึกษาวิธีเพิ่มค่าของเงินออม อย่าลืมคิดเรื่องการฝากเงินด้วยการเลือกสถาบันการเงินที่ให้ดอกผลคุ้มค่า ดูแลผลประโยชน์ให้เราอย่างดี และมองถึงการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน สุภาษิตฝรั่งบอกว่า อย่าใส่ไข่หลายใบไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน เพราะถ้าวันใดเผลอทำตะกร้าหลุดมือ ไข่ทุกใบก็อาจจะแตกพร้อมกันได้
นี่แหละค่ะ เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่อ่านเจอมาก็เลยมาเล่าสู่กันฟังพอหอมปากหอมคอ ใช้เงินน่ะมันง่ายกว่าหาเงินจริงๆ นะคะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้เรางกๆ เค็มๆ จนชีวิตไม่มีความสุข ขาดการแบ่งปัน เพราะว่าถึงอย่างไรเสียการมีน้ำใจกับผู้คนรอบข้างก็เป็นสิ่งที่สวยงามนะคะ เห็นใครขาดอะไร หากเราพอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือได้โดยไม่เดือดร้อนเราก็น่าจะช่วยจริงไหมคะ
สรุปแล้วเราต้องรักษาสมดุลให้ดีค่ะ ซึ่งตอนนี้ดาด้าก็ต้องไปจัดการเริ่มต้นนับหนึ่ง รักษาสมดุลชีวิตให้ตัวเองในเรื่องการใช้ และเก็บเงินเหมือนกัน ฮา ฮา ฮา ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณผู้อ่านที่อาจจะประสบปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่ด้วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ มองโลกแง่ดี เรายังมีโอกาสที่จะเริ่มต้นเสมอค่ะ
วันนี้ไปแล้วนะ วันหน้ามาคุยกันเบาๆ อีกนะจ๊ะ
บ๊าย บาย ^0^