ไนท์แฟรงค์ฯมองตลาดคอนโดฯในกรุงไม่ซึมอย่างที่คิด

ไนท์แฟรงค์ฯ มองตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ยังโตต่อไปได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว เหตุดีมานด์ผู้ซื้อกระเป๋าหนักยังคงดี ช่วยพยุงไม่ให้ตลาดโดยรวมซึมอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

จากบทวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครช่วงไตรมาส 2 โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ระบุว่าตลาดที่อยู่อาศัยในแนวสูงของกรุงเทพฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีความกังวลเรื่องผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในเริ่มหายากและมีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มขยับขยายการพัฒนาโครงการออกไปสู่พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกและปริมณฑลกันมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2 พบว่ามีโครงการคอนโดฯ เปิดตัวใหม่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ถึง 73% ของคอนโดฯ ที่เปิดตัวใหม่ทั้งหมด

อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยพยุงให้ตลาดคอนโดฯ ในเมืองยังคงเดินหน้าต่อไปได้ คือการที่ผู้ที่มีกำลังซื้อหรือเงินเย็นยังคงมีความต้องการซื้ออยู่ สังเกตได้จากการที่คอนโดฯ ระดับไฮเอนด์ที่มีราคาขายเฉลี่ย 150,000 บาท ต่อตารางเมตรจากผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียงในทำเลไพรม์ยังคงสามารถขายได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนเซ็กเมนต์ที่มีการเติบโตค่อนข้างช้าในช่วงที่ผ่านมาได้แก่ คอนโดมิเนียมระดับกลางที่มีทำเลที่ตั้งห่างไกลจากระบบขนส่งมวลชน

นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าโครงการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับไฮเอนด์ไปจนถึงซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงขึ้น โดยแนวโน้มคล้ายๆ กันพบได้ในพื้นที่ชานเมืองที่โครงการใหม่ๆ ในทำเลใกล้ระบบขนส่งมวลชน เช่น แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้งในปัจจุบันและอนาคต กำลังเริ่มเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าไปสู่ระดับกลาง-บนเพื่อแสดงให้เห็นว่าที่ดินมีราคาสูงขึ้น

ราคาคอนโดฯ ที่เปิดตัวใหม่ค่อยๆ ขยับราคาสูงขึ้นทั่วทั้งกรุงเทพฯ แต่เป็นช่วงราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับทำเล โดยโครงการในเขตศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ราคาเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่เร็วกว่ามากเนื่องจากขาดแคลนที่ดินในการพัฒนาและการเปิดตัวของโครงการระดับซูเปอร์ไพร์มที่เปิดตัวในราคาสูงกว่า 250,000 บาท ต่อตารางเมตร ส่วนราคาเฉลี่ยของคอนโดในเขตชานเมืองอยู่ที่ 127,578 บาท ต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 15.6%

“ความต้องการคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ จะมีการชะลอตัวในบางพื้นที่ ทำเลที่น่าเป็นห่วงจะอยู่ในบริเวณกรุงเทพฯ รอบนอก ที่โครงการเปิดตัวใหม่มีราคาสูงเกินไป การขาดแคลนที่ดินในเขตเมืองและเขตชานเมืองระดับไพรม์จะบีบให้ราคาสูงขึ้น โดย โครงการที่พัฒนาในทำเล CBD ส่วนใหญ่ในที่ดินชุดสุดท้ายจะเป็นโครงการระดับซูเปร์ลักซ์ชัวรี่ และผู้พัฒนาโครงการมักปล่อยขายยูนิตในมืออย่างช้าๆ เพื่อผลประโยชน์จากการเพิ่มมูลค่าของห้องชุดต่อไป” นางสาวริษิณีกล่าว