ประธานฯ AREA เห็นต่าง ตั้งคำถามมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เป็นการช่วยผู้ประกอบการหรือคนรายได้น้อยจริงๆ
หลังจากที่มีข่าวคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รอบล่าสุดเมื่อวานนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อมาตรการดังกล่าวในมุมมองที่เห็นต่าง โดยมองว่ามาตรการดังกล่าวในที่สุดอาจสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจแทนได้
“ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการเรียกร้องจาก “คนจน” ใด ๆ เรื่องมาตรการเหล่านี้ คงเป็นการดำเนินการเพื่อผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ จะสามารถโอนบ้านได้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันสั้น เป็นการลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการโดยกระจายความเสี่ยงไปสู่ประชาชนมากกว่า” ดร.โสภณ กล่าว
ประธานฯ AREA กล่าวต่อว่ามาตรการอำนวยสินเชื่อผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมกับสถาบันการเงินอื่น ๆ ในขณะที่การปรับลดภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนจาก 3% เหลือ 0.02% นั้น คงเป็นการดำเนินการกระตุ้นการเร่งโอนเพื่อผู้ประกอบการรายใหญ่ ๆ จะสามารถโอนบ้านได้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันสั้น เป็นการลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการโดยกระจายความเสี่ยงไปสู่ประชาชนมากกว่า
ส่วนมาตรการทางภาษีที่ประชาชนสามารถนำ 20% ของมูลค่าที่อยู่อาศัย นำมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไปนั้นก็เป็นไปเพื่อการช่วยเร่งการโอนของโครงการโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ๆ เช่นกัน
“ที่อ้างว่า “นายกฯ เป็นห่วงเรื่องการมีบ้านของคนมีรายได้น้อย โดยต่อไปจะดำเนินนโยบายบ้านมั่นคง และให้การเคหะแห่งชาติเข้ามาช่วยดูอีกทาง” ในความเป็นจริง คนที่จนจริงนั้น เขาเช่าที่อยู่อาศัยราคาถูกที่มีอยู่ทั่วไป การเร่งให้เขาซื้อโดยที่เขายังอาจไม่พร้อม เป็นการสร้างภาระและความเสี่ยงแก่ประชาชน”
ดร.โสภณมองว่าการที่ให้สิทธิเฉพาะผู้ซื้อบ้านหลังแรกนั้น ดูคล้ายเป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการซื้อบ้านมือหนึ่งมากกว่าหรือไม่ เพราะหากจะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การซื้อขายบ้านหลังใดก็ตามควรที่จะได้รับสิทธิ์เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินจริงไปสู่ภาคประชาชน ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่และสถาบันการเงิน
“ยิ่งกว่านั้น หากเราเน้นการผ่อนคลายการปล่อยกู้ของธนาคาร อาจจะก่อให้เกิดหนี้เสียมากขึ้น เช่นที่เคยเกิดขึ้นในสถาบันการเงินของภาครัฐมาโดยตลอด กลายเป็นการสร้างปัญหาในระยะยาวแก่ประเทศชาติโดยรวม มาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อหวังจะกระตุ้นตัวเลข GDP ให้ดูดี แต่ไม่ได้คิดถึงผลเสียในระยะยาว เป็นมาตรการที่รองนายกฯ สมคิดเคยใช้ได้ผลในสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่อาจใช้ไม่ได้ผลในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจแตกต่างกัน” ดร.โสภณ กล่าวทิ้งท้าย
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่