เคยรู้สึกไหมว่าวันๆ หนึ่งเราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูกี่ครั้ง? คุณเช็กความเคลื่อนไหวของโลกโซเชียลบ่อยขนาดไหน? และเชื่อหรือไม่ว่าบางครั้ง พฤติกรรมที่ทำอยู่นี้ คุณก็ทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ปรากฏการณ์นี้มีคำอธิบาย และ DDproperty จะมาไขประตูสู่สังคมก้มหน้าที่กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มคนแทบจะทุกเพศ ทุกวัยกัน
พฤติกรรมการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาท่องโลกโซเชียลในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการอัพสเตตัสเฟสบุ๊ค, ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์, ดูคลิปในยูทูป, หรือแชทสนั่นในไลน์ ฯลฯ เหล่านี้ถูกจัดว่าเป็นพฤติกรรมที่เราให้ความสนใจจากสังคมรอบข้างหรือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า (attention) ไปสู่ภาวะหันเห (distraction) นั่นคือ เราเลือกที่จะพุ่งความสนใจไปยังหน้าจอกรอบสี่เหลี่ยมแทนที่จะเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ
และดูเหมือนว่าเทคโนโลยีที่ล้ำขึ้นจะทำให้เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจไปกับมันมากขึ้น Georg Simmel นักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน ได้กล่าวไว้ในบทความ The Metropolis and Mental Life ว่า “ในสังคมที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี เราสามารถเรียกสิ่งเหล่านี้ได้ว่า”สิ่งเร้าเกินปริมาณ” ซึ่งกลืนกินความสนใจและความรับผิดชอบต่อสังคมรอบข้างไปจนหมด” และดูเหมือนว่าไอ้เจ้าสมาร์ทโฟนนี่แหละจะนำพาความเป็นสังคมคนยุคใหม่ไปกับเราทุกที่ที่เราไป
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนในปัจจุบันเสพติดโซเชียลก็คือ “จิตใจของเรา” นั่นเอง ผู้สนับสนุนความคิดนี้ก็คือศิลปินตลก Louis C.K. ที่ได้บอกเล่าผ่านรายการ Late Night ว่า “สาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถสลัดมือและสายตาให้ออกห่างจากโลกโซเชียลได้ นั่นเป็นเพราะมนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต้องการอยู่อย่างโดดเดี่ยวแม้แต่เพียงเสี้ยวนาที”
ดูเหมือนว่าโลกโซเชียลในปัจจุบันจะตอบสนองต่อตัณหานี้ได้เป็นอย่างดี และการค้นพบความต้องการของมนุษย์ในลักษณะนี้มีมานานตั้งแต่เมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้วโดยนักปรัชญา Blaise Pascal ที่กล่าวว่า “ความโศกเศร้าของมนุษย์นั้นถือกำเนิดมาจากการที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว”
Loop สำหรับการติดมือถือของใครหลายคนสามารถอธิบายได้จากสองตัวแปรนั่นคือ สิ่งเร้า (stimulation) และ จุดเบื่อ (ennui) เมื่อเกิดสิ่งเร้าหรือเกิดอาการคันไม้คันมืออยากจะรู้ความเคลื่อนไหวของคนอื่นในโลกโซเชียล เราจึงหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเลื่อนขึ้นเลื่อนลงจนหนำใจเราก็จะเกิดอาการเบื่อเก็บมันลงไป เมื่อเบื่อสักพักก็จะนำพาไปสู่สิ่งเร้าอยากจะจับมือถืออีกครั้งวนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป
อีกกลไกจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์สังคมก้มหน้าจากผลงานวิจัยของนักจิตวิทยาชื่อดังอย่าง Crawford คือ “การประกาศอิสรภาพของตนเองให้สังคมทราบ” หนึ่งในความสุขที่มนุษย์นิยามคือการมีอิสรภาพจากสิ่งที่เกิดขึ้น การมีอิสระถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ดูเหมือนเราจะเสพติดความเป็นอิสระที่มากเกินควร
บางครั้งเราคิดว่าในสถานการณ์ เช่น การสนทนา, การฟังบรรยาย, การโดนบังคับให้ดูตัวอย่างหนังในโรงภาพยนตร์ เป็นการถูกบังคับให้ทำแบบไม่มีทางเลือก และเพื่อเป็นการประกาศว่าฉันก็มีอิสระที่สามารถควบคุมได้ เราจึงหยิบมือถือหรือเทคโนโลยีที่จะทำให้เราหลบหนีจากสังคมรอบข้างออกมา (กด) นั่นเอง
อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดซึ่งบางทีเราอาจจะทำมันโดยไม่รู้ตัว เช่น เปิดดูยูทูปขณะนั่งพิมพ์งานใน Word หรือจะหยิบอีเมล์ขึ้นมาเช็คขณะรอสัญญาณข้ามถนนหรือขณะนั่งอยู่บนรถโดยสาร
นอกจากสายอาชีพที่ต้องโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาอย่าง เช่น พ่อครัวที่ต้องควบคุมระดับไฟตลอดเวลาหรือนักกีฬาที่ต้องคอยควบคุมจังหวะ เหล่าหนุ่มสาวออฟฟิศดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในสภาวะ “สมาธิสั้น” กันเป็นส่วนใหญ่
เชื่อว่าใครหลายคนก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ขณะที่เรากำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบครั้งสำคัญ ต้องมีขอพักสายตาด้วยการไปเปิดหน้าจอส่องโลกโซเชียลหรือเข้ายูทูปเพื่อประกาศอิสรภาพของตนว่า กิจกรรมที่ตนทำอยู่ (การอ่านหนังสือ) ไม่สามารถตีกรอบหรือห้ามอะไรเราได้
ดังนั้น สำหรับใครที่ไม่อยากเสียงาน ขอฝากไว้ว่าหากเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิ ให้อดทนทำจนกว่าจะเสร็จเถอะครับ บางทีการที่คุณระดมสมองไปกับงานนั้นมากกว่าที่เป็นอาจจะส่งผลให้งานออกมาเนี้ยบและละเอียดยิ่งขึ้น อดโซเชียลสักนิดมองโลกเหนือหน้าจอโทรศัพท์สักหน่อยคุณอาจจะได้เห็นอะไรดีขึ้นนะครับ
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย ชัยสิทธิ์ บุนนาค Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chaiyasit@ddproperty.com