เมื่อโฉมหน้าของทำเลสุขุมวิทตอนกลางกำลังจะเปลี่ยนไป!

Kanchana Paha27 มี.ค. 2558

The Emquartier Bangkok

นับตั้งแต่วันนี้ (27 มี.ค.58) เป็นต้นไป โฉมหน้าของย่าน “สุขุมวิท” ตอนกลาง ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่อีกเส้นหนึ่งของเขตศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อ “ดิ เอ็มควอเทียร์”(The EmQuartier) หรือดิ เอ็มโพเรียม 2 จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ

เมื่อพิจารณาให้ดีจะพบว่าการเปิดตัวของดิ เอ็มควอเทียร์” ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงการเปิดศูนย์การค้าใจกลางเมืองเพิ่มอีกหนึ่งแห่งเท่านั้น แต่มันคือการเติมอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ของอาณาจักร “ดิ เอ็ม ดิสทริค” (The Em District) ซึ่งเป็นเมกะโปรเจคมูลค่าการลงทุนกว่า 50,000 ล้านของเดอะมอลล์กรุ๊ปให้เป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น และนั่นหมายถึงการพัฒนาย่านดังกล่าวให้มีความคึกคัก เพียบพร้อม และเติมเต็มความสะดวกสบายทั้งต่อการอยู่อาศัยและดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มูลค่าของทำเลดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

The Em District

เมื่อย้อนกลับไปช่วงก่อนปี 2540 ที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม (The Emporium) ยังไม่เปิดให้บริการ ทำเลสุขุมวิท แม้จะเป็นย่านธุรกิจแต่ก็ยังไม่คึกคักเท่ากับช่วงหลังจากการเข้ามาลงทุนของเดอะมอลล์กรุ๊ป การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ย่านดังกล่าวเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก็คือเมื่อรถไฟฟ้าบีทีเอสเริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2542 ทำให้แหล่งธุรกิจที่เงียบขรึมและชุมชนอยู่อาศัยที่เงียบสงบเริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจุบัน หากพูดถึงโซนสุขุมวิทตอนกลาง หรือย่าน (บีทีเอส) พร้อมพงษ์ สิ่งที่ทุกคนจะนึกถึง นอกจากแหล่งช้อปปิ้งที่รวบรวมสินค้าแบรนด์ระดับกลาง-บนแล้ว ยังเป็นโซนที่ราคาที่ดินและราคาที่อยู่อาศัยพุ่งสูงจนน่าตกใจ

ปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินในย่านดังกล่าวมีราคาสูงมากเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาจนถือว่ามีความสะดวกสบายพร้อม ที่ดินที่มีขนาดแปลงใหญ่พอสำหรับการพัฒนาก็เริ่มหายากขึ้น ในขณะที่เจ้าของที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนมีเงินและตระกูลดัง

ศุภลักษณ์ อัมพุช บอสใหญ่ของเดอะมอลล์กรุ๊ปเคยกล่าวว่าการหาที่ดินสำหรับโปรเจค ดิ เอ็ม ดิสทริคนั้นยากมาก เพราะต้องการที่ดินขนาดใหญ่ถึง 50-60 ไร่ โดยแปลงแรก (สำหรับดิ เอ็มควอเทียร์) ใช้เวลานานถึง 5 ปี ส่วนแปลงที่สอง (ดิ เอ็มสเฟียร์) ต้องใช้เวลาร่วม 3 ปีเพราะต้องไล่ติดต่อขอซื้อแปลงย่อยๆ มารวมกัน

ในเชิงของราคานั้น หากใครติดตามข่าวจะทราบว่ากลุ่มพราวด์ เรียลเอสเตทของตระกูลลิปตพันลลภซื้อที่ดินแปลงในซอยสุขุมวิท 24 เพื่อเป็นทางเข้า-ออกโครงการพาร์ค 24 ในราคาสูงถึงตารางวาละ 2 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นราคาซื้อขายในตลาดที่เป็นสถิติหนึ่งเลยทีเดียว

ในส่วนของราคาคอนโดมิเนียมนั้น แน่นอนว่าโครงการที่พัฒนาในโซนนี้ย่อมเป็นสินค้าราคาระดับบนขึ้นไปเท่านั้นเนื่องจากต้นทุนค่าที่ดินที่สูงทำให้โอกาสที่จะพัฒนาสินค้าราคาระดับกลางลงไปนั้นเรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ ขนาดเจ้าตลาดแบรนด์คอนโดระดับแมสอย่าง แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ยังผุดสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่ในทำเลนี้ อย่างโครงการเดอะ ลุมพินี ทเวนตี้โฟร์ (The Lumpini 24) ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 170,000 – 180,000 บาท/ ตารางเมตร

The Lumpini 24
The Lumpini 24

ราคาแสนปลายๆ สำหรับคอนโดฯ ในย่านสุขุมวิทตอนกลาง ณ วันนี้ ถือว่าไม่แรงนัก เพราะหากดูราคาของโครงการใหม่ๆ ที่ผุดขึ้นมา แทบจะไม่มีโครงการไหนที่ราคาต่ำกว่าตารางเมตรละ 200,000 บาทเลยทีเดียว อาทิ โครงการมาร์ค สุขุมวิท 39 ของค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2556 ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ราว 310,000 บาท/ ตารางเมตร, โครงการแกลอรี ฮรู เดอร์ 39 ของค่ายเอพีฯ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2556 เช่นกัน ราคาเริ่มต้นประมาณ 280,000 บาท/ ตารางเมตร และโครงการเดอะ ดิโพลแมท 39 เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีราคาขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวอยู่ที่ตารางเมตรละ 280,000 บาท

The Diplomat 39 Sale Gallery

นอกจากนี้ คาดว่ายังมีโครงการคอนโดมิเนียมหรูใหม่ๆ ที่จ่อคิวเปิดตัวไม่น้อยกว่า 4 โครงการ ซึ่งฟันธงได้เลยว่าแต่ละโครงการต้องมีระดับราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 250,000 บาท/ ตารางเมตรอย่างแน่นอน

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ