คีรีมายาออกโรงแจงที่มาของเอกสารสิทธ์ นส.3 ก. ทั้งโครงการ หลังมีกระแสข่าวการออกเอกสารสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้องและบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจนเป็นประเด็นถกเถียงกระหึ่มโลกโซเชียล
นายอรัฐ เศวตะทัต กรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาโครงการ บริษัท คีรีมายา จำกัด เปิดเผยว่า ที่ดินจำนวน 50 แปลงในโครงการคีรีมายามีการออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. อย่างถูกต้องครบทุกแปลง โดยแบ่งเป็น 36 แปลงที่บริษัทได้ซื้อทรัพย์ที่เป็นโครงการสนามกอล์ฟพร้อมกิจการมาจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2545 และบริษัทได้รับส่งมอบการครอบครองทำประโยชน์พร้อมเอกสารสิทธิ์ครบถ้วน
ในขณะที่อีก 14 แปลงมาจากการเสนอขายที่ดินของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (BAM) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามแผนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินของกระทรวงการคลัง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2541 จึงเป็นข้อสรุปว่าการได้มาของที่ดินทั้ง 2 ส่วนล้วนมาจากหน่วยงานของรัฐทั้งสิ้นและยืนยันว่าไม่มีที่ดินแปลงใดในโครงการที่ซื้อมาจากบุคคลหรือชาวบ้านเลยแม้แต่แปลงเดียว
ปัจจุบันบริษัทได้นำที่ดิน นส.3 ก.จำนวนหลายแปลงมาขอออกโฉนด ตลอดจนดำเนินการขออนุญาตจัดสรรที่ดินและได้มีการจำหน่ายและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับบุคคลภายนอกเรื่อยมาตั้งแต่ได้รับมอบที่ดินทั้ง 2 ส่วน
“ต่อข้อสงสัยว่าคีรีมายาได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และเขตอุทยานฯ หรือไม่นั้น บริษัทขอยืนยันว่าที่ดินของโครงการคีรีมายา แยกออกจากเขตอุทยานชัดเจน โดยมีแนวถนนกันไฟสร้างโดยหน่วยงานของอุทยานฯ ใช้เป็นขอบเขตและมีหลักเขตของอุทยานฯ แยกจากที่ดินโครงการชัดเจน”
นายอรัฐ กล่าวต่อถึงข้อพิสูจน์สำหรับประเด็นของส.ป.ก.นั้น ทางโครงการคีรีมายา ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่ดินทุกแปลงในโครงการมีเอกสารสิทธิ์ที่ได้มาก่อนการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินพ.ศ.2534
แต่เดิม ที่ดินโครงการคีรีมายานั้นเป็นโครงการสนามกอล์ฟเขาใหญ่คันทรีคลับมาก่อน และถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2533 โดยมีเอกสารสิทธิ์นส.3 ก. เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวจะต้องได้รับมาก่อนปี พ.ศ.2533
“ในกรณีเรื่องลำรางสาธารณะ บริษัทขอยืนยันว่าลำรางสาธารณะในโครงการทั้งหมดยังคงอยู่ครบถ้วน บริษัทไม่เคยทำการก่อสร้างใดๆเพื่อปิดกั้นทางน้ำ หรือทำให้ลำรางสาธารณะหายไปแต่อย่างใด”
ทั้งนี้ รายงานจากเนชั่นทีวีระบุว่า ภายหลังการสำรวจพื้นที่เจ้าหน้าที่ ซึ่งนำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับผู้บริหารคีรีมายาในวันนี้ ทางทีมเจ้าหน้าที่จะกลับไปตรวจสอบเอกสารเพื่อความชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการกระทำผิดหรือไม่ ส่วนกรณีการสร้างฝายน้ำล้นภายในรีสอร์ท ซึ่งเดิมเป็นลำรางสาธารณะที่น้ำจะไหลลงคลองเดื่อ แต่คีรีมายาสร้างฝายกั้นน้ำเป็นระยะและสร้างคอนโดมิเนียมคร่อมลำรางนั้น ทางกรมเจ้าท่าจะทำการตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ และหากได้รับอนุญาตมีเจ้าหน้าที่รายใดเป็นผู้รับรอง
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่