ส.รับสร้างบ้านเสนอรัฐลดภาษีปลูกสร้างบ้าน 5% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อช่วงเศรษฐกิจซบ เผยผู้บริโภคเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านแทนผู้รับเหมาเพิ่มมากขึ้นเลี่ยงปัญหาทิ้งงาน
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาความต้องการสร้างบ้านถือว่ายังไม่ดีนักเนื่องจากจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในงาน Home Builder Focus 2015 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่ายอดจองรวมจะเป็นไปตามเป้าหมายที่สมาคมฯ ตั้งไว้ แต่ถือเป็นอัตราที่ต่ำมากสำหรับธุรกิจนี้
ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้เตรียมแผนกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาได้ขยายฐานพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้ามาก เพราะช่วยประหยัดเวลาและได้รับความสะดวก ตลอดจนโปรโมชั่นราคาพิเศษที่เหล่าพันธมิตรให้กับสมาชิกของสมาคม นอกจากนี้โปรโมชั่นกับสถาบันการเงินก็เป็นตัวช่วยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจปลูกสร้างบ้านได้เร็วขึ้นในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
“ลูกค้าที่ต้องการปลูกสร้างบ้านเป็นกลุ่มที่ใช้เวลาวางแผนและหาข้อมูลจึงใช้เวลานานในการตัดสินใจ และส่วนใหญ่การตัดสินใจปลูกสร้างบ้านเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ โดยในช่วงไตรมาสที่สองจะเป็นช่วงที่สะท้อนสภาพตลาดที่แท้จริง ดังนั้น หากรัฐบาลจะสามารถช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นและกำลังการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับมาสู่ระบบน่าจะเป็นมาตรการด้านภาษีที่ทางสมาคมฯ ได้เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ คือการปรับลดภาษีให้ผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ในอัตราร้อยละ 5 โดยทยอยจ่ายคืนในรูปแบบค่าลดหย่อนภาษีเป็นเวลา 5 ปี เช่น หากปลูกสร้างบ้านในราคา 3 ล้านบาทก็จะได้ลดหย่อนภาษี 150,000 บาท โดยแบ่งลดหย่อนภาษีได้ปีละไม่เกิน 30,000 บาทเป็นเวลา 5 ปีเป็นต้น ซึ่งมาตรการนี้ควรกำหนดเวลา 6-12 เดือนเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด เป็นแรงจูงใจให้ผู้ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองตัดสินใจเร็วขึ้น และยังก่อให้เกิดการจ้างงานรับเหมาก่อสร้างทั้งระบบ เพราะตลาดรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจเฉพาะที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นและความพร้อมของผู้บริโภคเป็นสำคัญ” นายวิสิฐษ์กล่าว
จากการสำรวจล่าสุดของสมาคมฯ พบว่ากำลังซื้อของผู้ที่ต้องการสร้างบ้านในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านในระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ตามมาด้วยระดับราคาไม่เกิน 5ล้านบาท ในขณะที่ยอดจองปลูกสร้างบ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไปมีอัตราสูงขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัว โดยผู้บริโภคที่ต้องการปลูกบ้านส่วนใหญ่จะมีที่ดินอยู่แล้ว
ส่วนแบบบ้านที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ แบบTropical ตามมาด้วยแบบ Contemporary
ทั้งนี้ผลการสำรวจยังพบว่าสถานการณ์ทางการเมือง-เศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภค เช่นเดียวกับโปรโมชั่นในงานอีเวนท์ที่ทางสมาคมฯ จัดมีผลต่อการกระตุ้นการตัดสินใจ
ส่วนสาเหตุที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านเนื่องจากมีความมั่นใจเรื่องประสบการณ์ความน่าเชื่อถือของบริษัท คุณภาพและความประณีตในงานก่อสร้าง ลดความกังวลปัญหาการไม่ทิ้งงาน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
