หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของหลอดแอลอีดี (LED) กันมาบ้างแล้ว ในฐานะที่เป็นหลอดไฟแบบใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่หลอดประหยัดไฟหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เราคุ้ยเคยกันดี แต่หลอด LED นั้นมีข้อดีและให้ประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอย่างเราๆ และโลกใบนี้อย่างไร ควรค่ากับการเปลี่ยนใจหันมาใช้หรือไม่ DDproperty มีข้อมูลที่จะช่วยไขข้อข้องใจให้กับคุณ
จากการคาดการณ์ของแมคคินสกี้ สถาบันเฉพาะทางที่ศึกษาด้านมาตรการการบรรเทาภาวะโลกร้อนทั่วโลก ระบุว่า ในปี 2558-2559 นี้ยอดการใช้งานหลอด LED จะเติบโตสูงสุดหลังจากที่เก็บข้อมูลด้านการตลาดมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเป็นการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตกับหลอดไฟอีก 5 ประเภทที่มีการใช้งานอยู่ ได้แก่ หลอดไส้ หลอดตะเกียบ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดความเข้มสูง HID และหลอด LED ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คุณสมบัติที่ทำให้หลอด LED มีความน่าสนใจคือกินไฟน้อยและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ภาพ via thegreenage.co.uk
หลอด LED ประหยัดพลังงานแค่ไหน
ความสามารถในการประหยัดไฟฟ้านั้นเป็นจุดเด่นของหลอด LED ที่หลายๆ คนอาจเคยได้ยินมา ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) นั้นได้ศึกษาผลการประหยัดด้วยการเปลี่ยนโคมไฟถนนจากเดิมใช้หลอดไฟแบบ High Pressure มาเป็นหลอด LED โดยการทดลองนี้ดำเนินการในพื้นที่เขื่อน 4 แห่ง คือ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งทั้ง 4 เขื่อนมีจำนวนโคมไฟรวมกันทั้งหมด 1,607 โคม
ภาพ via optimuslights.com
ผลจากการทดลองพบว่าหลังจากเปลี่ยนมาใช้หลอด LED แล้วสามารถประหยัดไฟได้มากถึง 230 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากับ 72% เมื่อพิจารณาจากหน่วยพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ลดลงไป 1.01 ล้านหน่วย/ปีเลยทีเดียว หรือคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 2.7 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 554 ตันต่อปี
จะเห็นว่าหลอด LED นั้นสามารถประหยัดไฟฟ้าได้อย่างมากเมื่อเทียบกับหลอดไฟประเภทอื่น ส่วนสาเหตุที่ทำให้หลอด LED ประหยัดไฟมากกว่าหลอดประเภทอื่น ที่เห็นได้ชัดก็คือลักษณะของการให้แสดงสว่างของหลอด LED นั้นจะใช้เพียงวงจรเล็กๆ ให้ไฟฟ้าวิ่งไปที่ตัวหลอด ไม่ต้องผ่านการแปลงไฟฟ้า หรือเผาไส้หลอดให้ร้อนจนมีแสงออกมาซึ่งทำให้สูญเสียพลังงานไปแบบหลอดไฟแบบอื่นๆ
อายุการใช้งานของหลอด LED
หลอดชนิดนนี้มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดถึง 50,000 ชั่วโมง ในขณะที่หลอดไฟประเภทอื่นๆ อย่างหลอดไส้นั้นมีอายุการใช้งานที่ประมาณ 1,000-2,000 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถือเป็นหลอดไฟที่มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด ส่วนหลอดฟลูออเรสเซนต์ทั้งหลอดผอมและหลอดตะเกียบนั้น อายุใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 และ 8,000 ชั่วโมง ตามลำดับ
ภาพ via ledcents.com
จะสังเกตว่าไม่มีหลอดไฟชนิดใดที่มีอายุการใช้งานนานถึงครึ่งหนึ่งของหลอด LED เลย แต่อายุการใช้งานที่ยาวนานของหลอด LED ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงกว่า แต่หากคุณใช้งานแบบต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็คุ้มค่าอยู่ไม่น้อย
นอกจากจะประหยัดไฟและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว คุณสมบัติเด่นอื่นๆ ของหลอด LED ได้แก่
ความปลอดภัย
การที่หลอดไฟใช้กำลังไฟต่ำเพื่อให้ได้แสงสว่างเท่าๆ กับหลอดชนิดอื่นทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่า แม้แต่การติดตั้งในบริเวณที่มีการสั่นสะเทือนหรือเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เช่น บนพาหนะต่างๆ ก็ไม่มีปัญหาไฟตกหรือไฟกระพริบ นอกจากนั้นตัวหลอดไฟไม่ได้บรรจุแก๊สแบบหลอดไฟประเภทอื่นๆ อย่างหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่บรรจุไอปรอท และฉาบสารเรืองแสงซึ่งเป็นอันตรายหากเกิดการรั่วไหล และเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งตัวหลอดนั้นมีรังสียูวีและอินฟราเรดออกมาในระดับต่ำทำให้ปลอดภัยต่อวัตถุที่ไวต่อแสง
ภาพ via sziledlight.com
รูปแบบการใช้งาน
หลอดไฟประเภทอื่นจะต้องมีอุปกรณ์ในวงจรและใช้เวลาในการที่หลอดไฟจะติดสว่างในการเปิดแต่ละครั้ง แต่หลอด LED นั้นไฟจะสว่างทันทีที่เปิดใช้ จึงเหมาะสำหรับติดตั้งในจุดที่ต้องเปิดปิดไฟบ่อยๆ หรือใช้เป็นไฟฉุกเฉิน รวมไปถึงการที่หลอด LED นั้นแทบจะไม่มีความร้อนออกมาเลยทำให้สามารถติดตั้งไฟประเภทนี้ในตู้เย็น ตู้แช่ ได้ และการใช้หลอด LED ก็ประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้เพราะหลอดประเภทนี้ไม่ร้อน อีกทั้งตัวหลอดที่มีขนาดเล็กทำให้สามารถออกแบบให้กลมกลืนไปกับการใช้งานในสถานที่ต่างๆ ได้ดี และความสามารถในการหรี่ไฟ และปรับสีสันของไฟได้โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์
ภาพ via homemydesign.com
อย่างไรก็ดี เจ้าหลอด LED ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ ระดับราคาที่ยังสูงกว่าหลอดไฟประเภทอื่นๆ ค่อนข้างมาก อย่างหลอดฟลูออเรสเซนต์นั้นราคาประมาณ 120 บาท แต่หลอด LED ที่นำมาใช้กับรางหลอดฟลูออเรสเซนต์นั้นราคาถึง 1,100 บาท แต่ในราคานี้ต้องไม่ลืมว่าหลอด LED จะพร้อมใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์อื่นใดในวงจร ทั้งบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์เลย
อีกหนึ่งข้อจำกัดก็คือ หลอด LED นั้นไม่สามารถให้แสงสีขาวที่แท้จริงได้ แต่ทางผู้ผลิตก็มีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการเคลือบหลอดสีน้ำเงินด้วยสารเรืองแสงสีเหลืองแทน หรือการนำแสงสีแดง เขียว และน้ำเงินมาผสมกันเพื่อให้เกิดเป็นสีขาว
ด้วยคุณสมบัติที่น่าจับตา จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใดความนิยมในการใช้หลอด LED จึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะช่วยคุณประหยัดค่าไฟแล้วเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเราอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง: การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ภาพหลัก via archiexpo.com
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chetapol@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่