เสนาฯ จับมือบี.กริม เพาเวอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ร่วมลงทุนธุรกิจโซลาร์ ฟาร์ม คาดเตรียมจ่ายไฟเข้าระบบได้ภายในสิ้นปี 58 พร้อมเตรียมต่อยอดในธุรกิจ Solar Rooftop ในโครงการอสังหาฯ ของบริษัท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทเล็งเห็นความสำคัญในการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนในรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก โดยหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 บริษัทเริ่มตระหนักถึงความอันตรายจากภัยธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ จึงเริ่มมีการศึกษาเรื่องพลังงานทดแทน และได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานอย่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จนตกลงที่จะร่วมมือกันทำธุรกิจ Solar Farm เป็นการเริ่มต้นการทำธุรกิจพลังงานทดแทนขนาดใหญ่ เพื่อสร้าง Economy of Scale นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้บ้านในโครงการของเสนา ด้วย Solar Rooftop
“การร่วมทุนกับ บี.กริม เพาเวอร์ ถือเป็นมิติใหม่ในการลงทุนของบริษัท หลังจากบอร์ดได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารไปศึกษาแนวทางในการขยายการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อต่อยอดธุรกิจ และ บี.กริม เพาเวอร์ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานชั้นนำของโลก ทำให้เราตัดสินใจร่วมลงทุนธุรกิจ Solar Farm โปรเจคแรกนี้ร่วมกับทาง บี.กริม เพาเวอร์ และมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากต่างมีจุดแข็ง โดยSENA มีที่ดินพร้อมสำหรับรองรับการก่อสร้าง หรือขยายการลงทุน ขณะที่ บี.กริม เพาเวอร์ มีความชำนาญด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เมื่อผนวกกันแล้ว จะยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และแข็งแกร่งในอนาคต” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการของเสนาฯ กล่าวต่อว่าเป้าหมายหลักในการลงทุนธุรกิจ Solar Farm ก็เพื่อต่อยอดไปยัง Solar Rooftop ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท เนื่องจากการทำ Solar Farm จะทำให้ประหยัดต้นทุน ได้ราคาแผงโซล่าร์ที่ถูกลง อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) ให้กับบริษัท เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมด้านพลังงานทดแทน โดยรัฐจะรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด กำหนดให้ราคาเป็นแบบ Feed In Tariff ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย (KW/H) เป็นระยะเวลา 25 ปี ทำให้เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับลูกบ้าน และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท
ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า การร่วมมือสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัท ปัจจุบัน บริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตและขายไฟฟ้าและไอน้ำอยู่แล้วทั้งหมด 10 โรง กำลังการผลิตรวมประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ และยังมีโรงไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอีก 8 โรง กำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,200 เมกะวัตต์
“ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและความพร้อมในทุกด้าน บี.กริม เพาเวอร์ จึงขยายธุรกิจมาทางด้านพลังงานทดแทน เช่น แสงแดด และ ลม รวมถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ลาว และพม่า ในธุรกิจพลังงาน ทั้งที่ใช้ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และ น้ำ โดยวางเป้าหมายไว้ว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตถึง 5,000 เมกะวัตต์” นางปรียนาถ กล่าว
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่