ณุศาศิริแตกบริษัทลูก “ณุศาวัน” (NUSA ONE) เจาะกลุ่มนักลงทุนคอนโดฯ ผุดโปรแกรมการันตีรายได้ พร้อมเงินปันผล และรับซื้อคืนในราคาทุน คาดได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและเทศ
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 นี้ บริษัทยังคงดำเนินการพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน รักษาสมดุลแหล่งที่มาของรายได้ ผ่านการพัฒนาโครงการจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมขายให้กับผู้บริโภค และการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ ด้านการท่องเที่ยวหรือภาคบริการอื่นๆ และเพื่อให้สอดรับกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว “ณุศาวัน”(NUSA ONE) บริษัทที่ดำเนินการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “One for all, all for one: ซื้อหนึ่งได้ทุกอย่าง เป็นเจ้าของ มีผลตอบแทน และ ได้ท่องเที่ยว” โดยมุ่งเจาะกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผ่านโปรแกรมพิเศษ ประกอบด้วย การการันตีรายได้ 6.5%(จากราคาเต็ม) อายุสัญญาระยะเวลา 9 ปี โดยแบ่งเป็น เงินปันผล 5.5%ต่อปี ที่เหลือเป็นคะแนนสะสม 1% ต่อปี พร้อมการันตีการจ่ายปันผลทุก 3 เดือน และรับซื้อคืน (Buyback) โดย ณุศาวันจะรับซื้อคืนในราคาที่ลูกค้าซื้อไป
นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังสามารถจองห้องพักได้โดยใช้คะแนนแลกและต้องจองล่วงหน้า 30 วันเพื่อเข้าพัก
สำหรับโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว ในเบื้องต้นมีทั้งหมด 8 โครงการ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ จำนวนรวมกว่า 2,400 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.25-35 ล้านบาทต่อยูนิต
ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปีนี้ 3 โครงการ จำนวน 852 ยูนิต ได้แก่ โครงการ Parc Exo เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ อาคาร C,D และ F จำนวน 568 ยูนิต ราคา 2.25-4.5 ล้านบาทต่อยูนิต, โครงการ Up Ekamai กรุงเทพฯ จำนวน 118 ยูนิต ราคา 4.2-15 ล้านบาท และโครงการ สเตท ทาวเวอร์ (ชั้น 28-32 และ ชั้น 42-50) จำนวน 166 ยูนิต ราคา 4.5-19 ล้านบาท
ส่วนอีก 5 โครงการจำนวน 1,551 ยูนิต เป็น โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและจะสามารถทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในปี 2559-2560 ประกอบด้วยโครงการ ดีวารี ซิกเนเจอร์ ภูเก็ต อาคาร A,B จำนวน 183 ยูนิต ราคา 5-12 ล้านบาทต่อยูนิต, โครงการ ดีวารี ซิกเนเจอร์ พัทยา (เฟส 2) จำนวน 340 ยูนิต ราคา 4.7-19 ล้านบาทต่อยูนิต, โครงการดีวารี เวลเนส เขาใหญ่ (เฟส 1 จำนวน 93 ยูนิต, เฟส 2 จำนวน 119 ยูนิต) รวม 212 ยูนิต ราคา 5.3-35 ล้านบาทต่อยูนิต, โครงการ ณุศา ศรีราชา คอนโดเทล อาคาร B จำนวน 298 ยูนิต ราคา 3.2-18 ล้านบาทต่อยูนิต, โครงการ ดีวารี ซิกเนเจอร์ เชียงใหม่ จำนวน 518 ยูนิต ราคา 2.6-4.2 ล้านบาท
นายวิษณุกล่าวว่าหลังช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นมา ตลาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น สะท้อนจากยอดขายที่ผ่านมา ในขณะสถานการณ์การเมืองนิ่งขึ้น มาตรการกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจของภาครัฐเริ่มส่งผลดี ทั้งการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่า อัตราดอกเบี้ยลดลงและคาดว่าจะลดต่ำลงไปอีกหลายปี ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น
“การที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ AEC มีส่วนช่วยกระตุ้นกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งช่วยเปิดพื้นที่ศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยว ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดเหล่านี้ นอกจากจะรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของคนในประเทศแล้ว ยังเน้นกลุ่มเป้าหมายไปยังชาวต่างชาติที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพื่อเป็นการลงทุนและเพื่ออยู่อาศัยอีกด้วย” นายวิษณุกล่าว
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่