กูรูฟันธงตลาดลงทุนอสังหาฯอาเซียนบูมแน่หลังเปิดAEC

Kanchana Paha18 ก.ย. 2558

ไทยติด 1 ใน 3 ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ถูกมองว่าเอื้อต่อการมาจัดตั้งและดำเนินธุรกิจภายในประเทศ ในขณะที่สิงคโปร์ยังคงครองอันดับ 1 จากการวิเคราะห์ของแผนกวิจัยซีบีอาร์อี เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา คาดหลังเปิด AEC การลงทุนในอสังหาฯ ในอาเซียนคึกคักแน่!

จากการรวบรวมข้อมูลและจัดอันดับโดยธนาคารโลกและแผนกวิจัยซีบีอาร์อีในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงสภาพของกฎระเบียบต่างๆ ภายใน 189 ประเทศทั่วโลกว่าจะเอื้อต่อการจัดตั้งและดำเนินธุรกิจโดยบริษัทในประเทศนั้นๆ อย่างไร

โดยอันดับของไทยในเวทีโลกนั้น ปรับตัวดีขึ้นจากอันดับที่ 28 เมื่อปี 2557 มาอยู่ที่อันดับที่ 26 ในปีนี้ รั้งอยู่ในอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ตามหลังเพียงสิงคโปร์ ที่อยู่ในอันดับ 1 ของการจัดอันดับโลกและของภูมิภาค และมาเลเซียที่อยู่ในอันดับที่ 18 ของโลกและอันดับ 2 ของภูมิภาค

CBRE_top ASEAN countries for launching business in 2015

งานวิจัยของซีบีอาร์อีฉบับล่าสุดยังระบุอีกว่าการรวมกันเป็นตลาดเดียวกันของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ AEC ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี 2558 นี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ทันทีต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศสมาชิก และอาจส่งผลดีต่อเนื่องมายังตลาดอาคารสำนักงานและค้าปลีกด้วย

จากรายงาน “ASEAN Economic Community – A Boost to South East Asia’s Real Estate Market” ของซีบีอาร์อี ได้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการและปริมาณพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่สำนักงานในประเทศอาเซียนส่วนใหญ่จะพุ่งสูงขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง เนื่องจากธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (AME) และบริษัทข้ามชาติจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโลจิสติกส์คาดว่าจะเติบโตขึ้น เนื่องจากมีแผนแม่แบบการจัดการที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการลดมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) แบบค่อยเป็นค่อยไประหว่างประเทศสมาชิกด้วยกัน

นอกจากนี้ยังเป็นที่คาดการณ์ว่าบริษัทค้าปลีกต่างชาติจะเข้ามาในตลาดอาเซียนมากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจการท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มที่จะบูมมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากแผนแม่แบบของ AEC มุ่งขยายระบบการขนส่งภาคพื้นดินและทางอากาศ รวมทั้งขยายความร่วมมือระดับภูมิภาคในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น

นายเดสมอนด์ ซิม หัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประจำสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า ถึงแม้จะมีอุปสรรคและข้อจำกัดหลายประการที่อาเซียนจำเป็นต้องก้าวข้ามไปให้ได้ แต่คาดว่าภูมิภาคนี้จะยังคงเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจต่างๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์

ในขณะที่อุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดอาเซียนก็มีด้วยกันหลายประการ โดยในรายงานของซีบีอาร์อีระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีพื้นที่ค้าปลีกที่มีการบริหารจัดการไม่ดี ซึ่งอาจทำให้ค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกมีความผันผวน ส่งผลให้ผู้เช่าพื้นที่ค้าปลีกชะลอหรือยกเลิกการขยายสาขาออกไป และการมีแรงงานที่ความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอยังเป็นความท้าทายประการหนึ่งสำหรับตลาดอาคารสำนักงานและตลาดอุตสาหกรรมทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง รวมถึงความเชี่ยวชาญของแรงงานที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศจะทำให้การเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศตามแผนที่มีการเสนอมีข้อจำกัด

ข้อจำกัดอีกประการหนึ่งก็คือ การขาดนโยบายด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จะมาช่วยส่งเสริมนโยบายการลงทุนเสรีและการเคลื่อนย้ายทุน บ่อยครั้งที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์พบข้อจำกัดในเรื่องการถือครองที่ดินโดยชาวต่างชาติและเรื่องระยะเวลาการเช่าที่สั้น สภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมการลงทุนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการกระตุ้นให้เกิดการไหลเข้ามาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และปรับปรุงขั้นตอนการพัฒนาโดยรวมในอาเซียน ดังนั้น การทบทวนนโยบายการถือครองที่ดินโดยชาวต่างชาติของแต่ละประเทศอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะทำให้ชาวต่างชาติมีโอกาสเข้าร่วมในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

หลายฝ่ายที่จับตามองตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงมองว่าการไหลเข้ามาของเงินทุนสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นเรื่องที่ดี การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียนทำสถิติเงินทุนไหลเข้าถึงราว 1 ล้านล้านบาท (28.19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ระหว่างปี 2548 – 2557 และสำหรับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนรั้งตำแหน่งนักลงทุนอันดับ 1 ในตลาดอาเซียนด้วยสัดส่วนถึง 29% ของปริมาณการลงทุนทั้งหมดในอาเซียน หรือราว 1.59 แสนล้านบาท (4.423 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) รองลงมาเป็นสิงคโปร์ ด้วยเงินลงทุนราว 1.53 แสนล้านบาท (4.268 พันล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็น 28% ของเงินลงทุนทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว

“AEC มีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งเสริมการลงทุนเสรีในอาเซียน ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการลงทุนจากต่างชาติภายในประเทศสมาชิก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลายในอาเซียนทำให้นักลงทุนมีโอกาสทางด้านการลงทุนที่กว้างขึ้น ดังนั้นการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอาเซียนจึงเป็นที่คาดว่าจะมีการเติบโต เนื่องจากนักลงทุนมองหาตลาดทางที่เป็นเลือกสำหรับพอร์ตการลงทุนอสังหาริมทรัพย์” นายเดสมอนด์กล่าวสรุป

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ