รัฐบาล หนุนผู้มีรายได้น้อยจนถึงปานกลาง เล็งผุดบ้านประชารัฐ ดึงภาคเอกชนเข้าร่วมพัฒนาทั้งรูปแบบฟรีโฮลด์-ลีสโฮลด์
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี “อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี2016” ซึ่งจัดโดย3สมาคมด้านอสังหาฯประกอบด้วยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ว่า ภาคธุรกิจอสังหาฯ มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศซึ่งมีสัดส่วนถึง 8.3ของGDP ขณะที่ภาคการก่อสร้างมีสัดส่วน2.4 ซึ่งยังไม่รวมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นภาครัฐจึงให้ความสำคัญกับภาคอสังหาฯอย่างต่อเนื่องโดยในปี2558 รัฐได้มีการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้ระดับกลางและล่างได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยได้มีการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯซึ่งออกมาในช่วงปลายปี2558 ก็มีการตอบรับที่ดีทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหวโดยปัจจุบันทางธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)สามารถปล่อยสินเชื่อได้เกือบ 30,000 ล้านบาท
สำหรับในปี2559 นั้น ภาครัฐจะโฟกัสมาที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยลงมาถึงกลุ่มรากหญ้า โดยมีนโยบายพัฒนาโครงการบ้านคนจน ซึ่งแบ่งเป็น 2กลุ่มคือ จากสินทรัพย์เก่า โดยจะนำทรัพย์จากกรมบังคับคดี , บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด ฯลฯ ที่มีอยู่ประมาณ12,000ยูนิตมูลค่า1.6หมื่นล้านบาท ออกมาขายในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ส่วนอีกกลุ่มเป็นโครงการใหม่ภายใต้โครงการบ้านประชารัฐ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างภารรัฐ เอกชน และสถาบันการเงิน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือกับทาง3สมาคมเพื่อหาแนวทางพัฒนาโครงการโดยเบื้องต้นทางกรมธนารักษ์นำเสนอที่ราชพัสดุจำนวน10 แปลงซึ่งอยู่ในกทม.-ปริมณฑลเพื่อให้เอกชนพัฒนาทั้งในรูปแบบฟรีโฮลด์และลีสโฮลด์ โดยมีธนาคารธอส. และธนาคารออมเป็นผู้ดูแลในการปล่อยสินเชื่อ โดยทั้งนี้ทาง3สมาคมคาดว่าจะมีความชัดเจนใน1เดือน อย่างไรมีข้อเสนอเกี่ยวกับเกณฑ์การปล่อยกู้ว่าต้องระบุชัดเจนเนื่องจากหากกำหนดรายได้ที่15,000บาท/เดือน/คน นั้นอาจเป็นความเสี่ยงที่จะเป็นปัญหาในอนาคต
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มอบนโยบายให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยใน 10 ปี ซึ่งแบ่งการดำเนินการเป็นระยะ10ปี,3ปีและ1ปีโดยมีเป้าหมายสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยที่มีจำนวน 2.7 ล้านครัวเรือนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ทั้งนี้ในปี 59 จะมีการเร่งรัดโครงการ เช่น โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1,บ้านสวัสดิการข้าราชการ(เช่าซื้อ), โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดง ฯลฯ คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยใหม่เกิดขึ้นในปีนี้ประมาณ 60,000 ยูนิต
อย่างไรก็ดีเนื่องจากปัจจุบันที่ดินราคาสูงอีกทั้งข้อจำกัดด้านผังเมืองส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคต ดังนั้นรูปแบบการเช่าจึงเป็นอีกทางเลือก ดังนั้นประเด็นในเรื่องของการขอขยายระยะเวลาให้เช่าที่ดินยาวขึ้นกว่า 30 ปีสำหรับที่อยู่อาศัยเป็นสูงสุด 99 ปี ส่วนการเช่า 50 ปีสำหรับพัฒนาเชิงพาณิชย์มองว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนพัฒนาโครงสร้างขนาดใหญ่ซึ่งขณะนี้ทางมหาดไทยอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com