“อนาคต รฟท.ต้องเข้าสู่รถไฟยุค 4.0 หรือการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่เข้ามาพัฒนารถไฟและบุคคลากรให้ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ส่วนแผนปรับปรุงตู้รถไฟใหม่ต้องแล้วเสร็จเดือนธ.ค.นี้”
หลังจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ว่า ได้ให้รฟท.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจไปจัดแผนยุทธศาตร์การดำเนินงานระยะ10-15 ปี ให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนเพื่อพัฒนาฐานะทางการเงินของรฟท.ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะมีสินทรัพย์ประมาณ 600,000 ล้านบาทแต่หนี้สินขาดทุนสะสมถึง 80,000 ล้านบาท ดังนั้นต้องหารายได้ให้มากกว่ารายจ่ายและตั้งหน่วยงานขึ้นมาบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ และกำหนดอัตราค่าเช่า และวางรูปแบบการร่วมทุนที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างชัดเจน เพื่อต่อยอดรายได้ขององค์กรและห้ามขายทรัพย์สินโดยเด็ดขาด อนาคตรฟท.ต้องเข้าสู่รถไฟยุค4.0 หรือการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่เข้ามาพัฒนารถไฟและบุคคลากรให้ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ส่วนแผนปรับปรุงตู้รถไฟใหม่ต้องแล้วเสร็จเดือนธ.ค.นี้
นอกจากนี้จะต้องพัฒนาพื้นที่ริมทางรถไฟทั่วประเทศด้วยการร่วมกับการเคหะแห่งชาติ(กคช.)และกรมธนารักษ์จัดทำที่อยู่อาศัยหรือบ้านสำหรับประชาชนที่มีฐานะยากจนให้เช่าราคาถูกเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่วนแผนการลงทุนรถไฟทางคู่ถือเป็นเรื่องสำคัญในปีนี้เฟส(ระยะ)แรกมีโครงการเร่งด่วน7 เส้นทาง 995 กม.แล้ว วงเงินรวม 129,703 ล้านบาท ได้รับอนุมัติแล้ว 2 โครงการคือชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น 187 กม.วงเงิน 26,007 ล้านบาท ก่อสร้างคืบหน้า 8.6% และแก่งคอย-ฉะเชิงเทราสัญญา 1 วงเงิน 11,348 ล้านบาท ก่อสร้าง 12.08%และสัญญา 2 ก่อสร้าง 16.43% ขณะที่โครงการมาบกระเบา-จิระ 132 กม. 29,853 ล้านบาท ประจวบฯ-ชุมพร 167 กม. 17,249 ล้านบาท ที่ผ่านการอนุมัติจากครม. คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนพ.ย.นี้ส่วนโครงการที่เหลืออีก 3 โครงการคือลพบุรี-ปากน้ำโพ 148 กม. 24,940 ล้านบาท และนครปฐม-หัวหิน 165 กม. 20,306ล้านบาทต้องเข้าครม.ทั้งหมดสิ้นปีนี้ เพราะมีความสำคัญและเชื่อมโยงต่อระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
ส่วนโครงการทางคู่ในปี 60 ตามแผน 7 เส้นทางเดิม 1,493 กม. วงเงิน 292,342.58 ล้านบาท และมีเพิ่มอีก 2 เส้นทางใหม่ 137,333.73ล้านบาท รวม 9 เส้นทาง 429,676.31ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องแต่ต้องเร่งเส้นทางเดิมให้แล้วเสร็จ ประกอบด้วยเด่นชัย-เชียงใหม่ 189 กม. 63,353 ล้านบาท ขอนแก่น-หนองคาย 174 กม. 23,727ล้านบาท ปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กม.57,094.74 ล้านบาท จิระ-อุบลราชธานี 309กม. 36,015.35ล้านบาท ชุมพร-สุราษฏร์ธานี167 กม. 23,402.70 ล้านบาท หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม. 13,271 ล้านบาท และสุราษฏร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา 324 กม. 74,985.00 ล้านบาท และมีเส้นทางเพิ่มเติมทางคู่สายใหม่อีก 2 เส้นทางในภาคเหนือคือ เด่นชัย -เชียงราย –เชียงของ 326 กม. 76,980.32 ล้านบาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครพนม – บ้านไผ่ 335 กม. 60,353.41 ล้านบาท ขณะที่โครงการร่วมทุนที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) ช่วงกรุงเทพฯ – ระยองและกรุงเทพฯ – หัวหิน ตอนนี้ได้กำชับว่าจะต้องนำเสนอเข้าครม.ให้ได้ภายในปีนี้เพราะเป็นโครงการสำคัญที่จะสนับสนุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)พิจารณาตัวสถานีเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาเมืองด้วย
” ขณะเดียวกันรฟท.ต้องปรับเงื่อนไขประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการร่วมทุนต่างๆเพื่อให้เปิดกว้างการแข่งขันของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้นโดยจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูงานในส่วนนี้โดยตรงพร้อมทั้งเปิดให้องค์กรต้านคอร์รัปชั่นสามารถเข้ามาดูขั้นตอนการประมูลได้เพื่อสร้างความโปร่งใส”
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตรผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ในระยะแรก 7 เส้นทางตามแผนปี 59 จะเปิดประมูลให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่2 เส้นทาง สายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ จะเร่งรัดนำเสนอ ครม.ให้ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 60ก่อนจะสานต่อพัฒนาโครงการทางคู่ระยะที่สองอีก 7 เส้นทางในปี 60 เพื่อให้แนวทางรถไฟเชื่อมโยงกับการคมนาคมอื่นๆส่วนโครงการประจวบฯ – ชุมพร และช่วงมาบกะเบา – จิระปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการ เห็นชอบเปิดประกวดราคาคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ก่อนเปิดขายซอง และเริ่มประมูลเดือนพ.ย.นี้
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com