“ทรงเป็นกันเอง” ที่มาของ 3 ภาพประทับใจที่คนไทยส่งต่อถึงกันเยอะที่สุด

Kittikom 13 พ.ย. 2559

ด้วยพระจริยาวัตรอันงดงามของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ที่เมื่อเสด็จเยือนไปยังที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจริญสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ หรือแม้แต่ถิ่นทุระกันดารก็ตาม การไม่ทรงถือพระองค์ ไม่แบ่งชนชั้น และมอบความเป็นกันเองให้กับทุกคนบนพื้นแผ่นดินทั่วโลกได้สร้างความงดงามและความยิ่งใหญ่เอาไว้ ทำให้ทั่วโลกเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระองค์คือที่สุดของพระมหากษัตริย์ และด้วยความเป็นกันเองนี้เอง จึงก่อเกิดเป็นภาพความประทับใจ คนไทยจะได้เห็นภาพแห่งความทรงจำที่ชาวไทยได้ใกล้ชิดพระองค์อย่างสนิทสนม แต่รู้หรือไม่ว่าภาพเหล่านั้นที่เราส่งต่อกัน แบ่งปันกันในโลกโซเชียลเมื่อยามที่คิดถึงพระองค์มีที่มาอย่างไร ภาพที่เราหยิบเอามาโพสแล้วเขียนข้อความใต้ภาพว่า “ขอเป็นรองพระบาททุกชาติไป” เป็นภาพของพระองค์ในตอนไหน และนี่คือ  3 ภาพแห่งความเป็นกันเองที่จะส่งไปต่อและบอกให้ลูกหลานในอนาคตว่าพระองค์ทรงมอบความทรงจำอะไรในความเป็นกันเองไว้กับคนไทยบ้าง

ภาพของรัชกาลที่ 9 ทรงประทับนั่งข้างรถยนต์พระที่นั่งบนสะพานไม้อยู่กับชายชุดขาว

awb_image1211255300526

ภาพนี้ถือเป็นภาพหนึ่งในโลกโซเชียลที่มีคนหยิบเอาไปแชร์เยอะที่สุดภาพหนึ่ง เนื่องจากเป็นภาพที่พระองค์ทรงประทับนั่งข้างรถยนต์พระที่นั่งบนสะพานไม้อยู่กับชายชุดขาว เพื่อตรัสถามถึงความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่ กับชายสวมเสื้อเก่า กางเกงขาสั้น ไม่สวมรองเท้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลนติดกาย ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์หรือมีตำแหน่งทางสังคมใดๆ แต่ได้มานั่งใกล้ชิดกับพระองค์ดังภาพ โดยชายผู้นันกำลังนั่งกราบบังคมทูลเรื่องราวต่างๆ อยู่อย่างใกล้ชิด โดยมีลักษณะนั่งอยู่ในพื้นระดับเดียวกัน ช่างเป็นพระจริยาวัตรที่งดงามและทรงไม่ถือตัว โดยที่มาของภาพนี้มาจาก พระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2524 หรือเมื่อ 35 ปีก่อน ซึ่งสะพานแห่งนี้ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านเจาะบากง ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขณะนั้นยังไม่ได้อยู่ในแผนที่ประเทศไทย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพระราชดำเนินไปถึง และถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพน่าประทับใจดังกล่าว

ภาพพสกนิกรชาวไทยที่ดึงพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 9 มาไว้เหนือหัว

ATT00002b

ภาพนี้เป็นอีกหนึ่งภาพที่คนไทยนำมาแชร์ต่อกันเยอะที่สุด เนื่องจากเป็นภาพที่พระองค์ทรงพระสรวล พร้อมกับยื่นมือลงมาจากรถไฟ และมีพนกนิกรชาวไทยดึงพระหัตถ์ของพระองค์มาไว้เหนือหัว ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นกันเองอย่างถึงที่สุด รวมไปถึงการแสดงความจงรักภักดีของบุคคลในรูป แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ที่มาว่าภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ โดยภาพนี้มีที่มาจาก การเสด็จพระราชดำเนินทางรถไฟของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชครั้งที่ 4 และเป็นการเสด็จด้วยรถไฟพระที่นั่งครั้งแรกสำหรับการไปเยี่ยมเยียนราษฎร ณ วันที่ 2-20 พฤศจิกายน 2498 โดยเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร จังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 ภาพรัชกาลที่ 9 ทรงขี่หลังชายผู้สูงอายุบนทางลาดชัน

news_FxrbIevJQp124318_533

นี่คืออีกหนึ่งภาพความประทับใจที่คนไทยจะไม่มีวันลืม และเป็นที่สุดของการไม่ถือพระองค์เลย พระวรกายที่แนบชิดกับพสกนิกรชาวไทย ทรงแสดงถึงความไว้ใจ ความสุข รวมไปถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย โดยภาพนี้มีที่มาจาก เมื่อปี พ.ศ.2512  ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จปฏิบัติพระราชภารกิจในต่างจังหวัด โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมราษฏรชาวไทยภูเขา ที่บ้านห้วยผักไผ่ ต.ม่อนปิน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่. ซึ่งในครั้งนั้นทั้งมีผู้ชายสูงอายุคนหนึ่งได้แบกพระบาทสมเด็จพระเจ้าพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นขี่หลัง โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เดินอยู่ข้างๆ พร้อมรอยยิ้มของบริวารรอบด้านช่างเป็นภาพที่ประชาชนและพระองค์เองดูมีความสุขที่สุดภาพหนึ่ง โดยบุคคลในภาพผู้นี้ที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์นั้น เป็นผู้ใหญ่บ้านชาวมูเซอ ชื่อ “แสนคำลือ” ที่แสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ และแสดงความแข็งแรงของสุขภาพร่างกาย โดยการให้องค์พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงขี่หลัง และเดินขึ้นหมู่บ้านที่มีความลาดชัน และในเวลาต่อมาก็เกิดรูปภาที่มีความเป็นกันเองต่อมาในช่วงเวลานั้นอย่างมากมาย

หลายครั้งที่ภาพเหล่านี้ถูกส่งต่อออกไปในโลกโซเชียล แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้เลยว่าภาพที่เราหยิบยกเอามาเพื่อน้อมลำรึกถึงความดีที่พระองค์สร้างไว้นั้นมาจากที่ใด กว่าที่จะออกมาเป็นภาพแห่งความสุขเหล่านี้พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายเพียงใด ดังนั้นการลำรึกถึงพระองค์โดยรู้ความหมายของภาพเหล่านั้นจะทำให้ภาพเหล่านี้มีความหมายยิ่งขึ้น และสามารถนำไปบอกต่อลูกหลานถึงความดีของพระองค์ในครั้งนั้นๆ ได้อย่างเต็มปากว่าพระองค์ทรงได้ทำอะไรเพื่อพสกนิกรชาวไทยไปบ้าง

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย  กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com

 

 

 

 

 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

หนึ่งตัวอย่างแห่งความอุตสาหะ พ่อหลวงผู้มีวิริยะและความอดทน

“วิริยะนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อเริ่มต้นแล้วต้องมีวิริยะ หมายความ

อ่านต่อ13 ต.ค. 2559