จากผลสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกา ชี้รีสอร์ทเพื่อสุขภาพ (Wellness resort) มาแรง คาดโตขึ้นถึง 50% ของตลาดโลกภายในปี 2560 ล่าสุด “ณุศาศิริ” พลิกโมเดลธุรกิจ ทำอสังหาฯขายพ่วงศูนย์สุขภาพ วางแผนผุด 10 โครงการกว่าหมื่นล้านปีหน้า
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าถึงแผนเปิดโครงการใหม่ในปีหน้า จะเป็นคอนเซปต์ที่ควบคู่ไปกับสุขภาพตามโมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น โดยมองว่ากลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และไม่มีปัญหาการขอสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยงน้อย โดยโครงการที่จะเปิดในปีหน้า จะประกอบไปด้วย บ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม โรงแรม รีสอร์ท และ ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม จะไม่เน้นพัฒนาเพียงอสังหาฯเพื่อการพักอาศัยอย่างเดียว ทั้งนี้ เพื่อรองรับเทรนด์การท่องเที่ยวของโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งหมด 10 โครงการ รวมมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจและวิจัยของ Global Wellness Institute ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา ชี้ว่ารีสอร์ทเพื่อ สุขภาพ (Wellness resort) จะ โตขึ้นถึง 50% ของตลาดโลกภายในปี 2560 ซึ่งเรามองเห็นโอกาสและศักยภาพตลาดมีการเติบโตสูงและมีช่องว่างในตลาดที่ยังไม่มีใครลงทุนในประเทศไทย
ปัจจุบันทางบริษัท มีที่ดินรอการพัฒนาไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเป็นโครงการที่อยู่ในกรุงเทพ 1 โครงการย่านพระราม 2 ,พัทยา 2 โครงการ, เขาใหญ่ 2 โครงการ, เชียงใหม่ 2 โครงการ และภูเก็ต 3 โครงการ โดยโครงการทั้งหมดขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยยื่นขอใบอนุญาตวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า
ด้านผลประกอบการในปี 2560 นั้น ทางบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,500 ล้านบาท ขณะที่เป้ารายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ามีรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2560 บริษัทจะมีการทยอยรับรู้รายได้จาก มูลค่ายอดขายรอโอน (แบ็คล็อก) กว่า 1 ,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ มาจากการโอนโครงการ ณุศา ศรีราชา ที่มีการทยอยโอนมากขึ้นปัจจุบันบริษัทมี แบ็คล็อกรวมทั้งสิ้นกว่า 3 ,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2561 นอกจากนี้บริษัทจะเน้นการระบายสต็อกออกในปีหน้าอย่างจริงจัง หลังจากที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าสต็อกของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายอยู่เป็นมูลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเร่งระบายสต็อกให้ลดลงในปีหน้าจะช่วยให้บริษัทมีรายได้กลับเข้ามามากขึ้น
ส่วนผลการดำเนินของบริษัทในปี 2559 คาดว่ายอดขายจะทำได้อยู่ที่ 1 ,000 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท เช่นเดียวกัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30% โดยเป็นผลมาจากปัญหาตลาดกลาง-ล่าง มีกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง และจากปัญหาหนี้ครีวเรือนที่สูง ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสถาบันการเงินมีเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มงวดขึ้น ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์เกิดการชะลอตัว ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศในช่วงไตรมาส 4 ทำให้กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการขายต้องชะลอออกไปด้วย ทั้งนี้ ทางบริษัทได้เลื่อนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ออกไปเป็นปีหน้า รวม 4 โครงการด้วย
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรืออ่านรีวิวโครงการบ้านและคอนโดฯใหม่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
