โค้งสุดท้ายก่อนยื่นภาษี เรามีตัวช่วยสุดท้ายที่สามารถช่วยคุณลดหย่อนภาษีได้อีก จากคุณงามความดีที่คุณได้ทำเอาไว้ในปีที่ผ่านมาด้วยการบริจาค ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคให้สถาบันการศึกษาก็ดี หรือจะเป็นการบริจาคให้กับองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ก็ดี การบริจาคเหล่านี้คุณสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
ลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาคเพื่อการศึกษาและสาธารณประโยชน์
การบริจาคเพื่อการศึกษา
การบริจาคเงินเพื่อการศึกษาให้กับสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศไว้นั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่ลดหย่อนได้ไม่เกิน 10% ของรายได้ตลอดปีภาษี ให้ผู้มีเงินได้เก็บใบเสร็จ และหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคไว้เผื่อเรียกตรวจสอบจากกรมสรรพากร
ตรวจสอบรายชื่อสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนจากเงินบริจาคได้ที่นี่ http://www.rd.go.th/publish/28654.0.html
การบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์
อีกหนึ่งการบริจาคที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ก็คือการบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจะสามารถลดหย่อนได้เฉพาะการบริจาคให้แก่องค์การสถานสาธารณกุศุลตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น โดยสามารถนำมาลดหย่อนได้ตามจำนวนเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ในปีภาษี ให้ผู้มีเงินได้เก็บใบเสร็จและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคไว้เผื่อเรียกตรวจสอบจากกรมสรรพากร
ตรวจสอบรายชื่อ มูลนิธิ สมาคม สถานสาธารณกุศล (สถานพยาบาล สถานศึกษา สภากาชาดไทย วัดวาอาราม ) ที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนเงินบริจาคได้ที่นี่ http://www.rd.go.th/publish/29157.0.html
นอกจากนี้การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติผ่านตัวแทนที่เป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นๆ เพื่อนำเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่รับบริจาคมาไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2554 โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
1. บุคคลธรรมดาจะได้รับยกเว้นเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเท่ากับจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลักหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนแล้ว
2. บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคจะต้องดำเนินการเป็นสื่อกลางอย่างเปิดเผยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3. บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคต้องไม่ใช่ส่วนราชการ องค์การของรัฐบาลหรือองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
4. บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคล ที่เป็นตัวแทนต้องแจ้งชื่อต่ออธิบดีกรมสรรพากร
5. ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการรับเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่ตัวแทนในการนำไปบริจาคออกให้ หากเป็นการบริจาคเงินให้มีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ตัวแทนเปิดขึ้นเพื่อรับเงินงบริจาคในช่วงระยะเวลาที่เปิดพิบัติภัย
6. บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคล ที่เป็นตัวแทนต้องจัดส่งหลักฐานสำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค สำเนาแสดงรายการค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสำเนารายชื่อผู้บริจาคให้แก่อธิบดีกรมสรรพากร
หากมีข้อสงสัยเรื่องภาษีสอบถามได้ที่คอลเซ็นเตอร์กรมสรรพากร 1161 หรือบริการสอบถามออนไลน์ที่ http://rdsrv2.rd.go.th/contactus/index.html
รายการอ้างอิง
กรมสรรพากร: ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง?
http://www.rd.go.th/publish/557.0.html
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเงินได้ ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป โดยมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่บริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
http://www.rd.go.th/publish/41916.0.html
Picture Reference: www.timeanddate.com
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ Online Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chetapol@ddproperty.com
