ความหมายของคำว่าบ้านนั้นยิ่งใหญ่เสมอ ไม่ว่าบ้านนั้นจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโด ก็ไม่สามารถจำกัดความพิเศษของสถานที่ที่เรียกว่าบ้านให้น้อยลงเลย เพราะบ้านไม่ได้หมายถึงสิ่งก่อสร้าง แต่หมายถึงพ่อแม่และสมาชิกภายในบ้านที่ให้ความรักและความอบอุ่นแก่ลูกน้อย บ้านจึงเป็นฐานที่มั่นอันมั่นคงและปลอดภัยในการที่ลูกน้อยจะเติบโตและก้าวเดินสู่โลกภายนอกอย่างมั่นใจ แต่ทว่าบ้านนั้นไม่ได้ปลอดภัยไปทุกๆ ตารางนิ้วอย่างที่พ่อแม่คิด จนมองข้ามอันตรายใกล้ตัว อย่าง 10 จุดเสี่ยงในบ้านใกล้ตัวลูกที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้
1. ให้ลูกเดินบนรถหัดเดิน
เด็กได้รับบาดเจ็บจากการอยู่บนรถหัดเดินอยู่บ่อยๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ได้รับอุบัติเหตุนั่นเกิดจากการที่เด็กมักเดิน หรือวิ่งพรวดพราด แล้วทำให้สะดุดขาตัวเองล้มไปพร้อมกับรถ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บมีแผลถลอก ฟกช้ำ หรือบางครั้งเด็กก็พลัดตกหกล้มขณะอยู่ในรถหัดเดินจากพื้นที่มีความต่างระดับ ทำให้ศีรษะแตก หรืออันตรายถึงขั้นเลือดออกในสมองส่งผลให้เสียชีวิตได้ ทำให้หลายประเทศประกาศให้เลิกใช้รถหัดเดินกับเด็กเล็กๆ
2. เคี้ยวอาหารให้ลูก
พ่อแม่ หรือคนเลี้ยงเด็ก ไม่ว่าจะเป็น ปู่ ย่า ตา ยาย ฯลฯ ที่ชอบเคี้ยวอาหาร อมอาหารจากปากของตัวเองแล้วส่งป้อนให้เด็ก การทำเช่นนี้อาจทำให้เด็กตัวเล็กๆ เจ็บป่วยได้เพราะได้รับเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก เพราะใช่ว่าปากของคนเราจะสะอาดอยู่ตลอดทั้งวัน บางช่วงเวลาเราทานอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ แล้วยิ่งมาเคี้ยวอาหารแล้วป้อนให้ลูกเนี่ย ไม่ใช่วิธีที่ถูกสุขลักษณะเลยค่ะ รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องไม่เคี้ยวอาหารจากปากแล้วส่งให้ลูกกินนะคะ
3. ปล่อยเด็กเล็กนั่งคนเดียวบนโซฟา
พ่อแม่มักไม่ทันระวังขณะอุ้มให้ลูกเล็กๆ นั่งคนเดียวบนโซฟา หรือไม่ก็นั่งบนเตียงคนเดียว แล้วไม่พ่อก็แม่ที่เดินไปหยิบโน่นหยิบนี่ เพราะคิดว่าลูกตัวเล็กนิดเดียวไม่น่าจะคืบ คลาน หรือถัดตัวลงมาจากเตียง หรือโซฟาได้ แต่รู้หรือไม่คะ แค่เสี้ยววินาทีเดียวที่คุณคิดแบบนี้ แล้วปล่อยลูกนั่งอยู่คนเดียว เด็กๆ สามารถที่จะตกลงมาแล้วศีรษะกระแทกพื้น การบาดเจ็บนั้นอาจไม่ใช่แค่ศีรษะโน หรือแตกเท่านั้น แต่อาจถึงขั้นที่มีเลือดคั่งในสมองได้ ส่งผลให้สมองบวม และเสียชีวิตได้นะคะ
4. อาบน้ำให้ลูกโดยไม่เตรียมอุณหภูมิน้ำ
พ่อแม่มือใหม่คงเคยได้เรียนรู้วิธีการอาบน้ำจากโรงพยาบาลก่อนพาลูกกลับบ้านกันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อหรือไม่คะว่า ก็มีหลายต่อหลายครั้งที่พ่อแม่ก็ลืมไปว่าการผสมน้ำอาบให้ลูกนั้นต้องเตรียมอย่างไร ซึ่งอุณหภูมิน้ำอาบต้องไม่เย็นเกินไป และต้องไม่ร้อนเกินไป ควรใส่น้ำเย็นลงไปก่อนครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เทตามด้วยน้ำร้อน ซึ่งน้ำอาบที่ได้จะมีอุณหภูมิอุ่นๆ กำลังดีเหมาะกับการใช้อาบน้ำให้ลูก เพื่อให้แน่ใจว่าอุณหภูมิพอดีหรือยัง ให้คุณแม่ใช้ข้อมือด้านใน หรือหลังข้อศอกจุ่มลงไปเพื่อวัดอุณหภูมิน้ำ
5. ใส่สร้อยคอให้ลูก
การรับขวัญด้วยการให้ใส่สร้อยคอ หรือไม่ก็สร้อยที่มีพระแก่เด็กเล็กแรกคลอด การให้เด็กเล็กๆ ใส่สร้อย ควรดูที่ความเหมาะสม และขนาดความยาวของสร้อยด้วยค่ะ เพราะเวลาที่เด็กนอนหลับสร้อยก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการไปปิดกั้นการหายใจของลูก และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ค่ะ หรือในเด็กบางรายก็แพ้สารเคมีบางอย่างที่มาจากสร้อยได้ด้วยเช่นกัน
6. ทิ้งให้ลูกเล่นโดยลำพัง
บางครั้งคุณพ่อคุณแม่มักคิดว่าเมื่อลูกได้เล่นของเล่นที่ถูกใจแล้ว ก็มักจะหันหลังไปทำนั่นทำนี่ แต่รู้หรือไม่คะว่าเพียงเสี้ยวนาทีในบ้านที่คิดว่าปลอดภัย ก็ยังมีสิ่งอันตรายให้ต้องระวัง เพราะลูกน้อยชอบที่จะเรียนรู้ ค้นหา และเล่นกับสิ่งที่คิดว่าเป็นของเล่น อย่างปลั๊กไฟ เด็กมักจะชอบเอานิ้วแหย่เข้าไปในรู แบบนี้อันตรายถึงชีวิตจากการถูกไฟช็อตได้นะคะ ฉะนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยคลาน หรือวัยกำลังหัดเดิน ควรต้องหาที่ปิดปลั๊กไฟมาครอบปิดไว้จะดีที่สุดค่ะ
7. เปิดพัดลมทิ้งไว้ให้ลูก
สำหรับเด็กเล็กนั้นเขายังไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นจะเป็นอันตรายกับเขาหรือเปล่า อย่างพัดลมที่หมุนส่ายไปส่ายมานั้นดึงดูดความสนใจจากเด็กๆ ได้อย่างมาก และแน่นอนว่าแค่สนใจคงไม่พอ เด็กจะต้องเอานิ้วแหย่เข้าไปด้วย แบบนี้แทบไม่ต้องนึกภาพให้เสียเวลา เพราะนิ้วน้อยๆ จะถูกใบพัดบาดนิ้ว ความแรงของพัดลมอาจทำให้นิ้วฉีกขาดได้เลยล่ะค่ะ ฉะนั้นบ้านไหนที่มีลูกเล็กไม่ควรเปิดพัดลมทิ้งไว้ให้ลูกตามลำพัง หรือจะดีที่สุดคือเลือกซื้อพัดลมที่มีฝาครอบถี่ๆ ที่เด็กจะไม่สามารถแหย่นิ้วเข้าไปได้ก็จะเยี่ยมเลยค่ะ
8. วางของเล่นไว้บนพื้นห้อง
ของเล่นชิ้นเล็กๆ อย่างรถของเล่นเด็กที่มีล้อ, ตุ๊กตาหุ่นยนต์, รถไฟราง ฯลฯ รู้หรือไม่คะว่า เมื่อลูกที่อยู่ในวัยหัดเดิน บางครั้งก็เผลอไปเหยียบของเล่นเหล่านี้ได้จนทำให้ลื่นล้มก้นกระแทก หรือหนักสุดก็ล้มฟาดพื้นหัวแตกได้เลือดกันเลยล่ะค่ะ ดังนั้นบ้านไหนที่มีลูกเล็กๆ ต้องเก็บของเล่นใส่กล่อง ใส่ลังให้เรียบร้อยทุกครั้งนะคะ
9. วางของร้อนไว้บนโต๊ะ
บ้านไหนที่มีลูกเล็ก กระติกน้ำร้อน, ชามซุป ชามแกงร้อนๆ, ข้าวต้ม, แก้วเครื่องดื่มร้อนๆ ฯลฯ ไม่ควรวางทิ้งไว้บนโต๊ะ หรือบนพื้นบ้านนะคะ เพราะเด็กสามารถที่จะปัด จะดึงลงมา แล้วทำให้ของร้อนๆ นั้นลวกตัวเด็กจนเกิดแผลพุพองบนร่างกายได้ค่ะ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเจ้าตัวน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรต้องให้ความระมัดระวัง โดยไม่ควรวางทิ้งของร้อนๆ ไว้ในที่ที่เด็กจะสามารถคว้า เอื้อม หยิบ จับ ได้ง่ายๆ รวมทั้งไม่ควรอุ้มลูกเล็กไว้บนตัก ขณะที่มีเครื่องดื่มร้อนๆ อยู่ในมือด้วยค่ะ
10. ให้ลูกนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่
ลูกวัยทารก หรือลูกเล็กๆ ไม่ควรให้นอนเตียงเดียวกับคุณพ่อคุณแม่นะคะ เพราะช่วงที่คุณนอนหลับสนิท คุณอาจเผลอพลิกตัวมาทับลูกจนขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตได้ค่ะ ดังนั้นการฝึกให้ลูกนอนเตียงนอนของตัวเองจะดีที่สุดค่ะ หากกังวลว่าลูกจะร้องไห้ ก็ให้เอาเตียง มาไว้ในห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ เพราะนอกจากจะปลอดภัยกับชีวิตลูกแล้ว ลูกก็ยังอยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ด้วย ไม่ว่าลูกจะร้อง ลูกจะตื่น คุณก็ลุกขึ้นมาดูได้ตลอดเวลาค่ะ
ขอบคุณบทความจากเว็บไซต์ theAsianparent.com เว็บไซต์ให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงลูกอันดับ 1 ในประเทศไทย