ปรับอีกรอบ บ้านประชารัฐ สตาร์ท 5 -9 แสนบาท ลุยเฟสแรก 1 พันยูนิต มูลค่าลงทุน 500 ล้านบาท เสร็จภายในปี′59
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านประชารัฐ วางแผนเฟสแรกจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2559 และจะจัดทำบนพื้นที่ของกรมธนารักษ์ที่จัดไว้ 2 แปลง ได้แก่ ที่ดินบริเวณวัดไผ่ตัน ย่านสะพานควาย และที่ดินบริเวณโรงกษาปณ์เก่า ประดิพัทธ์ โดยที่อยู่อาศัยในโครงการจะเป็นการก่อสร้างใหม่ทั้งหมด แบ่งออกมาเป็น 2 ประเภท ได้แก่ คือ โครงการที่ใช้ที่ดินของกรมธนารักษ์ จะมีราคายูนิตละ 500,000 บาท และโครงการที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะเจรจากับเอกชนให้ดำเนินการ ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 2 รูปแบบ คือ รูปแบบคอนโดมิเนียม ราคายูนิตละ 700,000 บาท และรูปแบบบ้านหรือทาวน์เฮาส์ ยูนิตละ 900,000 บาท โดยโครงการเฟสแรกนี้ จะมีการก่อสร้างทั้งสิ้น 1,000 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 500 ล้านบาท
โดยเบื้องต้นมีแนวคิดจะให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐเช่าอยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว ในราคาค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท โดยเป็นสัญญาเช่าระยะสั้น ต่ออายุสัญญาปีต่อปี เพื่อติดตามตรวจสอบว่าผู้อยู่อาศัยเป็นผู้เช่าจริง และหากทำผิดสัญญาการเช่า จะยกเลิกสัญญาทันที เพื่อควบคุมให้บ้านในโครงการนี้ตรงตามวัตถุประสงค์เริ่มต้นว่าเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย
ส่วนเรื่องเครดิตภาษีที่เอกชนเรียกร้องมานั้น คาดว่าภายในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังจะหารือเรื่องเครดิตภาษีที่ภาคเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เสนอเข้ามาเป็นเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐอีกครั้ง โดยจะมีการเชิญหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถาบันการเงินขนาดใหญ่เข้าร่วมประชุมพร้อมกัน อีกทั้งคาดว่า เมื่อได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้วจะนำโครงการบ้านประชารัฐเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“โครงการแรกที่จะเปิดเป็นโครงการที่จะให้กับลูกจ้างและข้าราชการเช่าก่อนคิดค่าเช่า 3,000 บาทต่อเดือน เน้นให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำตามที่กำหนด และมีอายุสัญญาเช่า 1 ปี และเมื่อใดที่ผู้เช่ามีรายได้ที่สูงขึ้นเกิดกว่าที่กำหนด ก็จะต้องย้ายออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าได้เช่าแทน” นายจักรกฤษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ กรณีที่ดินบริเวณวัดไผ่ตันซึ่งติดเชิงสะพานตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทางเข้า ออก คอนโดฯ ที่จะต้องห่างจากเชิงสะพานขั้นต่ำ 50 เมตร ทางกรมธนารักษ์จะเข้าเจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อขอปรับเปลี่ยนสะพานให้เป็นทางเลียบเพื่อให้สามารถสร้างตึกได้สูงเกินกว่า 8 ชั้น
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่