เช็คความพร้อมก่อนเปิดแคมเปญบ้านประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย

Pisittachat Liengnak18 มี.ค. 2559

บ้านประชารัฐ

ปัญหาประชาชนไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ถือเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลสมัยปัจจุบันพยายามที่จะผลักดันการแก้ไขให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ช่วยฟื้นฟูความคึกคักของตลาดอสังหาฯ และยังเป็นการช่วยประชาชนที่มีรายได้น้อย-ปานกลางที่ต้องการมีบ้านหลังแรกของตนเองสามารถกู้ซื้อบ้านด้วยดอกเบี้ยราคาถูกและเงื่อนไขผ่อนปรน

หรือในอีกมุมหนึ่งนอกจากเป็นการช่วยประชาชนแล้ว ก็เอื้อให้ผู้ประกอบการได้ระบายสต็อกของตนเองเช่นกัน

จากการที่รัฐประกาศมาตรการอสังหาฯ โดยยอมลดค่าโอนและจดจำนอง ซึ่งเหมือนเป็นการยอมสูญเสียรายได้เพื่อช่วยผู้พัฒนาโครงการเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกับเอกชนให้เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐที่กำลังผลักดันในปีนี้ โดยเนื้อหาสาระสำคัญของโครงการคือการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ-สถาบันการเงิน-เอกชน ในการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย ระยะเวลาโครงการ 2ปี ทั้งนี้รายละเอียดเรื่องดังกล่าวคาดว่าจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาและหาข้อสรุปในวันอังคารที่ 22 มีนาคม 2559

ในเบื้องต้นโครงการบ้านประชารัฐจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบคือ (1) เอกชนเป็นผู้สร้างบนที่ดินของกรมธนารักษ์หรือที่ดินของเอกชนเองให้ประชาชนซื้อ (2) การเช่าระยะยาว และ (3) การพัฒนาเป็นโครงการใหม่ขึ้นมาให้เช่า

คลังพร้อมปล่อยกู้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังได้กล่าวถึงรายละเอียดโครงการบ้านประชารัฐเบื้องต้นว่า จะอยู่ในรูปแบบสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ปล่อยให้กู้ทั้งประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านและผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างบ้านเข้าร่วมโครงการดังกล่าว มีวงเงินรวม 70,000 ล้านบาท โดยราคาบ้านอยู่ระหว่าง 700,000 – 1,500,000 บาท ส่วนกลุ่มซ่อมแซมบ้านต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

นำร่องที่ดินวัดไผ่ตันเพื่อข้าราชการ
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่ากรมธนารักษ์มีพื้นที่พร้อมพัฒนาทั้งหมด 76 แปลง รวมทั้งสิ้น 5,000 ไร่ ซึ่งในปัจจุบันแปลงที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้เลยมีอยู่ 6 แปลง โดยเบื้องต้นจะเริ่มพัฒนาเป็นโครงการนำร่องที่ดินซอยวัดไผ่ตัน บริเวณใกล้บีทีเอสสะพานควาย สำหรับโครงการนำร่องนี้จะให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐเช่าอยู่อาศัยในราคาค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท เป็นสัญญาเช่าระยะสั้น ต่ออายุสัญญาปีต่อปี เพื่อติดตามตรวจสอบว่าผู้อยู่อาศัยเป็นผู้เช่าจริง และหากทำผิดสัญญาการเช่า จะยกเลิกสัญญาทันที เพื่อควบคุมให้บ้านในโครงการนี้ตรงตามวัตถุประสงค์เริ่มต้นว่าเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย หากโครงการนี้สำเร็จก็จะนำรูปแบบไปปรับใช้โครงการอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ทางกรมธนารักษ์มั่นใจว่าโครงการครั้งนี้จะประสบความสำเร็จแน่นอน เพราะที่ดินที่เลือกมาพัฒนาอยู่ในทำเลไพร์ม

ออมสินฯปลดล็อคผ่อนได้50%ของรายได้
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่าสำหรับโครงการบ้านประชารัฐ ธนาคารคาดว่าจะสามารถปล่อยวงเงินกู้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย และสามารถปล่อยกู้ได้เฉลี่ยประมาณ 1 ,000,000 บาทต่อราย ทั้งบ้านใหม่ บ่านเก่า หรือกู้ไปซ่อมแซมบ้านได้เช่นกัน ทั้งนี้ จากเดิมธนาคารกำหนดอัตราสัดส่วนหนี้ต่อรายได้อยู่ที่ 33% จะปรับเพิ่มสัดส่วนหนี้ไม่เกิน 50% ของรายได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง

ธอส.เช็คความพร้อมเต็มที่
นายฉัตรชัย ศิริไล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าทางธนาคารมีความพร้อมทั้งด้านการปล่อยสินเชื่อให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้กู้รายย่อยในโครงการบ้านประชารัฐนี้เองทางธนาคารจะให้กู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน ซึ่งบ้านในโครงการราคาต่อยูนิตจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 – 700,000 บาท ปกติผ่อนประมาณ 3,500 – 3,600 ต่อเดือน จะเหลือเพียง 2,200 – 2,400 ต่อเดือนเท่านั้น สำหรับการคัดกรองผู้ยื่นขอสินเชื่อ ทาง ธอส. ก็ได้มีการพัฒนาโปรแกมคอมพิวเตอร์ไว้รองรับไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายดนัย แสงศรีจันทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสาขา ธอส. ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ธนาคารแต่ละสาขาได้มีการเตรียมเจ้าหน้าที่บริการด้านสินเชื่ออย่างเต็มที่ และมีความพร้อมแน่นอนเนื่องจากเคยผ่านการให้บริการสินเชื่อในช่วงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มาแล้ว สำหรับโครงการบ้านประชารัฐคาดว่าระดับภูมิภาคจะคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเกณฑ์ราคาหลักประกันที่เหมาะสมคือ 750,000 – 1,500,000 บาท เป็นราคาที่คนในพื้นที่สามารถจับต้องได้ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อ

เอกชนลังเลใจรัฐยืนราคาเดิม
ทั้งนี้เสียงของฟากเอกชนกล่าวว่า จากเงื่อนไขรัฐบาลยังคงยืนราคาเดิมที่จะลงทุนสร้างคอนโดฯ บนพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ต้องมีราคาขายไม่เกินยูนิตละ 600,000 บาท หากเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของเอกชนผู้พัฒนาโครงการเอง ต้องมีราคาไม่เกิน 700,000 บาท และทาวน์เฮ้าส์ไม่เกิน 900,000 บาทนั้น ทางเอกชนมองว่าไม่สามารถสู้ต้นทุนในราคานี้ได้และได้เสนอให้มีการปรับราคาขึ้นเล็กน้อยในส่วนของทาวน์เฮ้าส์ เนื่องจากการพัฒนาโครงการในบริเวณใกล้เมืองมีต้นทุนที่ดินราคาสูง หากต้องพัฒนาในกรอบราคาดังกล่าวต้องขยับออกไปขอบเมือง ก็เกรงว่าจะซ้ำรอยโครงการเดิมๆ ที่ประชาชนต้องมีภาระค่าเดินทาง และจะกลายเป็นไม่ช่วยประชาชนรายได้น้อยอย่างแท้จริง ทางเอกชนจึงต้องรอดูความชัดเจนของภาครัฐว่าจะยืนราคาเดิมหรือไม่ เบื้องต้นได้ข้อสรุปแล้วว่าเอกชนจะช่วยรับภาระค่าโอน ค่าจดจำนอง และออกค่านิติบุคคลให้ 1ปี

สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้คือความจริงใจของภาคเอกชนที่รัฐยอมปล่อยมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เข้าซื้อใจแล้ว ทางเอกชนจะยังคงเรียกร้องหากำไรในโครงการดังกล่าวอีกหรือไม่? คงเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป

เขียนโดย : เพนกวินมินิ

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

ขายบ้านพิดโลก.Blogspot.com
Sep 20, 2025
เงื่อนไขบ้านประชารัฐธนาคารออมสินออกแล้ว จองก่อนมีสิทธิก่อน คลิ๊กดูเงื่อนไขและดาวน์โหลดใบสมัครตาม Link ด้านล่างได้เลย http://ขายบ้านพิดโลก.blogspot.com/2016/03/blog-post_65.html
สุริยา โสภานวกุล
Mar 18, 2016
คนที่เคยมีประวัติเครดิตแต่ชําระหมดไปแล้วจะได้รับการยกเว้นเรื่องการขอสินเชื่อหรือไม่ยังไงบางครับ
เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

คืบอีกขั้น!ธอส.เดินหน้าบ้านประชารัฐผ่อนเริ่มเดือนละ3000

คืบหน้าอีกขั้นกับโครงการบ้านประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย ธอส กันงบสิ

อ่านต่อ5 ก.พ. 2559

จ่อขึ้นเฟสแรกบ้านประชารัฐ 1,000 ยูนิต

ปรับอีกรอบ บ้านประชารัฐ สตาร์ท 5 -9 แสนบาท ลุยเฟสแรก 1 พันยูนิต มูลค่าลงทุน

อ่านต่อ4 มี.ค. 2559