“บ้านประชารัฐ” เป็นโครงการสนับสนุนให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดยตามนโยบายของรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยจำนวน 2.7 ล้านครัวเรือน โดยกระทรวงการคลังมีแผนที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปลดล็อคปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยตรงจุดนี้ให้ได้ในเร็ววัน ซึ่งบ้านที่จะเข้าร่วมโครงการมีระดับราคา 0.7-1.5 ล้านบาท มูลค่ารวมไม่เกิน 7 หมื่นล้านบาท ส่วนผู้ซื้อกำหนดเพดานรายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือนต่อครอบครัวและต้องเป็นบ้านหลังแรก
โดยหลักเกณฑ์ของโครงการบ้านประชารัฐ จะเปิดกว้างครอบคลุมทุกประเภทอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่อยู่อาศัยใหม่ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL รวมไปถึงการซ่อมแซมหรือต่อเติมที่อยู่อาศัย ทั้งสร้างบนที่ดินของตนเอง เอกชน หรือที่ดินของรัฐ โดยผู้ประกอบการจะเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมทั้งค่าใช้จ่าย ส่วนกลางปีแรกและให้ส่วนลดพิเศษกับผู้ซื้อเพิ่มไม่น้อยกว่า2%
ทั้งนี้ บ้านระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15% ของตลาดรวมมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท โดยเอกชนรายใหญ่พัฒนาโครงการบ้านกลุ่มระดับราคาดังกล่าว มี 2 รายหลัก คือ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ที่มีสินค้าทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ส่วนอีกราย บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) นับเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมโลว์คอส
ปัจจุบัน พฤกษา มีสต็อกบ้านและคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท และจะสร้างเพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท โดยสิ้นค้าที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่ของพฤกษาจะเป็นทาวน์เฮาส์ มีอยู่ด้วยกัน 6 โครงการ อยู่ระหว่างขาย 4 โครงการ คือ บ้านพฤกษา 77/1 สุขสวัสดิ์-กาญจนาภิเษก 2 ราคาเฉลี่ย 1.2 ล้านบาท, บ้านพฤกษา 96/1 คลองสอง เฉลี่ย 1.4 ล้านบาท, บ้านพนาลี 74/3 ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ เฉลี่ย 1.42 ล้านบาท, บ้านพฤกษา 82 ประชาอุทิศ-พระราม 2 เฉลี่ย 1.59 ล้านบาท อีก 2 โครงการเปิดตัวปีนี้ คือ บ้านพฤกษา 105 ทำเลฉลองกรุง-ทับยาว ลาดกระบัง เฉลี่ย 1.2 ล้านบาท เปิดตัวเดือน เม.ย. 59, บ้านพฤกษา 109 ทำเลประตูน้ำพระอินทร์ 2 เฉลี่ย 1.48 ล้านบาท เปิดตัวเดือน พ.ค. 59 รวมมูลค่า 6 โครงการ 3,589 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯ มีห้องชุดราคา 1 ล้านต้น ๆ หลายโครงการแบรนด์พลัมคอนโด มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท โดยนำพลัมคอนโด บางใหญ่ สเตชั่น เฟส 1-2 ลดราคาตอบรับนโยบาย “บ้านหลังแรก” ตั้งแต่9.4หมื่น-2.67แสนบาท
ต่อด้วยเจ้าพ่อคอนโดโลว์คอสต์อย่าง”บมจ.แอล.พี.เอ็น.” ที่มีโมเดลธุรกิจทำตลาดคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท มีสัดส่วนไม่ถึง 40% ของตลาดรวมคอนโดมิเนียม ปี 2558 ที่มีมูลค่าประมาณ 2.4 แสนล้านบาท ส่วนตลาดใหญ่เป็นกลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท สัดส่วน 50-60% ทั้งนี้ บริษัทได้คัดเลือกคอนโด 3,756 ยูนิต จาก 13 โครงการ เข้าร่วม แบ่งเป็นราคาไม่เกิน 7 แสนบาท 3,133 ยูนิตและเกิน 7 แสนบาท 623 ยูนิต โดยจะจัดขายราคาพิเศษ คิดเป็นมูลค่าส่วนลด 42 ล้านบาท
ด้านบมจ.ศุภาลัย เปรยว่าหากนโยบายมีความชัดเจนก็สนใจลงทุนสนองบ้านประชารัฐเพิ่มเติมจากแผนธุรกิจปกติแต่ไม่เกิน 3-4 โครงการ ส่วนโครงการอยู่ระหว่างขายราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท มี 800 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท อยู่ในกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัดเช่นภูเก็ตและพัทยา30%
ล่าสุดอนันดาฯ แสดงเจตจำนงค์ขนคอนโดมิเนียมเข้าร่วมกับบ้านประชารัฐ ทั้งสิ้น 4 โครงการ แบรนด์ ยูนิโอ เป็นโครงการใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ 3โครงการ หนึ่งในนั้นเป็นทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่วิ่งในปัจจุบัน และโครงการที่เปิดขายเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนา 1 โครงการ คือ ยูนิโอ จรัญฯ 3 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท หรือประมาณ 4000 – 5,000 ยูนิต
ขณะที่รายกลาง อย่างรุ่งกิจ เรียลเอสเตท หรืออาร์เค เตรียมความพร้อมเปิดตัวโครงการบ้านผู้มีรายได้น้อย บนที่มีอยู่แล้ว เนื้อที่ 41 ไร่ ตั้งอยู่ถนนสังฆสันติสุข พัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เนื้อที่16 ตร.ว. จำนวน 250 ยูนิต ราคายูนิตละ 9 แสนบาท ตามแผนคาดว่าจะเปิดขายภายในเดือน พ.ค.นี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการบ้านประชารัฐ จะช่วยผลักดันให้ตลาดในปีนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่จะช่วยให้ตลาดเติบโตขึ้นได้ เพราะช่วยระบายสต็อก และเพิ่มยอดขายสินค้าใหม่ ซึ่งจะสนับสนุนให้อสังหาฯในปีนี้โตได้มากกว่า 5%”
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
