รายได้ไม่มากก็เป็นเจ้าของบ้านได้ เพราะวันนี้เรามีโครงการบ้านประชารัฐที่ให้สิทธิแก่ประชาชนที่ต้องการมีบ้านหลังแรกอย่างทั่วถึงเพื่อเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และให้วงเงินกู้สูง ผ่านสองธนาคารที่เข้าร่วมโครงการคือ ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โอกาสดีๆ มาถึงแบบนี้แล้วสำหรับใครที่ฝันอยากมีบ้าน เรามีวิธีการเตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วไปยืนจองสิทธิโครงการบ้านประชารัฐกัน
บ้านประชารัฐ ตอบโจทย์ความต้องการใดบ้าง
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าโครงการบ้านประชารัฐนั้นเป็นการให้สินเชื่อเพื่อจุดประสงค์ในการซื้อบ้านใหม่เท่านั้น ความจริงแล้วการกู้ซื้อบ้านมือสอง หรือทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร บริษัทบริหารสินทรัพย์และกรมบังคับคดี (NPA) ก็สามารถเข้าโครงการได้เช่นกัน หรือแม้แต่การกู้เพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม ต่อเติมที่อยู่อาศัยก็ยื่นกู้บ้านประชารัฐได้อีกด้วย ซึ่งแต่ละกรณีนี้จะมีความแตกต่างกันในประเด็นอัตราดอกเบี้ยและวงเงินกู้
อัตราดอกเบี้ยและวงเงินกู้โครงการบ้านประชารัฐ
กรณีกู้ซื้อหรือก่อสร้างบ้าน ราคาไม่เกิน 700,000 บาท
วงเงินกู้เพื่อซื้อหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคา ไม่เกิน 700,000 บาท หรือกรณีกู้เพื่อซ่อมแซมหรือต่อเติมวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปีแรก ปีที่ 2 – 3 อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ปีที่ 4-6 อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี และปีที่ 7 จนถึงตลอดอายุสัญญา อัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 6.75% ต่อปี) และ MRR-1.475% สำหรับธนาคารออมสิน (ปัจจุบัน MRR ธนาคารออมสินอยู่ที่ 7.475% ต่อปี)
กรณีกู้ซื้อหรือก่อสร้างบ้าน ราคาเกิน 700,000 บาท แต่ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
วงเงินกู้เพื่อซื้อหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 700,000 บาทแต่ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-3 เท่ากับ 3% ต่อปี ปีที่ 4–6 อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี และปีที่ 7 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR–1% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี สำหรับธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ MRR-1.475% สำหรับธนาคารออมสิน โดยผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน
กรณีซ่อมแซมหรือต่อเติมที่อยู่อาศัย
มูลค่ารวมของที่ดินและที่อยู่อาศัย ที่จะขอกู้เพื่อซ่อมแซมหรือต่อเติมต้องไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
กำหนดเปิดจองโครงการบ้านประชารัฐ
ผู้สนใจสามารถยื่นจองโครงการบ้านประชารัฐได้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป
เอกสารประกอบการจองโครงการบ้านประชารัฐ
เพื่อให้สามารถจัดเอกสารได้สะดวกขึ้น เราจะแบ่งเอกสารออกเป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 เอกสารประจำตัวผู้ขอสินเชื่อ เอกสารชุดนี้คือเอกสารที่จะระบุตัวตนว่าผู้ที่กู้เป็นใคร และพักอาศัยอยู่ที่ใด เอกสารในกลุ่มที่ 1 ซึ่งผู้ขอสินเชื่อต้องจัดเตรียมเพื่อยื่นประกอบการพิจารณาขอสินเชื่อมีดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรประจำตัวข้าราชการ เตรียมให้พร้อมทั้งต้นฉบับและสำเนา
2. ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน ทั้งต้นฉบับและถ่ายสำเนาทุกหน้า
3. กรณีที่เปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนนามสกุล ให้เตรียมใบจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ทั้งต้นฉบับและสำเนา ใช้ทั้งหมดไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อกี่ครั้ง
4. กรณีสมรส เตรียมทะเบียนสมรส ทั้งต้นฉบับและสำเนา
5. กรณีหย่า เตรียมทะเบียนหย่า ทั้งต้นฉบับและสำเนา
6. กรณีคู่สมรสเสียชีวิต เตรียมมรณะบัตรของคู่สมรส ทั้งต้นฉบับและสำเนา
7. กรณีแยกกันอยู่กับคู่สมรส เตรียมใบแจ้งความแยกกันอยู่ ทั้งต้นฉบับและสำเนา
กลุ่มที่ 2 เอกสารแสดงความสามารถทางการเงิน เอกสารชุดนี้จะให้ข้อมูลด้านรายได้และศักยภาพในการผ่อนชำระของผู้ขอสินเชื่อ รวมไปถึงหลักทรัพย์ต่างๆ
กรณีเป็นพนักงานประจำสังกัดองค์กร ให้เตรียมเอกสารดังนี้
1. หนังสือรับรองเงินเดือน ฉบับจริง
2. เพย์เมนต์สลิปเงินเดือน หรือใบแจ้งการจ่ายค่าจ้างจากหน่วยงานย้อนหลัง 3 เดือน ฉบับจริงและสำเนา
3. สมุดบัญชีแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ทั้งฉบับจริงและสำเนา
4. กรณีรับเงินเดือนเป็นเงินสด ให้เตรียมแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีหรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ทั้งต้นฉบับและสำเนา
กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว ให้เตรียมเอกสารดังนี้
1. สำเนาทะเบียนการค้า ทะเบียนพาณิชย์ หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (หนังสือบริคณห์สนธิ) กรณีที่มีการจดทะเบียน
2. สมุดบัญชีแสดงการเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน ทั้งบัญชีส่วนตัวและบัญชีกิจการ ทั้งฉบับจริงและสำเนา
3. บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่แสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และวงเงินเบิกเกินบัญชี
4. หลักฐานอื่นๆ เกี่ยวกับกิจการ เช่น ภาพถ่ายกิจการ 5 ภาพ รายชื่อผู้ถือหุ้น งบการเงิน หลักฐานรายได้และทรัพย์สินอื่นๆ หลักฐานแสดงการเสียภาษี (ภ.พ. 30) เป็นต้น
กรณีประกอบอาชีพอิสระ ให้เตรียมเอกสารดังนี้
1. บัญชีเงินฝากแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน ทั้งฉบับจริงและสำเนา
2. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร วิศวกร ทนาย สถาปนิก เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 เอกสารแสดงรายละเอียดหลักทรัพย์ ในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นสถาบันการเงินจะถือเอาอสังหาริมทรัพย์ที่กู้เงินไปซื้อนั้นมาเป็นหลักประกัน ดังนั้นเอกสารที่แสดงรายละเอียดหลักทรัพย์ก็คือ เอกสารที่ระบุถึงอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ
1. กรณีที่อสังหาริมทรัพย์คือที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้าน ทาว์นเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ เป็นต้น ให้เตรียมสำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน โฉนดที่ดิน (น.ส. 4 จ.) หรือหนังสือแสดงสิทธิ์ใน ที่ดิน (น.ส. 3 ก.) ถ่ายสำเนาทุกหน้าจำนวน 2 ชุด
2. กรณีที่อสังหาริมทรัพย์คือห้องชุด ให้เตรียมหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2) ถ่ายสำเนาทุกหน้า จำนวน 2 ชุด
3. แผนที่ตั้งโดยสังเขปของอสังหาริมทรัพย์
4. รูปถ่ายของอสังหาริมทรัพย์
5. สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย และสัญญามัดจำ หรือหลักฐานการชำระเงินดาวน์
6. กรณีที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มือสอง เป็นการซื้อต่อที่ไม่ได้ซื้อโดยตรงจากโครงการจัดสรร ให้เตรียมสำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้จะขาย
7. สำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน (ทด. 13) ใบอนุญาตปลูกสร้างบ้าน ใบคำร้องขอเลขที่บ้าน เป็นต้น
กรณีมีผู้กู้ร่วม ให้ผู้กู้ร่วมทุกคนจัดเตรียมเอกสารในกลุ่มที่ 1 เอกสารประจำตัวผู้ขอสินเชื่อ และเอกสารในกลุ่มที่ 2 เอกสารแสดงความสามารถทางการเงิน ตามวิธีการและรายละเอียดที่ให้ไว้ด้านบน
หลังจากเตรียมเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอสินเชื่อควรตรวจสอบเอกสารอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเอกสารถูกเตรียมไว้อย่างถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ทั้งเอกสารที่ต้องการต้นฉบับไปแสดงและเอกสารที่ใช้สำเนา ให้ผู้ขอสินเชื่อลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
ติดต่อสอบถามโครงการบ้านประชารัฐ
หากผู้สนใจโครงการบ้านประชารัฐมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามธนาคารที่เข้าร่วมโครงการได้ ตามช่องทางการติดต่อนี้
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
โทรศัพท์ 02-645-9000 หรือสอบถามข้อมูลออนไลน์ http://www.ghbank.co.th/crm/forms/f06/
ธนาคารออมสิน
โทรศัพท์ 1115 หรือสอบถามข้อมูลออนไลน์ http://www.gsb.or.th/about-us/contact/contact-us.aspx
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chetapol@ddproperty.com