นายก ส.ไทยรับสร้างบ้าน เผยตลาดรับสร้างบ้านQ1/59ขยายตัว 12%

12 เม.ย. 2559

นายก ส.ไทยรับสร้างบ้าน เผยตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศไตรมาส 1/59 ขยายตัว 12% ชี้ลูกค้ากว่า 80% สร้างบ้านจากเงินออม

ด้านนายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึง ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสแรกปี 2559 นี้ (ม.ค.-มี.ค. 2559) ทั้งด้านความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชน รวมทั้งปริมาณและมูลค่าก่อสร้างของสมาชิกสมาคมฯ ที่แข่งขันและแชร์ส่วนแบ่งตลาดกันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านทั่วประเทศ โดยพบว่า ปริมาณและมูลค่ารับสร้างบ้านมีการขยายตัวหรือเติบโตเฉลี่ย 12% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน และเติบโตกว่าไตรมาสแรกปี 58 เฉลี่ย 9% โดยตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด ทั้งจังหวัดภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ขยายตัวดีขึ้นทุกภูมิภาค ขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวเพียงเล็กน้อย

จากสถานการณ์ดังกล่าว นับเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยประเภท “บ้านเดี่ยวสร้างเอง” (ไม่ใช่บ้านจัดสรร) ในต่างจังหวัด หลังจากความต้องการและกำลังซื้อที่อั้นมานานเกือบ 2 ปี เหตุเพราะไม่มั่นใจสภาพเศรษฐกิจและการเมือง แต่มาไตรมาสแรกปี 2559 ผู้บริโภคกลุ่มนี้เริ่มกล้าใช้จ่ายและลงทุนสร้างบ้านหลังใหม่กัน โดยผู้บริโภคหันมาพิจารณาเลือกใช้บริการผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพ แทนการว่าจ้างรายย่อยๆ มากขึ้น อาจด้วยเพราะต้องการความสะดวกและบริการที่ได้รับแบบครบวงจร อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาเหตุปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการฟื้นตัว สมาคมฯ ยังไม่พบปัจจัยบวกหรือปัจจัยสนับสนุนใดๆ อย่างมีนัยสำคัญ และนั่นอาจกล่าวได้ว่า 1.เป็นเพราะกำลังซื้อผู้บริโภคที่อั้นมานาน และ2.การปรับตัวของผู้ประกอบการเองที่มุ่งตอบสนองกำลังซื้อและความต้องการได้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี จากการติดตามสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านของสมาคมฯ พบว่ายังมีผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกทั้ง 2 สมาคม แต่ถือว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง โดยแตกไลน์ธุรกิจมาจากผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ สามารถให้บริการได้ทั้งในรูปแบบ “รับสร้างบ้านครบวงจร” ที่มีนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีก่อสร้างทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น และอีกรูปแบบหนึ่งคือ “บริการให้คำปรึกษา คำนวณปริมาณและราคาวัสดุ พร้อมมีบริการติดตั้งวัสดุเฉพาะอย่าง หรือแนะนำผู้รับเหมาในเครือข่ายเป็นผู้ก่อสร้าง” ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด การให้บริการในลักษณะดังกล่าว เริ่มรุกทำตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งนี้หากพิจารณาในแง่การแข่งขันก็นับได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของบริษัทรับสร้างบ้าน แต่หากมองในแง่การปลุกตลาดบ้านสร้างเอง ก็ถือว่าเป็นการรุกตลาดที่น่าจับตา

ทั้งนี้ การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ถือว่าเป็นความท้าทาย สำหรับผู้ประกอบการรายเดิมๆ ที่อยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านนี้มาก่อน เพราะในอดีตเคยแต่แข่งขันกับรายย่อยเป็นหลัก ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการที่รุกเข้ามาใหม่นั้น มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและเทคโนโลยีก่อสร้างที่ทันสมัย สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายเดิมๆ ส่วนใหญ่ยังใช้วิธีการก่อสร้างที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ซึ่งนับวันก็ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี สมาคมฯ เห็นว่าการเข้ามาของรายใหม่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สำหรับรายเดิมและภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้าน ข้อดีเช่น ก่อให้เกิดการพัฒนาและแข่งขันกัน เพื่อตอบสนองผู้บริโภคมากขึ้น ฯลฯ ส่วนข้อเสียก็มีบ้าง เช่น ผู้ประกอบการชั้นนำรายเดิมที่ไม่ปรับตัวเอง ย่อมจะเสียแชร์ส่วนแบ่งตลาด และอาจตกเทรนด์หรือก้าวไม่ทันผู้ประกอบการที่เข้ามาใหม่ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากผลสำรวจความเห็นของประชาชนที่มีแผนจะสร้างบ้านในปี 2559 เกี่ยวกับแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้เพื่อการว่าจ้างปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ โดยผลสำรวจพบว่า ประชาชนใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร 76% และใช้เงินสดหรือเงินออม 24% ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวออกมาตรงกันข้ามกับการสำรวจและสภาพความเป็นจริงเมื่อปีที่แล้ว กล่าวคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือ 80% ใช้เงินสดหรือเงินออมว่าจ้างปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลตามข้างต้นนี้ ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ที่ผู้ประกอบการควรมีการวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน

จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ภายใต้โครงการ “บ้านประชารัฐ” ของรัฐบาล แม้จะครอบคลุมที่อยู่อาศัยของประชาชนประเภท “บ้านสร้างเอง” แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าส่งผลต่อภาคธุรกิจรับสร้างบ้านน้อยมาก โดยเฉพาะเงื่อนไขที่จำกัดมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือราคาบ้านและแปลงที่ดินที่ใช้ปลูกสร้าง รวมถึงวงเงินกู้ยืมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หากมองภาพรวมมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ครั้งนี้ ไม่ได้ตอบโจทย์ประชาชนที่ต้องการสร้างบ้านเองและผู้ประกอบการรับสร้างบ้านอย่างที่เข้าใจกันในเบื้องต้น

อย่างไรก็ดี ในระยะ 3 เดือนข้างหน้าหรือไตรมาส 2 ปีนี้ ความต้องการสร้างบ้านหรือกำลังซื้อผู้บริโภค ยังมีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่อง อันเนื่องมาจาก “โครงการบ้านประชารัฐ” หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเองในต่างจังหวัด ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหลายรายได้สะดวกขึ้น ทั้งผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำ ที่มีการขยายสาขาในต่างจังหวัดหลายแห่ง รวมถึงผู้ประกอบการสร้างบ้านในท้องถิ่น ที่มีการปรับตัวและหันมาแข่งขันกับรายผู้นำด้วย จากเงื่อนไขของวงเงินกู้ยืมที่รัฐบาลกำหนดไว้ 7 แสน – 1.5 ล้านบาท สำหรับประชาชนกู้ยืมเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ในที่ดินของตัวเองนั้น ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำอาจไม่ได้อานิสงส์มากนัก เพราะส่วนใหญ่เน้นจับกลุ่มลูกค้าสร้างบ้านระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป ยกเว้น ผู้ประกอบการรายที่เริ่มปรับตัวและหันมาจับตลาดบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และผู้ประกอบการรายเล็กรายกลางในท้องถิ่น ที่น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐมากที่สุด

oq

ทั้งนี้ นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน ได้มีข้อเสนอแนะอยากให้รัฐบาล ควรเปลี่ยนมากระตุ้นอสังหาฯ โดยเน้นกลุ่มประชาชนที่มีเงินออมเก็บไว้นิ่งๆ ด้วยเพราะเงินที่ประชาชนกลุ่มนี้ เก็บหรือฝากไว้ในธนาคารฯ นั้นก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจน้อยมาก ขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาการส่งออกถดถอย และรัฐบาลต้องการแรงซื้อจากภายในประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า ทั้งนี้รัฐบาลสามารถออกมาตรการจูงใจทางภาษีหรือมาตรการอื่นๆ ออกมากระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มนี้ ซึ่งไม่อยากให้มองแค่ว่าเป็นมาตรการการช่วยคนรวย แต่อยากให้มองว่า เมื่อประชาชนนำเงินออกมาลงทุนสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ ย่อมก่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ มีการจ้างงานและการผลิตต่อเนื่อง ทั้งผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ และอื่นๆ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภท “บ้านสร้างเอง” ที่ความต้องการของประชาชนกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เจ.ดี.พูลส์ โชว์ฟอร์มปิดยอดขาย Q1/59 ทะลุเป้า 225 ล้านบาท

เจ.ดี.พูลส์ โชว์ยอดขายไตรมาสแรกปี 2559 กวาด 225 ล้านบาท โตกว่าปีที่แล้ว 12% ชี้ต

อ่านต่อ12 เม.ย. 2559

ธนาสิริขน5โครงการบ้านพร้อมโอนจัดแคมเปญก่อนหมดมาตรการรัฐ

ธนาสิริขน 5 โครงการบ้านพร้อมอยู่ จัดแคมเปญดันยอดขายก่อนหมดมาตรการรัฐ ช

อ่านต่อ12 เม.ย. 2559