10 ปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs กู้เงินจากธนาคารไม่ได้

12 พ.ค. 2559

SME

เทรนด์การเป็นเจ้าของกิจการเองของคนรุ่นใหม่ที่ขยายตัวมากขึ้นเป็นผลให้ปัจจุบันนี้เมืองไทยมีผู้ประกอบการ SMEs (Small and medium-sized enterprises) ที่มีไอเดียดีๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก หรือแม้แต่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้วและต้องการขยายกิจการ ซึ่งหนึ่งในข้อจำกัดสำคัญ นั่นคือ “แหล่งเงินทุน” แม้ว่าแหล่งเงินทุนหลักอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงินหลายแห่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ยื่นขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการ SMEs จำนวนไม่น้อยก็ยังไม่สามารถขออนุมัติวงเงินกู้เพื่อธุรกิจจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ได้

จากการรวบรวมข้อมูลจากส่วนบริการปรึกษาการเงินและการร่วมลงทุน ฝ่ายประสานและบริการ SMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สามารถสรุป 10 ปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs กู้เงินจากธนาคารไม่ได้ ดังนี้

1. ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ประเด็นนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้ หากผู้ประกอบการ SMEs ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรือสถาบันการเงินใดก็ตาม ล้วนต้องเรียกหลักประกันสำหรับค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการยื่นขอสินเชื่อ ซึ่งหลักทรัพย์ที่มาค้ำประกันส่วนใหญ่จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน, บ้าน, ห้องชุด รองลงมาจะเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น หากผู้กู้ไม่ชำระเงินตามกำหนดระยะเวลา ธนาคารหรือสถาบันการเงินก็มีสิทธิ์ที่จะยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันได้

ทั้งนี้ การใช้บุคคลค้ำประกันก็นับเป็นหลักประกันชนิดหนึ่ง แต่ต้องมีคุณสมบัติที่ตรงตามที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ กำหนด โดยกรณีผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ ผู้ค้ำประกันมีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้แทนผู้กู้

2. ไม่มีประสบการณ์

หลายครั้งที่ผู้ประกอบการ SMEs น้องใหม่ได้รับคำปฏิเสธจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพราะไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน  ประสบการณ์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาโอกาสความเป็นไปได้ในการประกอบธุรกิจ สร้างรายได้ มีกำไร มีเงินหมุนเวียนเพียงพอที่จะนำมาชำระเงินกู้ ซึ่งผู้ประกอบการ SMEs น้องใหม่ล้วนมองว่าหากไม่ได้รับโอกาสจากแหล่งเงินทุน ก็ยากจะที่ได้มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ และผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่จะมองภาพของธุรกิจที่ตนสนใจในเชิงบวก มองเห็นแต่โอกาส แต่ไม่ได้มองอุปสรรค ดังนั้น ผู้ประกอบการ SMEs ต้องมีความรู้และความเข้าใจในธุรกิจที่ตนจะลงมือทำอย่างถ่องแท้ สามารถวิเคราะห์ทั้งโอกาส อุปสรรค และกรณีที่เลวร้ายสุดได้ เพื่อมีแผนที่จะตั้งรับทุกปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้น และนำเสนอให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินเห็นพ้องต้องกันได้

3. ไม่มีรายได้ให้ปรากฏ

แม้ว่าจะยื่นขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ แต่ผู้ประกอบการ SMEs เองก็ต้องมีทุนรอนเป็นของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง และประวัติทางการเงินผ่านระบบบัญชีธนาคารอย่างน้อย 6 เดือน เส้นทางรายรับ รายจ่ายจะเป็นหนึ่งในหลักฐานที่แสดงความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้กู้ ซึ่งหากไม่มีประวัติส่วนนี้ หรือที่ผ่านมาไม่เคยนำเงินเข้าระบบบัญชีธนาคารเลย ก็ยากที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อ

4. ไม่มีแผนธุรกิจ

ประเด็นนี้จะเชื่อมโยงกับเรื่องประสบการณ์ในข้อ 2  แม้ว่าผู้ประกอบการ SMEs ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจจะไม่เคยมีประสบการณ์การทำธุรกิจมาก่อน ก็จำเป็นต้องมีแผนธุรกิจหรือ Business Plan ซึ่งแผนธุรกิจนี้มีส่วนสำคัญที่อาจจะทำให้ได้รับอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ได้รับอนุมัติก็เป็นได้ หรือกรณีที่ผู้กู้ไม่มีแผนธุรกิจเลย ก็ยากที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อเช่นกัน

5. ไม่รู้ต้นทุนหรือไม่รู้รายได้

ประเด็นนี้จะเชื่อมโยงกับข้อ 4 เรื่องแผนธุรกิจ โดยหากผู้ประกอบการ SMEs มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะคำนวณต้นทุนในการทำธุรกิจและนำเสนออยู่ในแผนธุรกิจแล้ว พร้อมกับคาดการณ์รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ แต่ถ้าแผนธุรกิจที่มีไม่ชัดเจน และไม่สามารถคำนวณต้นทุนการเริ่มต้นธุรกิจได้ เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ ค่าเช่า การตกแต่งปรับปรุง เงินเดือน ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการซื้อสินค้า ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ฯลฯ พร้อมกับไม่สามารถประเมินรายได้ได้นั้น ธนาคารหรือสถาบันการเงินย่อมไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs นั้นได้

6. ไม่สามารถผ่อนชำระ

ประเด็นนี้จะเชื่อมโยงกับข้อ 4 และข้อ 5 ที่เป็นหนึ่งในข้อมูลที่ทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินมั่นใจได้ว่าผู้กู้จะมีรายได้ และมีความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งหากรายละเอียดเกี่ยวกับแผนธุรกิจไม่ชัดเจน โอกาสทางการตลาด และโอกาสในการสร้างรายได้ไม่แน่นอน ธนาคารหรือสถาบันการเงินก็มีโอกาสปฏิเสธการให้กู้แก่ผู้ประกอบการ SMEs

7. มีประวัติหนี้เสีย

ประวัติการชำระหนี้ก็เป็นปัจจัยหลักที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินใช้พิจารณา โดยหากผู้ประกอบการ SMEs นั้นๆ เคยมีประวัติหนี้เสีย NPL (Non-Performing Loan) มาก่อน โอกาสที่จะถูกปฏิเสธการให้กู้เกือบ 100% แต่หากผู้ประกอบการ SMEs ได้เคลียร์หนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ประวัติหนี้เสียในอดีตยังคงอยู่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ แล้วว่า ประวัติหนี้เสียเหล่านั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด และการชำระหนี้เป็นไปอย่างไร

8. ไม่รู้ข้อจำกัดของธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ

ธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่งย่อมมีเงื่อนไขในการให้บริการด้านสินเชื่อหลักๆ หรือมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน ธนาคารบางแห่งเป็นธนาคารเฉพาะ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จะเน้นให้สินเชื่อเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อการเกษตรเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ก็ไม่ได้มีบริการให้สินเชื่อเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อการเกษตร หรือกรณีการให้บริการบางประเภท เช่น ธนาคารบางแห่งไม่สามารถออกเช็คได้ แต่ให้บริการเฉพาะตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือธนาคารบางแห่งไม่มีบริการเปิด L/C หรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ ก็ไม่เหมาะกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ฯลฯ ดังนั้น ผู้ประกอบการ SMEs ควรเลือกขอกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เหมาะกับธุรกิจของตน

9. ไม่มีการเตรียมตัว

ประเด็นนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรง หากเทียบกับอีก 8 ข้อที่ผ่านมา แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มี่ผลต่อการอนุมัติสินเชื่อด้วย เช่น เอกสารประกอบการทำธุรกิจ เอกสารทางการเงิน ใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ หรือเอกสารต่างๆ ที่ใช้ประกอบในการพิจารณาการขอเงินกู้ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ ร้องขอ หากผู้ประกอบการ SMEs ไม่เตรียมให้พร้อม ย่อมทำให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาอนุมัติ และหากเวลาเนิ่นนานไป หลักฐานที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้อาจไม่มีความหมาย ท้ายที่สุด อาจถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อ

10. มีทัศนคติเชิงลบ

การที่ผู้ประกอบการ SMEs มีทัศนคติเชิงลบต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ ก็มีผลเสียที่อาจทำให้ไม่ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อได้ โดยผู้ประกอบการ SMEs อาจจะเคยยื่นขอสินเชื่อมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ หรือเคยถูกปฏิเสธ หรือถูกร้องขอให้ยื่นเอกสารเพิ่ม ความยุ่งยากของขั้นตอนในการยื่นขอสินเชื่อต่างๆ จนอาจทำให้ผู้ประกอบการ SMEs เกิดทัศนคติเชิงลบต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น จนเกิดการตำหนิให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการยื่นขอสินเชื่อนั้นไม่สำฤทธิ์ผล

หากผู้ประกอบการ SMEs สามารถแก้ไข 10 ข้อดังกล่าวอันเป็นอุปสรรคต่อการยื่นขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจได้แล้ว ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินได้

คิดต่อเติม ขยายกิจการ หรือเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ รวมถึงใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ทดลองใช้เครื่องมือคำนวณสินเชื่อ http://www.ddproperty.com/bank/uob หรือ ติดต่อศูนย์ธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs ธนาคารยูโอบี โทร. 0-2343-3555

เขียนความเห็น