สะท้อนภาพรวมตลาดครึ่งแรกปี 2559 คอนโดมิเนียมเหลือขายล้นตลาด ผู้ประกอบการเร่งปรับโหมดเน้นการระบายสต๊อก หันพัฒนาบ้านจัดสรรตอบสนองกำลังซื้อที่แท้จริง
หนี้ครัวเรือนพุ่ง กระทบกำลังซื้อ
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวถึง สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมอยู่ในภาวะค่อนข้างอิ่มตัว จากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหาหนี้ครัวที่อยู่ในระดับสูง 80% ของจีดีพี ทำให้กำลังซื้อลดลงอย่างมาก ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง ขณะที่คอนโดมิเนียมเนวรถไฟฟ้าที่สร้างออกอีกจำนวนมาก ทำให้ยังมีสต็อกเหลืออยู่ในตลาดจำนวนค่อนข้างมาก แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการจะลดการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมลงก็ตาม
ที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าติดปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น และเมื่อดีมานด์ และซัพพลายไม่สมดุลกัน ยิ่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯจำเป็นต้องเติบโต ก็ต้องมีการผลิตโครงการคอนโดออกมาเรื่อยๆ มีผลให้ตลาดไม่สามารถดูดซับสต็อกเหล่านั้นได้เร็ว
และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องปรับตัวมาต่อเนื่อง เริ่มตั้้งแต่ปีที่แล้ว ที่ปรับโมเดลการพัฒนาโครงการ โดยไม่เปิดโครงการขนาดใหญ่เหมือนที่ผ่านมา แต่หันไปพัฒนาโครงการคอนโด ที่มีจำนวนเฉลี่ยไม่เกิน 1,000 ยูนิต เพื่อที่สามารถสร้างเสร็จแล้วโอนได้ภายใน 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยง ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ร่งระบายสินค้าพร้อมอยู่ที่มีอยู่ประมาณ 1 หมื่นยูนิต ออกมาให้ได้มากที่สุด ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แอล.พี.เอ็น.ฯ จะปรับเปลี่ยนการพัฒนาโครงการใหม่ โดยจะเน้นไปที่คอนโดตลาดกลางบนมากขึ้น รวมถึงคอนโดแนวรีสอร์ทที่ประเมินแล้วว่าตลาดยังไปได้ดี หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการที่สุขมวิท 24 และชะอำ
อย่างไรก็ตาม แนวทางการพัฒนาโครงการยังคงเป็นไปตามแผนที่กำหนด คือ จะเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท
คอนโดล้นตลาด เน้นพัฒนาบ้านจัดสรร หนุนกำลังซื้อตัวจริง
ด้านนายสุรเชษฐ์ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดในกรุงเทพฯในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจหดตัว แม้ว่าในไตรมาสแรกที่ผ่านมา จะมีคอนโดเปิดขาย 7,353 ยูนิตมากกว่าไตรมาสที่ 4 ปี2558 ประมาณ 23% ไม่ได้หมายความว่าตลาดคอนโดฟื้นตัวหรือว่ากลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่เป็นเพราะว่าจำนวนยูนิตที่เปิดขายในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว ต่ำที่สุดในรอบ 2 – 3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งการที่ความเชื่อมั่นของคนไทยลดลงเนื่องจากความไม่มั่นใจในภาวะเศราฐกิจระยะยาว ทำให้ผู้บริโภคจึงยังไม่อยากซื้ออสังหาฯที่เป็นหนี้สินระยะยาว ผู้ประกอบการหลายรายจึงเลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปก่อนโดยขอรอดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 สักระยะ
นอกจากนี้ การที่ยังมีคอนโดเหลือขายอยู่อีกประมาณ 55,000 ยูนิต ซึ่งจำนวนนี้ยังไม่รวมกับคอนโดที่เป็นนักลงทุน นักเก็งกำไรที่พร้อมจะปล่อยขายยูนิตของตัวเองออกมาอีกเมื่อได้ราคาที่พอใจ ทำให้ภาพรวมตลาดคอนโดดูแผ่ว ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ไปก่อนหรือไปเน้นพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่ตอบสนองกับกำลังซื้อที่แท้จริงมากกว่า อีกทั้งโครงการบ้านจัดสรรยังเป็นการทยอยลงทุนที่ค่อยๆ สร้างทีละเฟสได้ ไม่เหมือนโครงการคอนโดที่จำเป็นต้องสร้างทั้งอาคาร และต้องเสร็จตามกำหนดเวลาที่ได้บอกกับคนซื้อไว้ด้วย อย่างไรก็ดี การที่ผู้ประกอบการเลือกจะชะลอการลงทุนโครงการใหม่ๆ ออกไปก่อนในช่วงนี้ทำให้จำนวนคอนโดที่จะเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 ประมาณ 15,000 ยูนิต ซึ่งถ้าตลาดอสังหาฯ ยังคงเป็นแบบนี้จะยิ่งทำให้ภาพรวมดูชะลอตัวลงไปอีก แต่การที่รัฐบาลพยายามเร่งการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าต่างให้เห็นเป็นรูปธรรมภายในปี2559 – 2560 นั้น ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่มีผลต่อตลาดอสังหาฯในระยะยาวมากที่สุด แต่ต้องมีความชัดเจนบางส่วนภายในปีนี้
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com