SENA เหยียบเบรค ปี 59 เลื่อนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ จากเดิม 9 โครงการ เหลือ 7 โครงการ มูลค่า 4.5 พันล้านบาทพร้อมระบุปรับรูปแบบการพัฒนาใหม่ หลังมูลค่าที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นในปีหน้า เผยครึ่งปีหลังเตรียมเปิดแนวสูงทั้งหมด 5 โครงการ รวมมูลค่า 2.6 พันกว่าล้านบาท มั่นใจยอดขาย-ยอดโอนตามเป้า
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) กล่าวว่า ตามแผนการดำเนินงานบริษัทเดิม เปิดโครงการในปี 59 ทั้งหมด 9 โครงการ แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปเปิด 2 โครงการใหม่ในปี 2560 แทน เนื่องจากหนึ่งใน 2 โครงการมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการใหม่ และที่สำคัญมูลค่าที่ดินของทั้ง 2 โครงการได้มีการปรับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อบริษัทกลับมา
โดยทั้ง 2 โครงการที่ได้เลื่อนการเปิดออกไปเป็นปีหน้านั้น คือ โครงการทาวน์เฮาส์ในทำเลย่านรามอินทรา กม.9 บนที่ดิน 20 ไร่ มูลค่า 200 ล้านบาท โดยที่ดินย่านดังกล่าวมีทั้งหมด 100 กว่าไร่ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบการพัฒนาใหม่เป็นคอนโดมิเนียม 5-6 ชั้นแทน ซึ่งมองว่าเป็นทำเลที่มีแนวโน้มมูลค่าที่ดินจะเพิ่มขึ้นในปีหน้าด้วย และอีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยวที่พัทยาเช่นกันที่มีการแนวโน้มของมูลค่าที่ดินปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า โดยทางบริษัทมองว่าทั้ง 2 โครงการดังกล่าว จะสามารถพัฒนาให้มีมูลค่าสูงขึ้นและได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
พร้อมระบุว่า จากการเลือกนเปิดโครงการออกไป 2 โครงการดังกล่าว ทำให้ปีนี้มีโครงการใหม่ที่เปิดใหม่เหลือ 7 โครงการ มูลค่ารวม 4.5 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิดโครงการแนวราบใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท ส่วน 5 โครงการที่เหลือ ที่จะเปิดในครึ่งปีหลังจะเป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด มูลค่ารวม 2.6พันล้านบาท โดยในเดือนก.ค.ได้เปิดขายคอนโดมิเนียมไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ The Kith Plus สุขุมวิท 113 เฟส 1 มูลค่า 550 ล้านบาท จำนวน 425 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้ว70%ของยูนิตทั้งหมด
ด้านผลประกอบการนั้น ปัจจุบันบริษัทมียอดขายแล้ว 2.7 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งที่ตั้งไว้ 4.5 พันล้านบาท คาดว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้ยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ 3.5 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 2.4 พันล้านบาท จะโอนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ราว 1 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิในปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ นอกเหนือจากการรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิตรวม 46.5 เมกะวัตต์ ได้เต็มปีในปีนี้ปีแรก โดยจะมีกำไรจากการขายไฟฟ้าเข้ามาเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 ล้านบาท/ปี ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 100 เมกะวัตต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่ 46.5 เมกะวัตต์ โดยจะหันไปเน้นการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปแทน
ขณะที่งบซื้อที่ดินในปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.2 พันล้านบาท บริษัทได้ใช้ไปแล้ว 700-800 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะนำงบซื้อที่ดินที่เหลือไปซื้อที่ดินแปลงใหญ่มากขึ้น เพราะปัจจุบันราคาที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้การซื้อที่ดินแปลงใหญ่จะช่วยให้สามารถพัฒนาโครงการที่มีจำนวนยูนิตมากขึ้นและมีมูลค่าโครงการที่สูงขึ้นได้
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น ทางบริษัทได้เพิ่มงบปีนี้เป็น 5% ของยอดขาย จากปีก่อนอยู่ที่ 3% ของยอดขายทั้งนี้เพื่อใช้ในการสร้างแบรนด์ของSENAให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com