ว่างงานพุ่งสูงสุดรอบ 12 เดือน! ผลสำรวจชี้ ขาดแรงงานร่วม 4 หมื่น

23 ต.ค. 2560

ตัวเลขว่างงานพุ่งสูงสุดรอบ 12 เดือน ผลสำรวจชี้ 5 กลุ่มธุรกิจ ขาดแรงงาน ร่วม 4 หมื่น

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราการว่างงานเดือนสิงหาคม 2560 อยู่ที่ 1.1% มีอัตราการชะลอตัวเมื่อเทียบกับอัตราการว่างงานของเดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งอยู่ที่ 1.2% โดยมีจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมด 157,883 คน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 12 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 ซึ่งมีจำนวน 151,489 คน แม้ว่าอัตราการว่างงานของไทยจะไม่น่าห่วงในภาพรวม เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียน แต่หากลงลึกถึงรายละเอียดแล้วมีข้อน่ากังวลแอบแฝงอยู่มากมาย

ยิ่งเรียนสูงยิ่งตกงาน พบ ป.ตรี ว่างงานกว่า 2.5 แสนคน
รศ.ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ในปี 2560 มีจำนวนคนว่างงาน 463,379 คน ซึ่งสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2557 (341,117 คน) หรือเพิ่ม 122,162 คน จากความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากความตกต่ำอาจยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เทียบกับตัวเลขของธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ของไทยในปี 2560 ต่ำกว่าทุกประเทศในอาเซียน

อัตราดูดซับแรงงานได้ดีในระดับล่างซึ่งมีภูมิหลังไม่เกินระดับประถมศึกษา โดยมีสถานประกอบการประเภทที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก และเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดย่อมมากกว่า 95% ซึ่งใช้แรงงานระดับล่างมากเกินไป จนต้องนำแรงงานต่างด้าวมากกว่า 3 ล้านคนเข้ามาทำงานเสริมกับคนไทยเพื่อลดปัญหาขาดแรงงานระดับล่างเรื้อรังมามากกว่า 15 ปี

ในทางกลับกัน อัตราการว่างงานของแรงงานที่มีภูมิหลังทางการศึกษามากกว่ามัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไปกลับตรงกันข้าม โดยข้อมูลการมีงานทำของสำนักงานสถิติแห่งชาติในเดือนกรกฎาคม 2560 จากจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมด 4.76 แสนคน มีผู้ว่างงานตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น-ปริญญาตรี 426,000 คน หรือ 87% ของผู้ว่างงานทั้งหมด ปัญหาใหญ่คือมีผู้จบปริญญาตรีที่ว่างงานมากกว่า 2.53 แสนคน โดยมีสัดส่วนผู้จบสายวิชาการตกงานมากกว่าสายอาชีพกว่า 2 เท่า

5 กลุ่มธุรกิจ ขาดแรงงานร่วม 4 หมื่นอัตรา

5 กลุ่มธุรกิจ ขาดแรงงานร่วม 4 หมื่นอัตรา

ผลสำรวจชี้ 5 กลุ่มธุรกิจ ขาดแรงงานร่วม 4 หมื่นอัตรา
ด้าน เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ได้รวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์เพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานทั่วประเทศ ในไตรมาส 4 ปี 2560 พบว่า 5 กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด มีดังนี้
1. ธุรกิจบริการ จำนวน 9,529 อัตรา
2. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 8,915 อัตรา
3. ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 7,293 อัตรา
4. ธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ จำนวน 6,449 อัตรา
5. ธุรกิจก่อสร้าง จำนวน 6,248 อัตรา

นอกจากนี้ยังได้ประมาณการประเภทงานที่มีแนวโน้มเปิดรับสมัครมากที่สุด 5 อันดับแรก ในไตรมาส 4 มีดังนี้
1. งานขาย ประมาณ 17,500-18,000 อัตรา
2. งานช่างเทคนิค ประมาณ 9,400-10,000 อัตรา
3. งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ ประมาณ 7,100-7,500 อัตรา
4. งานวิศวกรรม ประมาณ 6,400-7,000 อัตรา
5. งานบริการลูกค้า ประมาณ 5,400-6,000 อัตรา

จะเห็นได้ว่างานที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุดก็ยังหนีไม่พ้นงานขายเนื่องจากถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกบริษัท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อลองดูข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี จะเห็นว่างานผลิต/ควบคุมคุณภาพ มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะไต่ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3 ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 32% โดยคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงโครงการที่สำคัญต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีผลต่อกำลังแรงงานในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ผนวกกับช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอย ทำให้ตลาดแรงงานจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยคาดว่าในไตรมาส 4 ตลาดแรงงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ประมาณ 1-3%

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลข้างต้นคงจะทำให้เห็นภาพแล้วว่าหากต้องการแก้ปัญหาอัตราการว่างงานลงคงต้องย้อนไปถึงการปฏิรูประบบการศึกษา โดยเฉพาะการผลิตแรงงานวิชาชีพเพื่อรองรับกับความต้องการของภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้สามารถผลิตบุคลากร หรือแรงงานคุณภาพตอบโจทย์ตลาดแรงงานได้อย่างแท้จริง

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ