เอเจ้นท์ฮ่องกง-ไต้หวันเหมาซื้อคอนโดยกตึก

7 มี.ค. 2560

 

“ออริจิ้น” ยึดทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผุด Notting Hill Sukhumvit 105 มูลค่า 2,350 ล้านบาท เจาะกลุ่มวัยทำงาน-นักลงทุนต่างชาติ ชูศักยภาพทำเลชี้อีก 3-5 ปีขึ้นแท่น “New Lifestyle CBD”

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาตลอด โดยได้พัฒนาโครงการทั้งส่วนต่อขยายเดิมอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายช่วงใหม่แบริ่ง-สมุทรปราการมาแล้วรวม 19 โครงการ มูลค่ากว่า 10,248 ล้านบาท โดยปีนี้เตรียมเปิดตัวโครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) มูลค่า 2,350 ล้านบาท ตามแผนงานในปีนี้ที่กำนดเปิด 9 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท

โดยตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 อยู่บนพื้นที่ขนาดประมาณ 8 ไร่ ใน ซ.สุขุมวิท 105 ห่างจากสถานีบีทีเอสแบริ่งประมาณ 400 เมตร เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 6 อาคาร รวม 1,113 ยูนิต พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์สถาปัตยกรรมโมเดิร์นคลาสสิค สไตล์อังกฤษ มีให้เลือก 7 แบบ ขนาดตั้งแต่ 25.50-43.50 ตร.ม. โดย 80% เป็นขนาด 1 ห้องนอนราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 75,000 บาทต่อตร.ม.

กลุ่มเป้าหมาย จะเป็นวัยทำงานและกลุ่มคนท้องถิ่น ปัจจุบันชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย (Expat) โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและ ชาวไต้หวันให้ความสนใจที่อยู่อาศัยโซนนี้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีบริษัทเตรียมเปิดพรีเซล 3 อาคารจาก 6 อาคารในวันที่ 25 มี.ค. 2560 ณ ไบเทค บางนา พร้อมห้อง Fully Furnished ราคาพิเศษ 1.69-1.89 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายในวันดังกล่าวที่ 70%

“3 อาคารที่จะเปิดพรีเซลนั้น ขณะนี้มีตัวแทนขายจากต่างประเทศมาเหมาไปขายที่ฮ่องกงและไต้หวันแล้ว 1 อาคาร และอีก 1 อาคารอยู่ระหว่างการเจรจากับตัวแทนขายจากทางญี่ปุ่น สำหรับราคาที่เปิดขายถือเป็นราคาที่คุ้มที่สุดในโซนสถานีบีทีเอสเพราะปัจจุบันคอนโดฯที่ระยะห่างเกิน500 เมตรจากสถานี ราคาประมาณ 4.5-8 หมื่นบาทต่อตร.ม. ซึ่งหลังจากวันงานพรีเซล ทางบริษัทจะปรับราคาขึ้นโดยจะเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้จะเริ่มก่อสร้างเดือน มิ.ย. 2560 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 1/2562″

ด้วยศักยภาพทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ถือเป็นทำเลน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากมีปัจจัยบวกถึง 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1.มีสถานีรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จก่อนรถไฟฟ้าสายอื่นและเป็นรถไฟฟ้าสายที่ดีที่สุดเพราะอยู่บนถนนสุขุมวิท สามารถเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจใจกลางเมือง (ซีบีดี) ได้ภายใน 20-30 นาที
2.เป็นย่านที่อยู่อาศัยแนวราบที่เป็นที่นิยมมาก่อน มีชุนชน มีแหล่งงาน และโรงเรียนนานาชาติชั้นดีจำนวนมาก รวมถึงจะมีการขยายตัวของย่านธุรกิจการค้าในอนาคต
3.การคมนาคมสะดวก ติดทางด่วนเฉลิมมหานคร (พระราม 9–แจ้งวัฒนะ–รามอินทรา) ทางพิเศษบูรพาวิถี (ชลบุรี–พัทยา) และทางพิเศษบางพลี–สุขสวัสดิ์
4.ระดับราคาคอนโดมิเนียมยังไม่สูงมากนัก

สำหรับโซนที่น่าจับตาบนทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียวขณะนี้ แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่

1.ทำเลสถานีปุณณวิถี-อุดมสุข เป็นทำเลที่มีการเปิดขายโครงการคอนโดมีเนียมจำนวนมากมาตั้งแต่ก่อนรถไฟฟ้าจะเปิดบริการ มีผู้ประกอบการเข้ามาแข่งขันกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในโซนนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค แต่ระดับราคาเฉลี่ยในปัจจุบันที่อยู่ที่ 100,000-150,000 บาท/ตรม. จึงอาจจะไม่เหมาะกับกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่แล้ว

2.ทำเลสถานีบางนา–แบริ่ง ปัจจุบันยังเป็นโซนที่มีการแข่งขันกันไม่สูงมากนัก ระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000-125,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นราคาคอนโดมีเนียมใกล้รถไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับราคาที่ยังจับต้องได้ จึงเชื่อว่าจะกลายเป็นทำเลที่มีความต้องการสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 ปีจากนี้ และคาดว่าจะส่งผลให้ระดับราคาปรับขึ้นได้ถึง 20 %

>>อ่านรีวิวโครงการใหม่ย่านสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว BTS สถานีแบริ่ง<<

ขณะเดียวกัน ซัพพลายในตลาดมีน้อย โดยในปี2559 ซัพพลายคอนโดฯทั้งหมดที่ขายอยู่ในโซนลาซาล-แบริ่ง-สำโรง อยู่ที่ 6,827 ยูนิต ขายไปได้ถึง 4,506 ยูนิต มียูนิตคงเหลือสิ้นปี 2559 เพียง 2,321 ยูนิต หรือคิดเป็นอัตราการขายสูงถึง 66% ขณะที่ทำเลอื่นๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 30% สะท้อนว่าทำเลนี้มีความต้องการของผู้บริโภคสูง และมีซัพพลายคงเหลือน้อยกว่าระดับความต้องการ และจากการที่งานก่อสร้างระบบรางและสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ก็แล้วเสร็จ 100% และพร้อมจะเปิดให้บริการสถานีแรกในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมโซนนี้เติบโตมากกว่า 30%

“มั่นใจว่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า แบริ่งและสถานีโดยรอบจะกลายเป็น New Lifestyle CBD เพราะกำลังจะมีสถานที่สำคัญใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งแบงค็อก มอลล์ (Bangkok Mall) ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ภิรัชทาวเวอร์, อาคารสำนักงาน M Tower, Sky Walk เชื่อมสถานีอุดมสุข-บางนา, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, และรถไฟรางคู่ขนาดเบา สายบางนา–สุวรรณภูมิ ทำเลนี้จะเชื่อมต่อทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน และการเดินทาง ซึ่งโครงการนี้มีความคุ้มค่าสำหรับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือลงทุนปล่อยเช่า เพราะปัจจุบัน คอนโดฯขนาด 25.5 ตร.ม. ค่าเช่า 1.2 แสนบาทต่อปี มีผลตอบแทนถึง 6%”

K.preerapong

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ