เปิดมิติแห่งการร่วมทุนอสังหาฯ ไทย - ต่างชาติ

17 มี.ค. 2560

ไฮไลท์:
           – เศรษฐกิจชะลอ กำลังซื้อหดตัว คนไทยขาดความเชื่อมั่นจากปัจจัยลบรอบด้าน
           – ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงเรื้อรัง กระทบหนักผู้ซื้อระดับกลางลงล่าง
           – ผู้ประกอบการรายใหญ่ปรับตัวเพิ่มธุรกิจต่อยอด จับมือพันธมิตรเสริมแกร่งหวังโตยั่งยืน

[สกู๊ปพิเศษ]  ถ้าติดตามข่าวคราววงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะพบว่าหลายสื่อจะพูดถึงในปี 2560 นี้ว่าเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ หรือ การปรับสมดุล ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลังจากนี้อีก 2-3 ปี ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีแข่งขันรุนแรงมาก เพราะทุกค่ายล้วนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับบิ๊กเนมกันทั้งนั้น พร้อมกับการช่วงชิงทำเลทองตามแนวรถไฟฟ้าตามแผนการลงทุนของภาครัฐ โดยภาครัฐวางแผนการเดินรถอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560-2565 ทำให้กลุ่มทุนไทยต้องเร่งหาทุนใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินธุรกิจพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า นอกจากหายากแล้วราคายังปรับเพิ่มขึ้นแบบไม่ลืมหูลืมตา

ที่ผ่านมา มีกระแสการร่วมทุนของกลุ่มทุนอสังหาฯ โดยเฉพาะพันธมิตรต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น , จีนมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทย โดยรูปแบบการลงทุนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นการร่วมลงทุนกับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท

ยกตัวอย่าง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง จากญี่ปุ่น, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป จากญี่ปุ่น พร้อมลงทุนยาวใน2 รูปแบบคือ 1.ลงทุนร่วมกับพันธมิตรเก่าเอพี ผ่าน “พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์” บริษัทใหม่ที่ลงขันกันเมื่อเดือนเมษายน 2559 ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 6,100 ล้านบาท และ รูปแบบที่ 2 คือหาพันธมิตรผู้ร่วมทุนใหม่พร้อมกับแสวงหาโอกาสลงทุนในเชิงพาณิชย์ ทั้งอาคารสำนักงาน, ธุรกิจรีเทล

ขณะที่ บริษัท ชาญอิสสระ จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกับกลุ่มจุนฟา ประเทศจีน พัฒนาโครงการ บาบาบีช คลับ ที่จ.พังงา และกลุ่มเทียน หยวน บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของจีน พัฒนาคอนโดมิเนียม ใน จ.เชียงใหม่

ด้านไซมิส แอสเสท ร่วมทุนกับกลุ่ม เซกิซุยฯ นำบ้าน “ไฮม์” ระบบโมดูลาร์ มาติดตั้งในโครงการดังกล่าวที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณโครงการไซมิส บลอสซั่ม แอต แฟชั่น ย่านรามอินทรา

สำหรับ “บ้านไซมิส ไฮม์” เป็นบ้านที่พร้อมตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ประกอบด้วยวัสดุที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง โครงสร้างโมดูลาร์ที่แข็งแรง สามารถทนแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว มีอายุการใช้งานยาวนาน อีกทั้งผนังด้านนอกผลิตจากเซรามิก ที่ง่ายต่อการทำความสะอาด ดูดซับน้ำต่ำ ลดเสียงและความร้อนจากภายนอกบ้าน มีฉนวนกันเสียงและความร้อนที่มีคุณภาพสูง ช่วยในการประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายด้วยระบบโซล่าร์เซลล์ที่ลดค่าไฟฟ้าให้บ้านได้มากถึง 70%

 

ขณะที่ บมจ. ศุภาลัย เช่นกันได้ขยายการลงทุนโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยคราวนี้ไปยังประเทศออสเตรเลีย หลังจากประสบความสำเร็จในการลงทุนที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพราะมองเห็นโอกาสในการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่มั่นคง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง

InfoGraphic_Thai-Overseas-Partnerships_TH

นอกจากนี้ ยังมีดีลแรกของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศร่วมทุนกับบริษัทฮันคิว เรียลตี้ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ในกลุ่มบริษัท ฮันยู ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในภูมิภาคคันไซ หรือแถบเมืองโอซาก้า โกเบ และเกียวโต ดำเนินธุรกิจหลากหลาย ทั้งผลิตรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์การค้า โรงแรม โรงละคร สนามเบสบอล โดยจัดตั้ง บริษัทร่วมทุน เสนา ฮันคิว 1 เพื่อลุยพัฒนาคอนโดมิเนียมกลางเมืองเจาะตลาดระดับบน ขณะที่ด้านของบริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด ก็มีแผนชัดเจนเกี่ยวกับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โฟกัสตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย ซึ่งเขามองว่า ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าจำนวนมาก

ตามมาติดๆ กับ ดีลของบริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทชินวะ เรียล เอสเตท จำกัด ประเทศ ตั้งบริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด เพื่อรุกตลาดคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ โดยประเดิมโครงการแรก “รูเนะสุทองหล่อ 5″ (RUNESU THONGLOR 5) ย่านทองหล่อ โดยนำการออกแบบจากบริษัท IAO TAKEDA ซึ่งคว้ารางวัลที่ 1 ของบริษัทออกแบบในประเทศญี่ปุ่นถึง 5 ปีซ้อน นั้นมาผสานกับเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นนวัตกรรมส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นด้วย Sigma BEAM ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์พิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงสร้าง RUNESU ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยการปรับคานเป็นพื้นและปรับพื้นให้เป็นคานทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น 25-40% สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มาก

 

ทั้งนี้หากมองในมุมของผู้ประกอบอสังหาฯไทยที่ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ นั้นถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ การกระจายความเสี่ยง และการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากนักในภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน การต่อยอดเงินทุนให้มีความแข็งแกร่ง รวมถึงการนำเอา know-how ด้านการก่อสร้างมาใช้นั้นจะช่วยคำนวณต้นทุนได้ อีกทั้งยังสามารถนำมาเป็นเครื่องมือสื่อสารทางด้านการตลาดได้อีกด้วย

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ