เตรียมพร้อมก่อนถึงวัยเกษียณ

4 พ.ค. 2560

“เตรียมพร้อมด้านการเงิน เสริมสร้างสุขภาพกาย ใส่ใจสุขภาพจิต ไม่ปล่อยชีวิตให้เงียบเหงา เพื่อสร้างความสุขให้ชีวิตวัยเกษียณ”

ในอดีตสังคมไทยนิยมอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ในบ้านหลังเดียวกัน ผู้สูงอายุได้รับการดูแลจากลูกหลานเป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันโครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่กลายเป็นอยู่แบบครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น รวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นแรงผลักดันให้ลูกหลานในต่างจังหวัดต้องเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ทำให้ผู้สูงอายุมีแนวโน้มต้องอยู่ตามลำพัง

เมื่อโครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป แต่ละคนต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น การดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในวัยเกษียณ เพราะยามที่เราเกษียณแล้วนั้น หลายสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากชีวิตในวัยทำงาน ทั้งด้านการเงิน ด้านร่างกาย รวมถึงด้านจิตใจ การเตรียมพร้อมรับชีวิตวัยเกษียณจะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตในช่วงเกษียณได้อย่างมีความสุข โดย K-Expert มีคำแนะนำเรื่องสำคัญๆ ที่ควรเตรียมพร้อมมาฝากดังนี้

เตรียมพร้อมด้านการเงิน
ยามที่เราเกษียณแล้วนั้น การรักษาทรัพย์สินของเราให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายได้ตลอดช่วงเวลาที่เหลือเป็นสิ่งจำเป็น ต้องถามตัวเองว่า เงินที่มีอยู่หลังจากไม่ได้ทำงานแล้วมีเพียงพอสำหรับการดูแลตัวเองในวัยเกษียณหรือไม่ ต้องคำนึงถึงค่าครองชีพที่ต้องใช้จ่ายประจำทุกเดือน เงินเฟ้อในแต่ละปีที่ทำให้ค่าของเงินที่มีอยู่ลดลงเรื่อยๆ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

การบริหารเงินให้พอใช้จ่ายและดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพได้นานที่สุดนั้น สิ่งสำคัญคือ ชีวิตหลังเกษียณ รายได้ของเรามักลดลงเมื่อเทียบกับชีวิตในวัยทำงาน การลงทุนจึงควรเน้นความปลอดภัยของเงินต้นและสามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว

สภาพคล่องเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงในการจัดสรรเงินลงทุนในยามเกษียณ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน โดยเฉพาะเมื่อเจ็บป่วย แนะนำว่า เงินสภาพคล่องที่เก็บไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ควรมีประมาณ 6-9 เท่าของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน อาจเลือกเก็บในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินซึ่งมีสภาพคล่องใกล้เคียงเงินฝากออมทรัพย์

สำหรับเงินส่วนที่เหลือจากการเก็บเป็นสภาพคล่อง ควรจัดสรรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการเก็บเงินในบัญชีเงินฝากเพียงอย่างเดียว และโดยหลักการแล้ว อายุมาก ไม่ควรลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนสูงมาก เนื่องจากระยะเวลาในการทำงานมีน้อยลง เช่น ลงทุนหุ้นไม่เกิน 30% ของเงินลงทุน

เสริมสร้างสุขภาพกาย
เมื่ออายุมากขึ้น โรคภัยไข้เจ็บมักตามมาเป็นเงาตามตัว ซึ่งต้องใช้เงินออมที่มีอยู่มาเป็นค่ารักษาพยาบาลการดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงจึงมีความสำคัญ โดยเริ่มตั้งแต่เรื่องการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน การออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ การเลือกอาหารที่เหมาะกับร่างกาย รวมทั้งการดูแลตนเองโดยพยายามลด ละ เลิกสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม เป็นต้น

นอกจากนี้ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว หลายคนคิดว่าควรพบแพทย์เมื่อเจ็บป่วยเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเราควรหาวิธีป้องกันเพื่อมิให้เจ็บป่วยมากกว่า ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

ใส่ใจสุขภาพจิต
หลายคนที่เข้าสู่วัยเกษียณ เมื่อต้องหยุดทำงานมักมองตนเองไม่มีความสำคัญ ไร้ความสามารถ หรือรู้สึกว่าตนเองไม่แข็งแรงเท่าเมื่อก่อน เป็นภาระแก่ลูกหลาน ส่งผลให้ความพึงพอใจในชีวิตต่ำลง ซึ่งการมีความคิดในแง่ลบต่อตนเอง ย่อมส่งผลด้านลบต่อสุขภาพกาย

หลายคนที่ป่วยเป็นโรคร้าย แต่มีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง อาจใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขกว่าคนที่มีสุขภาพร่างกายเป็นปกติ แต่รู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า ดังคำเปรียบเปรยที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” แสดงให้เห็นว่า สุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับสุขภาพกาย เมื่อสุขภาพจิตเข้มแข็ง ย่อมส่งผลให้สุขภาพกายแข็งแรง การมีสุขภาพจิตที่ดีจึงช่วยป้องกันความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราได้

ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณควรทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่บวก ปรับความความคิด ปรับมุมมอง และยอมรับการเปลี่ยนแปลง จะทำให้สามารถใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างมีความสุข

ไม่ปล่อยชีวิตให้เงียบเหงา
ด้วยโครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพังย่อมเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ ดังนั้น การคบหาญาติมิตรเพื่อนฝูงเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น ไปท่องเที่ยว ทำบุญ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม หรือการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลที่อยู่รอบตัว สามารถช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณรู้สึกไม่เงียบเหงา

นอกจากนี้ การหางานอดิเรกหรือหาสิ่งที่เราชอบ ทำในเวลาว่าง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ สามารถช่วยให้ชีวิตมีความสุขความเพลิดเพลินได้ ซึ่งสิ่งที่เราชอบหรือสิ่งที่เราสนใจบางอย่างสามารถสร้างรายได้เสริมให้ตนเองได้ ยกตัวอย่างเช่น ชอบทำขนม อาจลองทำให้เพื่อนฝูง หรือเพื่อนบ้านทาน แล้วจึงลองทำขาย แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องพยายามไม่คำนึงเรื่องรายได้หรือกำไรขาดทุนที่ได้รับจนเกินไป แต่ควรคำนึงว่าวัตถุประสงค์หลักคือ ทำเพื่อเป็นงานอดิเรกยามว่าง

เมื่อก้าวสู่วัยเกษียณ จงอย่าปล่อยให้ตนเองรู้สึกว่าเป็นคนวัยเกษียณที่หมดคุณค่า แต่ควรเตรียมชีวิตให้พร้อม โดยเตรียมพร้อมด้านการเงิน เสริมสร้างสุขภาพกาย ใส่ใจสุขภาพจิต ไม่ปล่อยชีวิตให้เงียบเหงา เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ชีวิตในบั้นปลายเป็นชีวิตที่มีความสุขตามที่ต้องการตลอดช่วงที่เราเกษียณอายุ

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์ CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ