จีนถือเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจถึงปีละ 9-10% แม้ในระยะหลังจะเกิดการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องแต่เศรษฐกิจก็ขยายตัวอยู่ในระดับ 7% และในไตรมาสแรกของปีนี้ก็เติบโตอยู่ในระดับ 6.9% ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งของการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเกิดจากการนำเม็ดเงินไปลงทุนในต่างประเทศ โดยภาคธุรกิจที่จีนสนใจลงทุนคือ อสังหาริมทรัพย์
จากข้อมูลของเจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) พบว่า ในปี 2559 จีนเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างแดนมูลค่ารวมทั้งสิ้น 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนหน้า โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่นักลงทุนจีนเข้าไปลงทุน 90% เป็นที่ดิน อาคารสำนักงานและโรงแรม แต่สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา พบว่า โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม อาทิ โรงงานและโกดัง เป็นอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่นักลงทุนจีนเข้าลงทุนมากที่สุด
จีนแห่ลงทุนในไทย ที่ดินถูกกว่า 20%
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทจีนจำนวนไม่น้อยเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทย โดยรูปแบบการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการร่วมลงทุนกับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาโครงการใหม่ หรือการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย อาทิ โครงการบาบา บีช คลับ ภูเก็ต ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัท จุนฟา เรียล เอสเตท จำกัด และบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โครงการมิกซ์ยูส รอยัลลี เดอะ เทอมินอล ภูเก็ต โดยรอยัล ลี เอสแซท และโครงการอาร์ทีมิส สุขุมวิท 77 โดย China Tianchen Engineering Corporation ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ยังพบว่า ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ที่ชาวจีนสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ และเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชียรองจากญี่ปุ่น และมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่ซื้อเพื่อการลงทุนถึง 51.8% ส่วนที่เหลือซื้อเพื่ออยู่อาศัย 38.8% และเพื่อรองรับการย้ายที่อยู่อาศัย 7.8% เนื่องจากที่ดินในจีนมีราคาสูงกว่าในไทยประมาณ 20% โดยจากข้อมูลของ Global Property Guide Research ระบุว่า ราคาคอนโดมิเนียมโดยเฉลี่ยต่อตารางเมตรใน ทำเลพื้นที่เศรษฐกิจชั้นในของไทยมีราคาต่ำกว่าฮ่องกงกว่า 5 เท่า และสิงคโปร์กว่า 2 เท่าตัว จึงทำให้มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้น ไปได้อีกมาก
จีนซื้อโรงแรมในอเมริกา หวังลงทุนระยะยาว
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนหันไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใน 3 เมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างนิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และลอสแองเจลิส มากขึ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 135,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยอดรวมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของจีน ในปี 2558 เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า จากปีก่อนหน้า โดยยอมทุ่มซื้อในราคาที่แพงกว่าท้องตลาด 30-40% อาทิ อาคารสำนักงานใจกลางนิวยอร์กที่มีราคาสูงถึง 1,400 ดอลล่าสหรัฐฯ/ตารางฟุต หรือประมาณ 500,000 บาท/ตารางเมตร โดยส่วนใหญ่หวังลงทุนในระยะยาวจากแนวโน้มการลดค่าเงินหยวนในอนาคต และทำกำไรจากราคาที่ดินที่คาดว่าจะสูงขึ้นในนิวยอร์ก โดยกลุ่มทุนจีนที่เข้าไปบุกเบิกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก ได้แก่ กลุ่ม An Bang ที่เข้าไปซื้อโรงแรม Waldorf Astoria ในแมนฮัตตัน ใจกลางมหานครนิวยอร์ก เมื่อปี 2558 ในราคา 1,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จีนเล็งฮอกไกโด แหล่งผลิตอาหาร
จากข้อมูลของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น พบว่า เมื่อปี 2559 มีพื้นที่ป่าไม้ในญี่ปุ่นกว่า 1,262 ไร่ ถูกกลุ่มทุนต่างชาติซื้อไป เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวจากปีก่อนหน้า และหากนับรวมการซื้อพื้นที่ป่าของกลุ่มทุนต่างชาติที่จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นด้วยแล้ว ปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียวมีพื้นที่ป่าในญี่ปุ่นถูกกว้านซื้อไปมากกว่า 4,856 ไร่ หรือเท่ากับพื้นที่ 15 เท่าของสวนสนุกโตเกียวดิสนีย์แลนด์
โดยพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกกว้านซื้อมากที่สุดคือ เกาะฮอกไกโด ซึ่งกลุ่มทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อที่ดินนั้น 81% คือกลุ่มทุนจากจีน ซึ่งรวมฮ่องกง และไต้หวัน ที่ไม่เพียงซื้อที่ดินเท่านั้น แต่ยังซื้อกิจการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมาจากกฎหมายของญี่ปุ่นที่เอื้อประโยชน์ให้ชาวต่างชาติสามารถครอบครองที่ดินและเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้ รวมทั้งการใช้ชาวญี่ปุ่นเป็นนอมินีด้วย
อย่างไรก็ตาม คนในท้องถิ่นของเกาะฮอกไกโดมองว่า ในอนาคตญี่ปุ่นอาจจะมีปัญหาด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร หรือเกิดภาวะขาดแคลนอาหารมากขึ้น เนื่องจากฮอกไกโดเป็นพื้นที่เกษตรกรรมใหญ่ที่ผลิตอาหาร และเป็นแหล่งน้ำสะอาดให้กับชาวญี่ปุ่น หากที่ดินถูกกว้านซื้อไปเช่นนี้ ผลผลิตอาจถูกส่งไปจีนมากกว่าใช้บริโภคในญี่ปุ่นเอง
จีนเช่าที่ดินปลูกกล้วยสร้างปัญหาระยะยาวในลาว
จีนเข้ามาบุกเบิกการปลูกกล้วยหอมในลาว โดยเฉพาะในแขวงบ่อแก้วตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากค่าเช่าที่ดินเพียง 7,000 บาท/ปี ซึ่งถูกว่าที่จีนถึงครึ่งหนึ่ง โดยปัจจุบันเฉพาะในแขวงบ่อแก้ว จีนมาลงทุนปลูกกล้วยกว่า 62,500 ไร่ แม้ว่าในระยะแรกจะทำให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน แต่ก็เป็นเพียงแค่ระยะสั้นๆ ซึ่งผลเสียที่ตามมาคือสภาพดินเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการลักลอบใช้สารเคมีอันตรายที่ถูกยกเลิกใช้กันแล้วทั่วโลก ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ปัจจุบันลาวจึงพยายามที่จะจำกัดและลดพื้นที่ปลูกกล้วยหอมของจีนลง รวมทั้งใช้มาตรการเด็ดขาด หากพบนักลงทุนรายใดใช้สารเคมีอันตรายจะเพิกถอนใบอนุญาตทันที
จีนยึดเกาะกง กระทบชาวกัมพูชาระดับรากหญ้า
จีนเข้าไปถือสัมปทาน 99 ปี บนที่ดินของกัมพูชาส่วนที่ใกล้เคียงกับชายแดนลาว 6 แสนไร่ และที่ดินบริเวณเกาะกงที่ติดกับทะเลอีก 6 แสนไร่ โดยมีแผนจะก่อสร้างรีสอร์ท โรงแรม คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่รวมคาสิโนด้วย รวมทั้งก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ โรงไฟฟ้า สนามบินเล็ก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากจีนโดยตรง และเป้าหมายสำคัญคือการสร้างท่าเรือน้ำลึก เพื่อขนส่งสินค้าจากจีนเข้ามาบริเวณอ่าวไทย
โดยสัมปทานดังกล่าวทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะชาวประมงที่ทำมาหากินอยู่บริเวณเกาะกง ต้องอพยพไปอยู่บนเขา แม้ทางจีนจะสร้างที่พักและจัดสรรที่ดินให้ใหม่ แต่ก็เป็นการทำลายวิถีชีวิตรูปแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม การรุกของทุนจีนเข้าไปครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศนั้น ในแง่หนึ่งก็ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ต้องมีควบคู่กันไปด้วยคือภาครัฐที่ต้องออกมาตรการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบและเบียดบังวิถีชีวิตของประชาชนในประเทศเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในลาว และกัมพูชา
ขอบคุณภาพจาก : pixabay.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน