ฝนตกแดดออกทุกวัน ทำให้หลายบ้านมองหาการติดตั้งกันสาดเป็นทางออกป้องกันความร้อนและสายฝนที่ซัดสาดเข้ามา แต่ด้วยรูปแบบและวัสดุของกันสาดที่มีอยู่อย่างหลากหลายอาจจะทำให้เราไม่มั่นใจว่า กันสาดที่เลือกใช้หรือเหมาะกับที่อยู่อาศัยของเราหรือยัง ลองทำความรู้จักและเข้าใจกันสาดก่อนเริ่มติดตั้งกันดีกว่า
• คำนวณการรับน้ำหนักให้ดี
การติดตั้งกันสาดควรคำนึงถึงน้ำหนักของกันสาด เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหากับโครงสร้างของตัวบ้านในภายหลัง เพราะในบางโครงการไม่ได้มีการเตรียมโครงสร้างบ้านไว้สำหรับรองรับกันสาดที่มีน้ำหนักมาก โดยควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือช่างผู้ทำการติดตั้งให้ช่วยคำนวณการรับน้ำหนัก ซึ่งถ้าเป็นโครงการใหม่ เราสามารถสอบถามและขอคำแนะนำจากโครงการหรือช่างประจำโครงการได้เกี่ยวกับน้ำหนักกันสาดที่โครงสร้างบ้านสามารถรองรับได้ โดยที่กันสาดนั้นจะมีลักษณะการใช้งานอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
1) แบบใช้งานถาวร กันสาดที่มีอายุการใช้งานยาวนานคงทน เสียค่าซ่อมแซมน้อย แต่ส่วนใหญ่มีน้ำหนักมาก และค่าก่อสร้างสูง ได้แก่ แบบโลหะประเภทอลูมิเนียม เหล็กอลูมิเนียม คอนกรีตเสริมเหล็ก กระเบื้องกระดาษ ไวนิล กระเบื้องแอสเบสทอสซีเมนต์ โพลีคาร์บอเนต และไฟเบอร์กลาส เป็นต้น
2) แบบใช้งานชั่วคราว กันสาดอายุการใช้งานไม่นาน ต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่มีน้ำหนักเบา ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติกว่า โดยสามารถติดตั้งรื้อถอนได้รวดเร็ว รวมถึงราคาถูกกว่า เช่น แบบมู่ลี่ม้วนไม้ไผ่ ผ้าใบในลักษณะมู่ลี่หรือใช้โครงเหล็ก
• เลือกลักษณะกันสาดให้ตอบโจทย์
เราควรรู้และสังเกตทิศทางของแสงที่สาดส่องเข้ามาในบ้าน เพื่อเลือกลักษณะกันสาดที่สามารถใช้งานได้ให้สอดคล้องกับแสงแดด ซึ่งแบ่งเป็น 3 ลักษณะที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ ดังนี้
– กันสาดแนวดิ่ง ลักษณะของกันสาดจะสามารถบังแสงอาทิตย์ในช่วงเวลาเช้าและเย็นได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถบังแดดได้ครอบคลุมทั้งวัน โดยเหมาะสำหรับแสงที่ส่องเข้ามาทางทิศตะวันออกและตะวันตก ซึ่งเราควรออกแบบให้กันสาดทำมุมอยู่ที่ประมาณ 30 องศากับระนาบผนัง
– กันสาดแนวราบ ลักษณะของกันสาดแบ่งออกเป็นแบบมีเสาและไม่มีเสา ซึ่งแบบมีเสานิยมใช้โครงสร้างเหล็กที่สามารถติดตั้งได้ง่าย ส่วนแบบไม่มีเสามักใช้เหล็กค้ำจากตัวบ้าน พร้อมทำมุมประมาณ 45% เหมาะสำหรับแสงแดดที่เข้ามาทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ หากใช้ด้านทิศเหนือควรให้กันสาดมีระยะยื่นทำมุมอย่างน้อย 10 องศากับขอบล่างของหน้าต่าง ขณะที่ด้านทิศใต้ควรทำมุมอย่างน้อย 37 องศากับขอบล่าง เพื่อป้องกันแสงตกกระทบได้ตลอดวัน
-กันสาดผสม ลักษณะของกันสาดที่ผสมผสานคุณสมบัติของกันสาดแนวดิ่งและแนวราบไว้ด้วยกัน โดยสามารถป้องกันแสงอาทิตย์สาดส่องได้ตลอดทั้งวัน
นอกจากนั้น เรายังสามารถเลือกรูปแบบของกันสาดได้ เช่น กันสาดหน้าต่าง ซึ่งมีทั้งแบบสำเร็จรูปและงานออกแบบใหม่ โดยใช้โครงสร้างเหล็ก เพื่อความสะดวกในการติดตั้งและไม่ให้มีน้ำหนักมากเกินไปในการติดบริเวณส่วนหน้าต่างของบ้าน หรือกันสาดระเบียงบ้าน ซึ่งติดบริเวณบ้านที่ต่อเติม โดยทำโครงสร้างขึ้นใหม่ให้เข้ากับระเบียงบ้านได้ รวมถึงกันสาดไม้ระแนง ซึ่งเป็นกันสาดที่สามารถใช้ได้ทุกส่วนในบ้าน เน้นความสวยงาม ด้วยการใช้ไม้ระแนงและวัสดุหลังคาโปร่งแสงเป็นส่วนใหญ่
• คัดโครงหลังคาแบบที่ใช่
หลังจากเลือกรูปแบบหรือลักษณะของกันสาดให้สอดคล้องกับโครงสร้างของตัวบ้าน เราควรให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุที่นำมาใช้ทำโครงหลังคา เพื่อรากฐานที่แข็งแรง แต่ไม่หนักเกินกว่าบ้านจะรับน้ำหนักไหว โดยสามารถแบ่งประเภทของวัสดุที่นำมาใช้ ดังนี้
– เหล็ก โครงหลังคาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันแบ่งเป็นเหล็กรูปพรรณและเหล็กสแตนเลส เนื่องจากสามารถติดตั้งได้ง่ายในหลากหลายรูปแบบ โดยเหล็กรูปพรรณจะมีราคาถูกกว่า แต่หากชุบสีไม่ดี และเกิดสนิม อาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับโครงหลังคา ส่วนเหล็กสแตนเลสมีราคาแพง เพราะสวยงามและมันวาวกว่า รวมถึงไม่เป็นสนิม อย่างไรก็ตาม หากใช้สแตนเลสเกรดไม่ดี โครงหลังคาอาจจะขึ้นสนิมได้
– ไม้จริง หรือไม้เนื้อแข็ง ซึ่งเป็นโครงระแนงไม้สวยงาม ให้ความรู้สึกเรียบหรู สวยงาม แต่ราคาค่อนข้างแพงและคงทนน้อยกว่าวัสดุอื่น
– ไม้เทียม โครงหลังคาจากไม้ผสมพลาสติกที่มีชื่อเรียกว่า “พลาสวูด” เน้นโชว์ความงามของไม้ที่มีลักษณะเหมือนโครงไม้จริง ทั้งยังแข็งแรงกว่าไม้จริง แต่ราคาสูงกว่าโครงกันสาดสแตนเลส
• ใช้วัสดุหลังคาให้โดนใจ
ในปัจจุบันเราสามารถหลังคากันสาดมีให้เลือกหลากหลายวัสดุแตกต่างกันตามคุณสมบัติและการใช้งาน รวมถึงข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่วัสดุที่นิยมนำมาใช้ในส่วนหลังคา ดังนี้
– แผ่นโพลีคาร์บอเนต กันสาดที่มีลักษณะโปร่งแสง ให้สีสันสวยงาม สามารถดัดโค้งเพื่อติดตั้งได้กับทุกโครงสร้าง และราคาไม่สูง แต่หากติดกลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน อาจจะทำให้แผ่นกรอบแตก และต้องเปลี่ยนยกแผ่น รวมถึงปัญหาน้ำร่วซึมผ่านแผ่น และสกปรกง่าย
– ไฟเบอร์กลาส หรือ Glass Reinforced Polyester (GRP) กันสาดที่มีลักษณะโปร่งแสงคล้ายวัสดุโพลีคาร์บอเนต แต่ไฟเบอร์กลาสทนทานกว่าเนื่องจากคุณสมบัติการขยายตัวน้อยกว่าประมาณ 50% ทำให้มีโอกาสเกิดความเสียหายหรือชำรุดน้อยกว่า แต่ราคาค่อนข้างสูง
– เมทัลชีท หลังคากันสาดที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานสูง รั่วซึมยาก จากวัสดุเมทัลชีทหรือเหล็กรีดแผ่นแบบทึบ มีน้ำหนักเบา ราคาไม่สูง และสามารถติดตั้งกับโครงสร้างที่เหล็กได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยมีข้อเสีย คือ เป็นวัสดุที่ทำให้อากาศด้านล่างกันสาดมีความร้อน แม้จะมีฉนวนกันความร้อน และเสียงฝนตกดัง แต่ไม่เท่าโพลีคาร์บอเนต
– ไวนิล หลังคากันสาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพลาสติกประเภท UPVE ที่มีคุณสมบัติด้านความทนทาน สามารถฉีกเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ ซึ่งแผ่นหลังจะมีลักษณะเป็นพื้นไม้ต่อกันเป็นคลิปล็อค จึงมีข้อดีด้านการติดตั้งสะดวก ทึบแสง ไม่ร้อนมากเท่าหลังคาเมทัลชีท และเสียงไม่ดังยามฝนตกกระทบกันสาด แต่ข้อเสีย คือ ราคาค่อนข้างสูง และเป็นรอยง่าย รวมถึงแผ่นหลังคามีโอกาสขยายตัว
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน