ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่างประสบปัญหาเรื่องยอดขายไม่ดีต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากหนี้ครัวเรือนที่สูง เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ จนทำให้ผู้ประกอบการหลายแห่งเปลี่ยนเกมไปเปิดที่อยู่อาศัยในระดับบนมากขึ้น อาทิ คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ ราคา 2.5-3 แสนบาท/ตารางเมตร และระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ราคา 3.5 แสนบาท/ตารางเมตร เนื่องจากกลุ่มคนมีอันจะกินไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวข้างต้นมากนัก ทำให้หลายปีที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ทำเลใจกลางเมืองเปิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ขายดิบขายดีกันถ้วนหน้า ชี้ช่องให้อีกหลายบริษัทที่อาจจะเคยอยู่ในตลาดนี้มาก่อนแล้วและบริษัทที่ยังไม่เคยมีสินค้าระดับนี้ ต่างเข้ามาเป็นผู้เล่นมากขึ้น แต่สัญญาณบวกกลับเริ่มหายไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ที่ส่อเค้าตลาดระดับบนก็เริ่มอืดไม่แพ้ระดับล่าง
บ้านหรูเปิดตัวลดลง ครึ่งปีแรก 60 ไร้โครงการใหม่
จากข้อมูลของบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 มีโครงการแนวราบระดับบนเปิดตัวรวมทั้งสิ้น 7 โครงการ จำนวน 225 ยูนิต มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการ อยู่ในโซนตะวันออก คือ พระโขนง สวนหลวง และประเวศ ราคาขายอยู่ที่ 25-80 ล้านบาท อีก 2 โครงการอยู่โซนลาดพร้าว ราคาขายอยู่ที่ 27-50 ล้านบาท และที่เหลืออยู่ในโซนพัฒนาการ ราคาขายอยู่ที่ 25 ล้านบาท และ ซ.ศูนย์วิจัย ราคาขายอยู่ที่ 30 ล้านบาท
สำหรับซัพพลายแนวราบระดับบน สะสมที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีประมาณ 610 ยูนิต มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรอบนอก 493 ยูนิต และในเขตเมือง 117 ยูนิต ทั้งนี้การเปิดตัวในใจกลางเมืองเริ่มลดลง ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งมีการเปิดตัว 65 ยูนิต ส่วนปี 2559 เปิดตัวเพียง 49 ยูนิต และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ยังไม่มีโครงการเปิดใหม่ในทำเลกลางเมืองเลย
คอนโดฯ หรู เปิดน้อย แต่ราคาสูง
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ พบว่า มีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง 46% เหลือเพียง 1,009 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 4,346 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีการเปิดตัว 1,884 ยูนิต มูลค่ารวม 3,752 ล้านบาท โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมือง หรือย่านซีบีดี
โดยพบว่ามีโครงการเปิดใหม่เพียง 1 โครงการ คือ โครงการสวนบัว เรสซิเดนซ์ ย่านซอยอารีย์ 1-ราชครู จำนวน 54 ยูนิต สำหรับราคาคอนโดมิเนียมในปัจจุบันเฉลี่ยที่ 292,800 บาท/ตารางเมตร ซึ่งได้ปรับขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 24% จากราคาเฉลี่ย 235,429 บาท/ตารางเมตร ส่งผลให้มูลค่าโครงการที่เปิดใหม่สูงขึ้น 16%
คาดปี 60 โครงการใหม่เปิดตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ตัวเลขซัพพลายเหลือขายสะสมทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมหรูระหว่างปี 2558-2560 อยู่ที่ 11,000 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 30-100 ล้านบาท ในย่านกลางเมืองสุขุมวิท สาทร สีลม ลุมพินี โดยมีรัศมีห่างไม่เกินจากบริเวณดังกล่าว 5 กิโลเมตร มีจำนวน 283 ยูนิต ในส่วนของโครงการที่อยู่ในรัศมีรอบนอกหรือชานเมืองมีอีก 1,500 ยูนิต ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 1.5-3 แสนบาท/ตารางเมตร มีซัพพลายสะสมจำนวน 9,000 ยูนิต
คาดการณ์ว่าคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ ปี 2560 จะไม่เกิน 7,000 ยูนิต ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี นับจากปี 2558 ส่วนบ้านแนวราบระดับไฮเอนด์ มีแผนจะเปิดตัวอีก 1 โครงการ ในไตรมาส 3 อยู่ในย่านลาดพร้าว ถ.เกษตร-นวมินทร์ ราคาขายอยู่ที่ 15-50 ล้านบาท
สินค้าระดับไฮเอนด์ ส่อเค้าล้นตลาด?
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์รวมทั้งหมดประมาณ 3,477 ยูนิต ขายไปได้ 65% แต่ในปี 2559 จำนวนของโครงการระดับนี้เปิดตัวลดลง เนื่องจากโครงการเก่ายังเหลือขายอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจ แม้หลายโครงการจะพยายามขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ แต่ก็ไม่ช่วยตลาดมากนัก ส่วนเรื่องซัพพลายที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์จะล้นตลาดหรือไม่นั้น ต้องดูจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2561 แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของสินค้ากลุ่มนี้แล้ว และคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง
อย่างไรก็ตาม จากทำเลที่ตั้งของโครงการระดับไฮเอนด์ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทำเลใจกลางเมืองที่มีราคาที่ดินค่อนข้างสูงและหาได้ยาก ประกอบกับราคาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ยังถูกกว่าถึง 2-6 เท่า จึงเชื่อว่าตลาดระดับไฮเอนด์ยังคงมีความต้องการและราคาเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน