เมืองใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน มีการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง ตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนคือโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ระดับเมกะโปรเจกต์ ที่กำลังเกิดขึ้นหลายโครงการในทั่วภูมิภาค โดยเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์สังคมเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของการเป็นที่ทำงาน ที่พักอาศัย ที่กิน ที่เที่ยว ไปจนถึงการเป็นสถานที่เรียนรู้
หากพิจารณาเฉพาะในกรุงเทพฯ คาดว่าภายในปี 2568 จะมีเมกะโปรเจกต์ที่เป็นโครงการมิกซ์ยูส เปิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มไม่น้อยกว่า 4 แสนตารางเมตร พื้นที่สำนักงานกว่า 6 แสนตารางเมตร และทำให้ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานขึ้นสูงกว่า 10% ซึ่งจะได้เห็นภาพเดียวกันนี้ในประเทศต่าง ๆ ทั่วอาเซียน
“ราคาที่ดิน” จุดเปลี่ยนสู่โครงการมิกซ์ยูส
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสคือ “ราคาที่ดิน” อย่างในประเทศไทยทำเลใจกลางเมืองบางพื้นที่ราคาที่ดินสูงกว่า 2 ล้านบาท/ตารางวา ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องหันมากพัฒนาโครงการที่ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งรูปแบบผสมผสานของโครงการมิกซ์ยูสตอบโจทย์มากกว่าการพัฒนาโครงการรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยรูปแบบการพัฒนานั้นจะผสมผสานระหว่างโครงการที่ขายกรรมสิทธิ์และโครงการเช่าระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
“มิกซ์ยูส” เสริมการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์
โครงการมิกซ์ยูสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน แต่ทางซีบีอาร์อี ประเทศไทย มองบวกว่า จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ในตลาด ผู้ประกอบการโดยเฉพาะทางด้านอาคารสำนักงานเก่าจะคิดค้นวิธีการเพื่อดึงดูดผู้บริโภค อาทิ การเพิ่มส่วนงานบริการ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของอาคาร รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สวนกลางให้มากขึ้น สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงมากที่สุดก็คือผู้บริโภค
เทียบ 3 โครงการใหญ่ในอาเซียน
ด้าน เจแอลแอล เผยว่า ในบรรดาเมกกะโปรเจกต์หลาย ๆ โครงการที่กำลังสร้างขึ้นในอาเซียน มี 3 โครงการที่น่าสนใจ ซึ่งมีคำว่า One เป็นส่วนประกอบของชื่อโครงการ ได้แก่
วัน แบงค็อก-กรุงเทพฯ
วัน แบงค็อก-กรุงเทพฯ ภาพ via onebangkok.com
ผู้พัฒนาโครงการคือบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทอยู่ในกลุ่มทีซีซี ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อกว่า 100 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ ประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน อาคารพักอาศัย โรงแรม รวมพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 1.8 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีส่วนพื้นที่กิจกรรมและศิลปวัฒนธรรม ขนาด 10,000 ตารางเมตร และจัดสรรที่ดิน 50 ไร่เป็นพื้นที่เปิดสีเขียว โดยการก่อสร้างจะทยอยสร้างเสร็จในปี 2564 จนเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการในปี 2568 ซึ่งคาดว่า จะมีผู้คนเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในโครงการมากกว่า 60,000 คน ยังไม่นับรวมผู้คนที่จะเข้ามาใช้บริการในส่วนอื่น อาทิ ศูนย์การค้า และโรงแรม
มารีนา วัน-สิงคโปร์
มารีนา วัน-สิงคโปร์ ภาพ via marinaone-residences.com.sg
ผู้พัฒนาโครงการคือ เอ็ม พลัส เอส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเทมาเส็ก โฮลดิงส์ของสิงคโปร์ และกองทุน Khazanah Nasional จากมาเลเซีย ประกอบด้วยอาคารสำนักงานและอาคารพักอาศัย มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ โดดเด่นด้วยสวนขนาดใหญ่อยู่ใจกลางของโครงการ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,500 ตารางเมตร
วัน โบนิฟาซิโอ-กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์
วัน โบนิฟาซิโอ-กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ภาพ via jll.co.th
ประกอบด้วยอาคารสำนักงานมีขนาด 35,000 ตารางเมตร อาคารคอนโดมิเนียมระดับหรูขนาด 2-4 ห้องนอนจำนวนรวม 298 ยูนิต ศูนย์การค้าวัน โบนิฟาซิโอ ไฮ สตรีท ซึ่งจะเน้นจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นระดับโลกและร้านอาหารที่แปลกใหม่ และโรงแรมแชงกรีลา แอท เดอะ ฟอร์ท มีทางเดินความกว้าง 40 เมตร เป็นเส้นทางยาว 800 เมตร วนเชื่อมต่อโครงการกับอาคารอื่น ๆ ซึ่งตลอดเส้นทางมีการจัดแต่งภูมิทัศน์ และจะกลายเป็นทางเดินเท้าที่น่าเดินมากที่สุดเส้นทางหนึ่งในใจกลางเมือง
ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ทั่วภูมิภาค ที่แข่งขันกันอย่างสร้างสรรรค์ และมีความโดดเด่นในแง่ของการเป็นชุมชนที่ผู้คนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งโครงการใหม่ ๆ เหล่านี้ จะช่วยยกระดับมาตรฐานการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองต่าง ๆ ของอาเซียนต่อไป
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
