สำหรับเดือนกันยายนนี้ สิ่งที่จะไม่พูดถึงเลยคงเป็นไปไม่ได้ก็คือตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนกันของผู้พัฒนาบิ๊กเนมกับกลุ่มทุนญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่กว่าเดิม เพราะนอกจากในแง่ของการดึงฐานกลุ่มชาวญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว ในปีนี้การร่วมทุนได้นำดีไซน์ นวัตกรรมต่างๆ และวิถีชีวิตการอยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นมาใช้กับโครงการเต็มรูปแบบด้วย โดยวันนี้ DDpeoperty ขอพาไปชม 3 โครงการใหม่ร่วมทุนญี่ปุ่นบน 3 ทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ทั้งเอกมัย อ่อนนุช และแบริ่ง ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้เพิ่งจะถูกเปิดตัวภายในเดือนกันยายนสดๆ ร้อนๆ ด้วย ลองตามมาดูกันว่าโครงการต่างๆ จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร มีการนำเทคโนโลยีอะไรของญี่ปุ่นมาใช้บ้างไปติดตามชมกันเลย
โครงการ ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 (taka HAUS Ekkamai 12) สามารถติดตามชมรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่
โครงการ ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 (taka HAUS Ekkamai 12) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปแบบบันได Sales Gallery ยังไม่ทันแห้ง โดยโครงการนี้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้จับมือกับผู้พัฒนาระบบรถไฟและอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นอย่างบริษัท Tokyu Corporation จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่มีชื่อว่า Sansiri TK One Company Limited ขึ้นมาเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนครั้งแรกที่จะกลายเป็นที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ใจกลางซอยเอกมัย 12
โครงการ ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 (taka HAUS Ekkamai 12) เป็น คอนโดมิเนียม Low Rise (สูงไม่เกิน 8 ชั้น) 2 อาคาร จำนวน 269 ยูนิต ตั้งอยู่บริเวณซอยเอกมัย 12 ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีรูปแบบห้องหลากหลาย Type เป็นตัวเลือกให้กับผู้อยู่อาศัย นักลงทุน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยจะเน้นที่อยู่อาศัยให้แยกออกจากตัวเมืองที่มีความวุ่นวายอย่างชัดเจนด้วยตำแหน่งของอาคารรูปตัว L 2 อาคารที่โอบล้อมพื้นที่ภายในโครงการไว้ทั้งหมด ซึ่งทั้งนี้ แสนสิริก็ได้นำ Proptect ต่างๆ อัดเข้ามาไว้ในโครงการด้วยไม่ว่าจะเป็น Sansiri Home Service Application, Smart Locker, Home Automation, Endless Jet Pool หรือ สระว่ายน้ำทวนกระแส และ Under Water Trade Mill หรือ ลู่วิ่งใต้น้ำ, EV Charging และ Alexa (Echo Dot By Amazon) รวมไปถึงนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบชาวญี่ปุ่นทั้งอ่างอาบน้ำ และโถสุขภัณฑ์แบบ Automatic โครงการก็จัดมาให้แบบไม่ขาดตกบกพร่องกับยูนิตเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. ในราคา 4.49 ล้านบาท โดยจะเปิด Pre-Sales วันที่ 16-17 กันยายน 2560
โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (Knightsbridge Prime Onnut)
โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (Knightsbridge Prime Onnut) เป็นหนึ่งใน 3 โครงการใหม่ของ Origin ที่มีการร่วมทุนกับ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด โดย โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (Knightsbridge Prime Onnut) ถือเป็นโครงการที่มีมูลค่าโครงการมากที่สุดใน 3 โครงการ มีมูลค่าโครงการที่ 2,500 ล้านบาทจากทั้งหมด 6,100 ล้านบาท รวมไปถึงตั้งอยู่บนทำเลที่กำลังมีศักยภาพสูงอย่างอ่อนนุช หนึ่งในแลนด์มาร์คที่ดีที่สุดในเวลานี้บนย่านสุขุมวิทตอนปลาย
โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (Knightsbridge Prime Onnut) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ความสูง 47 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 600 ยูนิต และ 1 รีเทล พร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Fitted ในราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 22-31 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 55 ตร.ม. โดยจะมีไฮไลท์หลักๆ เป็นความสูงจากพื้นถึงเพดาน (Floor to ceiling) ภายในห้องที่สูงถึง 3 เมตรสำหรับที่อยู่อาศัยทุกห้อง นอกจากนั้นยังมีที่จอดรถเป็นระบบ Auto Parking ที่รองรับการจอดได้ถึง 65% พร้อมจุดชาร์ตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยส่วน Facility หลักจะอยู่ที่ชั้น 37-38 ประกอบด้วย Executive Meeting Room และ Private Meeting Room ห้องประชุมส่วนกลาง ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกันกับ Sky Co-Working Space ตอบโจทย์คนทำงานรุ่นใหม่ รวมไปถึงห้อง Steam แยกชาย-หญิง สระว่ายน้ำขนาด 14.5 x 20 x 1.2 เมตร ที่มีส่วน Pool Bar กับ Pool Bed และ Fitness ขนาดกว่า 100 ตร.ม. ในแบบ Double Space ทั้งนี้โครงการจะตั้งห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช 600 ม. ซึ่งหากโครงการสร้างเสร็จจะถือเป็นอาคารตึกสูงที่สูงที่สุดบนย่านอ่อนนุช และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ ณ แฟชั่น ฮอลล์ และรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ในวันที่ 16-17 กันยายน 2560
โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง (Niche Mono Sukhumvit-Bearing)
โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง (Niche Mono Sukhumvit-Bearing) ถือเป็นโปรเจกต์ร่วมทุนโครงการแรกระหว่าง เสนา กับ ฮันคิว ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ผู้มีความชำนาญด้านพัฒนาอสังหาฯ ในประเทศญี่ปุ่นกว่า 100 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Life Charger” ความลงตัวของพื้นที่ชาร์จชีวิตคนเมืองยุคดิจิทัล ที่นี่ให้คุณชาร์จชีวิตได้ทุกวัน โดยมีการนำนวัตกรรมใหม่จากญี่ปุ่น Geo fit+ เข้ามาผสมผสานกับการออกแบบ Unit ให้มีความลงตัวทุกพื้นที่ใช้สอย โดยจะแบ่งออกเป็น 4 มิติ คือ
- Geo Day (จีโอเดย์) ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวัน แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ในห้องครัว ระหว่างทำอาหารเมื่อน้ำมันกระเด็นใส่ผนัง วัสดุที่ใช้ต้องเช็ดและทำความสะอาดคราบน้ำมันได้ง่าย หรือในห้องน้ำ จากที่เคยวางของรกๆ หน้ากระจก โครงการจึงออกแบบชั้นวางของที่รองรับการใช้งานของทุกคนในครอบครัว
- Geo Eco (จีโออีโค่) นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในห้องพัก เพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น นำน้ำมันทอดอาหารกลับมาใช้ใหม่ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักของปีนี้ SENA มีแผนจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในทุกโครงการ
- Geo Age (จีโอเอจ) อย่างที่ทราบกันว่า ตอนนี้ญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การออกแบบที่อยู่อาศัยจึงต้องรองรับคนส่วนนี้ เช่น การติดตั้งปลั๊กไฟให้สูงขึ้น เพื่อความสะดวกในการใช้งานและไม่ต้องก้ม หรือมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพักผ่อน
- Geo Sonae (จีโอ โซนาเอะ) เนื่องด้วยญี่ปุ่นมักจะเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยๆ ทางโครงการจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อความปลอดภัย สำหรับประเทศไทยที่ไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยเท่าญี่ปุ่น การเตรียมพร้อมจึงมาในรูปแบบของการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ เช่น มีห้องพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำต้องฝึกช่วยชีวิตเบื้องต้นได้ หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เปลพยาบาลต้องเคลื่อนย้ายได้สะดวก
โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง (Niche Mono Sukhumvit-Bearing) เป็นคอนโดฯ ไฮไรส์ สูง 34 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 4-3-59.8 ไร่ ห้องพักอาศัยรวม 1,275 ยูนิต โดยที่พักอาศัยจะมีขนาดเริ่มต้นที่ 28.00-48.00 ตร.ม. โดยยังคงไฮไลท์เด่นของโครงการในเครือเสนาเอาไว้ ด้วยการติดตั้ง SENA Solar Station ไว้ที่ด้านบนของตัวอาคารเพื่อช่วยผลิตพลังงานทดแทนอย่าง Solar Cell และช่วยลดค่าส่วนกลางผู้อยู่อาศัยเหลือเพียง 37 บาทต่อตร.ม.เท่านั้น ซึ่งถือเป็นอัตราราคาที่ค่อนข้างถูกสำหรับที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมที่มาพร้อมกับส่วนกลางอื่นๆ ที่ครบกัน อาทิ Jogging track, Sky Relaxing Zone & Co-Working Space พร้อม Wi-Fi ในพื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ระบบเกลือที่ยาวกว่า 88 เมตร พร้อมสระเด็ก และ Sunken Deck ที่สามารถชมวิวเมืองได้อย่างเป็นส่วนตัว นอกจากนั้นยังมีห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครันด้วยพื้นที่กว่า 250 ตรม. และพื้นที่ในส่วนของ Yoga Room และ Boxing Room ด้วย ทั้งนี้สามารถไปลงทะเบียนรับส่วนลดได้ที่ http://sena.co.th โดยโครงการจะทำการเปิด Pre Sale อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 กันยายน 2560 โดยจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Studio , 1 Bedroom และ 2 Bedroom และมีราคาคอนโดฯ เริ่มต้นที่ 2.3 ล้านบาท
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน