การปลอมแปลงบัตรเครดิตถือเป็นภัยอันดับต้นๆ ที่ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจของเหล่ามิจฉาชีพ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ถูกเลือกใช้ในการดูดเงินของประชาชนตาดำๆ อย่างเรามาช้านาน ถึงเวลาปฏิวัติตัวเองเตรียมพร้อมให้รู้เท่าทันกลโกงบัตรเครดิตของเหล่าวายร้าย ศึกษาลักษณะของบัตรเครดิตปลอมและสร้างนิสัยเก็บรักษาบัตรเครดิตที่อยู่ในครอบครองให้รัดกุม เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ!
3 กลโกงบัตรเครดิตที่พบได้ทั่วไปในไทย
via gotspare.com
1. Skimmer หรือ อุปกรณ์อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็ก เป็นเครื่องที่ใช้คัดลอกข้อมูลส่วนตัวที่บันทึกในแถบแม่เหล็กที่อยู่บนบัตรเครดิต ข้อมูลเหล่านั้นก็จะถูกนำไปทำบัตรเครดิตปลอมเอาไว้รูดปรื๊ดใช้ง่ายจ่ายคล่องซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบของบัตรเครดิตจากเดิมที่เป็นแถบแม่เหล็กมาเป็นชิป จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีชิป (Chip Card) เป็นที่ยอมรับระดับสากล สามารถป้องกันการคัดลอกข้อมูลและปลอมแปลงบัตรเครดิตได้
2. ขโมยบัตรเครดิตหรือนำบัตรเครดิตที่เจ้าของทำหายไปใช้ ข้อนี้ถือเป็นความเลินเล่ออย่างแรง บัตรเครดิตนั้นเวลาใช้ก็แค่รูดและเซ็นลายเซ็นถึงแม้จะไม่ได้ตรงกับเจ้าของบัตรเครดิตก็สามารถใช้จ่ายได้แล้ว ไม่ได้ต้องการ Password เหมือนบัตร ATM ที่กดตามตู้ ใครที่รู้ตัวว่าทำหาย ให้รีบแจ้งอายัดบัตรเครดิต หากมียอดชำระบัตรเครดิตเตือนจากธนาคาร ต้องปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะถือว่าไม่ใช่ลายเซ็นของเจ้าของบัตรเครดิต รวมถึงแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ด้วย
3. ปลอมแปลงเอกสารสำคัญในการสมัครบัตรเครดิต เช่น ลายเซ็น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน เป็นต้น
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ พนักงานขายบัตรเครดิตอิสระตามธนาคารต่างๆ โทรศัพท์เข้ามาติดต่อเราเพื่อให้ตกลงทำบัตรเครดิตและยินยอมส่งเอกสารไปให้ หรือแม้แต่อ้างว่าจะเอา ‘แมสเซนเจอร์’ (พนักงานรับ-ส่งเอกสาร) มารับเอกสารถึงที่ ซึ่งถึงแม้ว่าทางมิจฉาชีพอาจจะไม่สามารถนำเอกสารที่เรายื่นให้ไปสมัครบัตรเครดิตสวมรอยเราได้ เนื่องจากก่อนเปิดใช้บัตรเครดิต ธนาคารจะต้องติดต่อเราเพื่อยืนยันการเปิดใช้งาน แต่ก็มีช่องโหว่ตรงที่เอกสารของเราอาจถูกนำไปปลอมแปลงเอกสารไปใช้ในทางที่ผิดอื่นๆ ได้
อ่านถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงหวาดกลัวและรู้สึกว่าโลกช่างโหดร้ายเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรเพราะเรามีวิธีการเช็กว่าบัตรเครดิตเป็นบัตรเครดิตจริงหรือบัตรเครดิตปลอมง่ายๆ (เผื่อไว้สำหรับร้านที่รับบัตรเครดิตด้วย) ดังนี้
วิธีเช็กบัตรเครดิตว่าของจริง – ของปลอม
1. เริ่มจากสังเกตเลขที่พิมพ์บนบัตรเครดิตว่านูนหรือไม่
หมายเลขของบัตรเครดิตทุกประเภทจะมีความนูนและนูนเสมอกัน รวมถึงตัวบัตรคมชัดเนื่องจากธนาคารที่ผลิตได้ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการทำ ถ้าสังเกตแล้วพบว่าไม่นูน หรือนูนแต่ไม่เสมอ บัตรไม่คมชัด ควรเดาว่าเป็นบัตรเครดิตปลอมไว้ก่อน
2. เลข 4 ตัวแรกที่เป็นเลขนูนตรงกับเลขข้างใต้ 4 ตัวแรกหรือไม่
จริงๆ แล้วเลขที่อยู่ข้างใต้เลขนูน 4 ตัวเลขนั้นเป็นเลขอีกชุดที่จะต้องเป็นเลขที่ตรงกัน หากเลขไม่ตรงให้เดาว่าเป็นบัตรเครดิตปลอม
3. สังเกตภาพสามมิติบนบัตรเครดิต
ลองขยับบัตรเครดิตดู หากพบว่าบริเวณภาพสามมิตินั้นสามารถมองเห็นเป็นรูปแบบสามมิติได้ ก็วางใจได้เปราะหนึ่งว่าเป็นบัตรเครดิตจริง แต่หากว่าไม่มีการขยับเลย ไม่คม ไม่เกิดภาพสามมิติ ก็อาจจะเป็นบัตรปลอม เพราะบริเวณนื้ถือเป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
ทำอย่างไรถึงจะป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากบัตรเครดิตได้
1. แนะนำให้เซ็นชื่อลงบนบัตรเครดิตทันทีหลังจากที่เริ่มใช้บริการ รวมถึงจดหมายเลขบัตรเครดิตไว้และเบอร์โทรเผื่อไว้ในกรณีแจ้งทำบัตรหาย ไว้ที่ตัวเองหาได้ง่ายๆ
2. นอกจากจะเก็บรักษาบัตรเครดิตไว้เป็นอย่างดีแล้ว เอกสารอื่นๆ ที่แสดงตัวตน ก็ควรให้ความใส่ใจด้วย อย่ายื่นให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า
3. อย่าบอกหมายเลขบัตรเครดิตให้คนอื่นผ่านโทรศัพท์ ยกเว้นเป็นฝ่ายติดต่อด้วยตัวเองหรือเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ ในกรณีที่ติดต่อกับพนักงานขาย ควรขอเอกสารยืนยันการซื้อขายที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงานขายทางโทรศัพท์ทุกครั้ง
4. เมื่อรูดบัตรเครดิตซื้อสินค้าหรือบริการในร้านค้า อย่าคลาดสายตากับพนักงานที่เป็นคนนำบัตรเครดิตเราไปรูด และดูให้แน่ใจว่ารับบัตรเครดิตคืนมาทุกครั้งหลังชำระเงิน ก่อนเซ็นสลิปก็อย่าลืมตรวจสอบจำนวนเงินกับราคาสินค้าด้วยว่าตรงกันหรือไม่ ที่สำคัญอย่าลืมเก็บสลิปนั้นไว้
5. เช็กยอดค่าใช้จ่ายในใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิตประจำเดือนว่ามีจำนวนเงินตรงกับที่ใช้ไปหรือไม่ โดยเฉพาะหลังกลับจากเมืองนอก
6. ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตเบิกเงินจากตู้ ATM หลีกเลี่ยงตู้ที่น่าสงสัย เพราะอาจเจอการติดตั้ง Skimmer รวมถึงเอามือบัง Password ไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น
7. ในกรณีที่พนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์เร่งให้รีบซื้อสินค้า อย่าให้หมายเลขบัตรเครดิตจนกว่าจะตัดสินใจว่าซื้อแน่นอน
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ผู้ใช้บัตรเครดิตควรระมัดระวังให้มาก เนื่องจากบัตรเครดิตปลอมนั้นแทบจะเหมือนบัตรเครดิตจริงมากกว่า 85% เลย หากไม่สังเกตให้ดี แถมยังมีการปลอมแปลงทั้งบัตรวีซ่า มาสเตอร์การ์ด ฯลฯ อีกทั้งยังมีแหล่งที่รับทำ ขาย บัตรเครดิตปลอม เป็นล่ำเป็นสัน คุณอาจตกเป็นหนึ่งในเหยื่อ ตั้งแต่ซื้อของเล็กๆ อย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึง ซื้อที่อยู่อาศัยอย่างการซื้อบ้าน เป็นต้น
อย่างล่าสุดก็มีเคสให้เห็น คือ กลุ่มมิจฉาชีพต่างชาติรวมกับคนไทย เข้ารูดบัตรเครดิตเพื่อซื้อโรงแรมมูลค่า 700 ล้านบาทในไทย โชคดีที่ธนาคารจับสังเกตได้ ดังนั้นจึงควรระวังทั้งลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตและตัวร้านค้าที่รับบัตรเครดิตเอง ไม่เช่นนั้นอาจเป็นหนี้ไม่รู้ตัว ซึ่งกว่าจะจับตัวผู้ร้ายได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และการได้เงินคืนครบ 100% ก็ยากเช่นกัน
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
