อสังหาฯ ระส่ำ: วิกฤติค่าครองชีพสูง สวนทางค่าแรงต่ำ

2 ก.ค. 2562

ค่าครองชีพของไทยสูงติดอันดับโลก สวนทางกับค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ผู้บริโภคต้องรัดเข็มขัด ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อของชิ้นใหญ่อย่างอสังหาริมทรัพย์

จากผลสำรวจล่าสุดของเมอร์เซอร์เกี่ยวกับอัตราค่าครองชีพ หรือ Cost of Living 2019 ที่มาจากการเก็บข้อมูลจาก 209 เมือง ใน 5 ทวีปทั่วโลก พร้อมเปรียบเทียบราคาของ 200 รายการ ในแต่ละเมือง ภายใต้หมวดหมู่ที่อยู่อาศัย การเดินทาง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ในบ้าน และความบันเทิง พบว่า ค่าครองชีพของไทยสูงติดอันดับ 40 ของโลก และอันดับ 2 ของอาเซียน

ค่าครองชีพฮ่องกงสูงที่สุดในโลก ติดต่อกันเป็นปีที่ 2

ผลการสำรวจพบว่า 10 อันดับแรกเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ได้แก่

  • อันดับ 1 ฮ่องกง
  • อันดับ 2 โตเกียว, ญี่ปุ่น
  • อันดับ 3 สิงคโปร์
  • อันดับ 4 โซล, เกาหลีใต้
  • อันดับ 5 ซูริค, สวิตเซอร์แลนด์
  • อันดับ 6 เซี่ยงไฮ้, จีน
  • อันดับ 7 อาชกาบัต, เติร์กเมนิสถาน
  • อันดับ 8 ปักกิ่ง, จีน
  • อันดับ 9 นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา
  • อันดับ 10 เชินเจิ้น, จีน

โดยฮ่องกงยังคงครองตำแหน่งเมืองที่มีอัตราค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นผลจากราคาที่อยู่อาศัยที่สูงเกินเอื้อม

Cost

กรุงเทพฯ ค่าครองชีพสูงอันดับ 40 ของโลก 

จากผลสำรวจยังพบอีกว่า กรุงเทพฯ จัดอยู่ในอันดับที่ 40 ของโลก ขยับขึ้นมา 12 อันดับจากปีที่แล้ว โดยเมอร์เซอร์ ระบุว่า อันดับที่สูงขึ้นของกรุงเทพฯ มีสาเหตุมาจากการย้ายถิ่นฐานของผู้อยู่อาศัยจากเมืองอื่น ๆ และผลของการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ผลกระทบจากการผันผวนของค่าเงิน และภาวะเงินเฟ้อมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งนี้ หากโฟกัสระดับอาเซียน รายงานจากนัมเบโอ เว็บไซต์ฐานข้อมูลด้านค่าครองชีพ ได้เปิดเปิดเผยดัชนีค่าครองชีพทั่วโลก ปี 2562 โดยคำนวณจากค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าอาหารในร้านอาหาร ค่าเช่าที่พักอาศัย และกำลังซื้อของประชากรในเมือง พบว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น

คนกรุงใช้จ่ายเฉลี่ย 21,000 บาท/เดือน

สำหรับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรายบุคคลในกรุงเทพฯ ไม่รวมค่าเช่าบ้าน อยู่ที่ราว 21,000 บาทต่อเดือน ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คน ไม่รวมค่าเช่าบ้าน อยู่ที่ 75,800 บาทต่อเดือน ซึ่งรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดของคนกรุงเทพฯ ในปีนี้ คือค่าอาหารในร้านอาหาร คิดเป็นราคาเฉลี่ยที่ 80 บาทต่อมื้อ และค่าเช่าที่พักอาศัย โดยอพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน ใจกลางเมือง มีค่าเช่าเฉลี่ยที่ 21,400 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ 10 อันดับแรกของเมืองที่มีค่าครองชีพสูงในอาเซียน ยังมีภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ติดอันดับอยู่ด้วย โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรายบุคคล ไม่รวมค่าเช่าบ้าน ภูเก็ต อยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือน พัทยา อยู่ที่ 17,000 บาทต่อเดือน และเชียงใหม่ อยู่ที่ 16,000 บาทต่อเดือน ตามลำดับ

crowd of people at BTS Si

ค่าแรงสวนทางค่าครองชีพ เฉลี่ยอยู่ที่ 308-330 บาท/วัน

ขณะที่รายงานการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยล่าสุด จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่ วันละ 308-330 บาท แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ดังนี้

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 330 บาท ได้แก่ ชลบุรี ภูเก็ต และระยอง

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 325 บาท ได้แก่ กรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 320 บาท ได้แก่ กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุบลราชธานี

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 318 บาท ได้แก่ กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก ปราจีนบุรี มุกดาหาร สกลนคร และสมุทรสงคราม

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 315 บาท ได้แก่ กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี และอุตรดิตถ์

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 310 บาท ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยภูมิ วชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง ลำพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวลำพู อำนาจเจริญ และอุทัยธานี

– ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 308 บาท ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา

ดีเวลลอปเปอร์ดิ้น เร่งระบายสต็อก ซบผู้มีกำลังซื้อ

จากผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างเร่งปรับกลยุทธ์ ทั้งการเร่งระบายสต็อก และหลีกเลี่ยงการทำโครงการจับตลาดล่าง ที่ยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง โดยหันมาพัฒนาโครงการที่เจาะกลุ่มตลาดกลาง-บนที่ยังพอมีกำลังซื้อ และหันมาพัฒนาโครงการแบบลีสโฮลด์มากขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น และจะเห็นภาพการร่วมทุนระหว่างต่างประเทศมากขึ้นด้วย

Buying house concept with giving money and key

ผู้บริโภคมองอสังหาฯ เป็นบวก เล็งซื้อบ้าน

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคชาวไทยยังมองภาพอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นบวก จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ (DDproperty Consumer Sentiment Survey) รอบล่าสุด พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีทัศนคติที่เป็นบวกมากขึ้นและมีความพึงพอใจต่อสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย

โดย 73% เห็นว่าจำนวนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่ 41% ระบุว่าสามารถเข้าถึงเงินกู้หรือรีไฟแนนซ์ได้ง่ายขึ้นและ 29% มองว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจยังมีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยพบว่า 35% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความตั้งใจจะซื้อที่อยู่อาศัย เกือบครึ่งของกลุ่มนี้คาดว่าจะซื้อโครงการเปิดใหม่หรืออาจจะมองหาทั้งโครงการเปิดใหม่และรีเซล

หากพิจารณาตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่าบ้านเดี่ยวได้รับความสนใจมากที่สุด ถึง 81% รองลงมาคือ คอนโดมิเนียม 71% และทาวน์เฮาส์ 66% ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาตามทำเลที่ตั้งพบว่า 2 ใน 5 ต้องการอยู่ในทำเลกรุงเทพฯ รอบนอก และเกินกว่าครึ่งมีงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 1 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้น สวนทางค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจรวมถึงการเมืองในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อของผู้ที่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัย แม้ว่าภาคเอกชนจะเร่งขนโปรโมชั่นมาเอาใจผู้ซื้อ รวมถึงภาครัฐที่ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แต่จะเร่งให้ผู้ซื้อกลับมาได้ไหมก็ยังคงต้องลุ้นกันต่อไป

 

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ใครได้ประโยชน์: มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ปี 62

จากปัจจัยท้าทายที่ทำให้ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มชะลอตัว ทำให้รัฐบาลออกมา

อ่านต่อ14 พ.ค. 2562