จากประกาศล่าสุดของภาครัฐที่ล็อกดาวน์แคมป์คนงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อภาคอสังหาฯ โดยตรง เนื่องจากทำให้การก่อสร้างแล้วเสร็จล่าช้ากว่ากำหนด ส่อแววลูกค้าขอเลิกโอน
มาตรการคุมโควิดใหม่ ปิด “แคมป์คนงาน”
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ 10 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด “สีแดงเข้ม” จากเดิมที่มีเพียง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ โดยเพิ่มเติมจังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม และ 4 จังหวัดชายแดนใต้ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยให้มีผลในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน มาตรการตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.
หนึ่งในมาตรการที่เข้มข้น คือ การปิดสถานที่พักอาศัยชั่วคราว สําหรับคนงานทั้งภายในและภายนอกสถานที่ก่อสร้าง รวมทั้งให้หยุดงานก่อสร้าง และห้ามการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 30 วัน เนื่องจากตามข้อมูลพบว่า ภาคก่อสร้าง เป็น 1 ใน 3 คลัสเตอร์ใหม่ที่ควรระวัง (ในพื้นที่กรุงเทพฯ) รองจากตลาดสด และโรงงานอุตสาหกรรม
กทม. ออกประกาศผ่อนคลายการปิดแคมป์คนงานบางประเภท
ล่าสุด กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศ เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 35) การผ่อนคลายคำสั่งห้ามการก่อสร้างในโครงการก่อสร้างบางประเภท และการเคลื่อนย้ายแรงงานก่อสร้าง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และประโยชน์ด้านสาธารณสุข ดังนี้
1. การก่อสร้างโครงการก่อสร้างบางประเภท
– โครงการก่อสร้าง ซึ่งหากหยุดก่อสร้างในทันทีหรือการดำเนินการล่าช้า อาจก่อให้เกิดความเสียหายเชิงโครงสร้างด้านวิศวกรรมจนยากต่อการแก้ไข หรือเกิดอันตรายแก่ประชาชนที่สัญจรไปมาหรือชุมชนโดยรอบโครงการก่อสร้าง เช่น โครงการก่อสร้างใต้ดินที่มีความลึก การก่อสร้างชั้นใต้ดินที่ยังไม่ได้เทปูนปิดล้อม หรือการก่อสร้างอื่น ๆ
– การก่อสร้างโครงสร้างชั่วคราว ซึ่งการหยุดก่อสร้างในทันทีหรือดำเนินการล่าช้าจะได้รับความเสียหายจนเกิดอันตรายแก่ประชาชนที่สัญจรไปมาหรือชุมชนโดยรอบโครงการก่อสร้าง เช่น นั่งร้าน หรือแบบรอการเทปูนโดยเฉพาะแผ่นพื้น
– การก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร แบร์ริเออร์กั้นช่องการจราจร หรือแผ่นเหล็กปิดงานก่อสร้างบนผิวจราจร
– การก่อสร้างในสถานที่ก่อสร้างที่มีความเกี่ยวข้องกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ด้านสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือสถานที่ก่อสร้างอื่น ๆ ที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค
2. อนุญาตเคลื่อนย้ายแรงงานก่อสร้าง เฉพาะกรณีการเคลื่อนย้ายแรงานประเภทก่อสร้าง จากสถานที่พักชั่วคราวทั้งการเคลื่อนย้ายข้ามเขตจังหวัดหรือภายในกรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคโควิด – 19 เช่น การรักษาพยาบาล การควบคุมป้องกันโรค การตรวจสุขภาพ การตรวจวินิจฉัย หรือการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ กรณีการเคลื่อนย้ายแรงงานก่อสร้างข้ามเขตจังหวัดจะต้องได้รับการอนุญาตจากจังหวัดปลายทางด้วย
เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 35 ได้ที่นี่
สมาคมอสังหาฯ ไทย ชี้ปิดแคมป์ส่งผลให้ผู้ซื้อเลิกโอน
ผลที่ตามมาของการปิดแคมป์คนงานต่อภาคอสังหาริมทรัพย์คือ การล่าช้าในการก่อสร้าง อาจส่งผลให้โครงการเสร็จล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อาจต้องเสียค่าปรับ หรือผู้ซื้อเลื่อนโอนกรรมสิทธิ์
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ความเห็นว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 3 กระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างหนัก
ทั้งนี้ การปิดแคมป์งานก่อสร้าง เป็นเวลา 1 เดือน จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบงาน ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมากับทั้งเจ้าของโครงการในส่วนของภาครัฐและเอกชน เช่น การก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร
ลูกค้าที่ซื้ออาจลังเลที่จะโอนกรรมสิทธิ์ หรือที่มีปัญหาอยู่แล้วอาจจะยกเลิกการโอนกรรสิทธิ์ ซึ่งจากประกาศล็อกดาวน์แบบนี้จะถือได้ไหมว่าไม่ได้ล่าช้า หรือมีหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบ เพราะไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขาดรายได้ แต่เป็นการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งจากค่าปรับ หรือการยกเลิกการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อ
การโอนกรรมสิทธิ์บ้าน คอนโด ขั้นตอนสำคัญที่คนซื้อบ้านไม่รู้ไม่ได้
หอการค้าไทยฯ แนะ 4 ข้อ แก้ให้ถูกจุด
ด้าน นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มาตรการปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1 เดือน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ยังมีความสับสนอยู่ในรายละเอียดถึงแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบรุนแรงเนื่องจากเป็นการหยุดกิจกรรมในการก่อสร้างและธุรกิจเชื่อมโยงทั้งต้นน้ำและปลายน้ำทั้งหมด มีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีตัวคูณทวี (Multiplier effect) ทางเศรษฐกิจที่สูงจึงมีผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงตามไปด้วย
ทั้งนี้ จึงมีข้อเสนอแนะที่มีแนวทางคล้ายคลึงกันโดยที่ไม่หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจเชื่อมกันเหมือนกับที่ประกาศออกมา กล่าวคือ
1. กรณีที่แคมป์คนงานกับไซต์งานอยู่คนละที่กัน ควรเป็นการคุมการเดินทางระหว่างแคมป์คนงานกับไซต์งาน
2. กรณีแคมป์คนงานกับไซต์งานอยู่ที่เดียวกัน ควรเป็นการควบคุมไม่ให้ออกนอกพื้นที่เท่านั้น
3. ทั้ง 2 กรณีข้างต้น ยังคงใช้กำลังคนฝ่ายทหารตำรวจหรือฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกำลังคนของฝ่ายผู้ประกอบการร่วมด้วยช่วยกันเพื่อเป็นการลดงบประมาณ
4. มีการตรวจเชิงรุกสำหรับแรงงานที่ติดโรคโควิดมีผลเป็นบวก ก็ทำการแยกออกไปทำการรักษา ส่วนแรงงานปกติก็ทำงานต่อไปได้ รัฐบาลไม่สูญเสียงบประมาณในการเยียวยา เพราะแยกคนป่วยออกไปรักษาแล้ว
5. รัฐบาลควรจะนำโมเดลการแก้ปัญหาที่เคยใช้ในตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร มาประยุกต์ใช้ด้วยการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่และมีมาตรการคุมเข้มในรัศมีรอบนอก
ทั้งนี้ เนื่องจากลักษณะแคมป์คนงานในไซต์งาน ในกรุงเทพฯ แคมป์คนงานกับไซต์งานมักอยู่คนละพื้นที่ เพราะมีพื้นที่จำกัด ขณะที่จังหวัดปริมณฑลแคมป์คนงานกับไซต์งาน มักอยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือพื้นที่ใกล้เคียงไซต์งาน
ห่วงปัญหาขาดแคลนแรงงานตามมา
ส่วน นายอธิป พีชานนท์ นายกกิติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า มาตรการครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในการส่งมอบโครงการให้ผู้ซื้อที่รอการโอน ซึ่งผู้ประกอบการไม่ต้องการผิดสัญญากับลูกค้า และความล่าช้าทำให้มีต้นทุนเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการเงิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่าย
หากแคมป์คนงานกับไซต์คนงานอยู่ในรั้วเดียวกันไม่ควรจะหยุดงาน ถ้าไม่ได้ติดโควิด-19 รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเยียวยา เพราะคนงานได้รายได้เต็มจากการทำงาน เท่ากับประหยัดงบที่มีอยู่จำกัดไปใช้อย่างอื่นที่เป็นประโยชน์มากกว่า
อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ หลังจากปิดแคมป์คนงาน 1 เดือนแล้ว หากกลับมาก่อสร้างได้อีกครั้ง ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อาจเร่งการก่อสร้างให้ทันเวลาได้ ด้วยการทำงานล่วงเวลา แต่นั่นหมายความว่าแรงงานที่หายไปกลับมาทำงานได้ตามปกติ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานได้
มาตรการรัฐไม่ช่วย คาดยอดโอนแผ่ว
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า มูลค่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์รวมปี 2564 ประมาณ 188,716 หน่วย ลดลง 4.0% และมูลค่าลดลง 1.4% อยู่ที่ 604,800 ล้านบาท
มาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง หรือลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ได้ช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ซื้อยังคงลังเลในการซื้อบ้าน จากสถานการณ์การแพร่ระบาด และกำลังซื้อที่ยังไม่กลับมา
อัปเดตมาตรการรัฐ ซื้อบ้าน 2564 มาตรการไหนเหมาะสำหรับคุณ
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มองว่ารัฐบาลควรมอง 2 ด้านควบคู่กันทั้งสภาพเศรษฐกิจและสุขภาพควบคู่กันไปในการออกมาตรการแต่ละครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ เรียบเรียงโดย DDproperty
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า