[PR News] บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset หนึ่งในบริษัทผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มุ่งมั่นนำเสนอที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ
ล่าสุดได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Best Developer จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards ประจำปี 2022 ถือเป็นข้อพิสูจน์ของความมุ่งมั่นทุ่มเทในการให้สร้างที่อยู่อาศัยมาอย่างยาวนาน
เมื่อพิจารณาถึงการขยายตัวของเมืองและที่ดินที่มีจำกัด SC Asset ยังคงพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่แพงสำหรับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง แม้จะอยู่ในช่วงระยะเวลาของการแพร่ระบาด
นอกจากนี้ยังส่งเสริมในเรื่องของความยั่งยืนและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการนำเสนอแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งไปในทิศทางของ ESG (Environmental, Social, and Governance)
บริษัทยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโดยมีการผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไปพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
จากแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วและการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ๆ ยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคตได้อย่างชัดเจน
ในการสัมภาษณ์สุดพิเศษครั้งนี้ เราได้นั่งพูดคุยกับคุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จล่าสุดของ SC Asset
เราจะเจาะลึกในด้านกลยุทธ์และมุมมองที่นำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย
SC Asset แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่แพงในกรุงเทพฯ ได้อย่างไร?
แม้ว่าโครงการส่วนใหญ่ของเราจะจัดอยู่ในประเภทลักซ์ชัวรี แต่เรายังตระหนักถึงความสำคัญของความต้องการในที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงในพื้นที่ที่มีความต้องการสูง จุดมุ่งหมายของเราไม่ใช่เพียงแค่การสร้างโครงการที่มีดีไซน์สวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริงอีกด้วย
การดำเนินธุรกิจโดยมีแนวความคิดให้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เราลงทุนเป็นอย่างมากในการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจกับความต้องการของลูกค้าของเราอย่างลึกซึ้ง และนำมาบูรณาการในการทำโครงการและบริการของเรา
เราเชื่อในหลักการที่ว่าไม่มีขนาดเดียว รูปแบบเดียวที่เหมาะกับทุกคน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราจัดตั้งแผนกที่เรียกว่า ”Product Design and Innovation” ที่เป็นทีมผู้รับผิดชอบในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่เฉพาะเจาะจง
ยกตัวอย่างเช่น เกมเมอร์, คนโสด และผู้ที่ชอบอยู่คนเดียวหรือผู้ที่ชอบเข้าสังคม การปรับแต่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและทำให้เราต่างไปจากตลาดทั่วไป
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับมาตรฐานและคุณภาพในการก่อสร้างและให้บริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม เราเข้าใจว่าองค์ประกอบเหล่านี้มีความสำคัญในการรักษาความพึงพอใจให้กับลูกค้าและการรักษาชื่อเสียงของเราในฐานะแบรนด์นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ
ปัจจัยใดบ้างที่มีส่วนทำให้โครงการของ SC Asset ได้รับความนิยม?
ในปี 2018 SC Asset ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเปลี่ยนแปลงจากการเป็นเพียงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นในการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร
การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์นี้ทำให้สามารถขยายขอบเขตการบริการได้มากขึ้น ตั้งแต่การบำรุงรักษาบ้านไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขายอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าที่เป็นคนสำคัญของเรา
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของเรา โดยยังให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป้าหมายสูงสุดของเราคือการส่งมอบ ”บ้านที่ไร้กังวล” ที่ทำให้ทุก ๆ วันของผู้อยู่อาศัยแต่ละคนเป็นวันที่ดี
โดยแนวทางที่เน้นลูกค้าให้เป็นศูนย์กลางนี้ทำให้ SC Asset ก้าวไปสู่ผู้นำของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรีในไทย โดยมีรายได้จากการขายล่วงหน้าในปี 2022 สูงถึง 13,000 ล้านบาท
หนึ่งโครงการที่ได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากคือ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท-ศรีนครินทร์ (Grand Bangkok Boulevard Sukhumvit-Srinakarin) มียอดจองถึง 920 ล้านบาท ภายในวันเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ การออกแบบของโครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท-ศรีนครินทร์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Spanish Steps ที่โด่งดังในอิตาลีที่สะท้อนให้เห็นถึงความงดงาม
มาระบบต่าง ๆ ภายในบ้านที่สะดวกและทันสมัย รวมถึงโรงจอดรถอัตโนมัติที่มีช่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและระบบ Active Air Quality ภายในบ้นา
นอกจากนี้ โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Co-working Space, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, สวนสาธารณะ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ใกล้ใจกลางกรุงเทพฯ รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา, โรงพยาบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ เพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการนี้ยิ่งขึ้นอีกด้วย
มีวิธีจัดการกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และดูแลงานในช่วง COVID-19 อย่างไร?
SC Asset ได้นำความยั่งยืนมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวของเรา โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่า ซึ่งในช่วงการระบาดของ COVID-19 เราได้นำแผนธุรกิจเพื่อรักษาความต่อเนื่องโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ ”Resilient Portfolio” และ ”Resilient People”
เราได้ทำการเปลี่ยนนโยบายให้สามารถทำงานที่บ้านอย่างรวดเร็ว โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อการทำงานระยะไกล รวมทั้งยังมีการให้ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมความเสี่ยงจาก COVID-19 และสนับสนุนการฉีดวัคซีน และรูปการทำงานแบบผสมผสานที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งในสำนักงานและที่บ้านได้
เพื่อรักษาความปลอดภัยของลูกค้า เราได้นำมาตรการเยี่ยมชมโครงการโดยให้ลูกค้านัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น และรักษาความสะอาดในสำนักงานขาย แพลตฟอร์มออนไลน์เช่น ”SC Booking on Demand” และ ”RueJai Club” ให้ข้อมูลและช่วยเหลือในทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
การร่วมมือกับซัพพลายเออร์ทำให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการ โดยดูแลพนักงานของพวกเขาให้เหมือนกับพนักงานของเรา และได้ปรับเงื่อนไขสินเชื่อเครดิตเพื่อรองรับกระแสเงินสด
รวมถึงโครงการ “SCero Mission” ที่มีเป้าหมาย Net-Zero เน้นการนำพลังงานทดแทนมาใช้และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลง
บริษัทยังคงนำความยั่งยืนในการดำเนินงานและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร?
บริษัทของเรามีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการบูรณาการความยั่งยืนในทุก ๆ ด้านของการดำเนินธุรกิจ จุดมุ่งเน้นของเราคือการส่งมอบคุณค่าให้กับ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ลูกค้าของเรา, พนักงานของเรา, ซัพพลายเออร์/ผู้รับเหมาของเรา และสิ่งแวดล้อม
– เมื่อเราพูดถึงลูกค้าของเรา เราพยายามที่จะเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยการให้ผลิตภัณฑ์บริการที่มีคุณภาพสูงและนวัตกรรม
วัตถุประสงค์ของเราคือการให้คำแนะนำที่สร้างผลกระทบที่ดีและมีส่วนช่วยในการสร้างความเป็นอยู่ในชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น
– เราให้ความสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพนักงานของเราเป็นอย่างมาก เราจำเป็นต้องให้แน่ใจว่าพวกเขารู้คุณค่าของตนเองในบริษัทและมีโอกาสมากมายในการใช้ทักษะของพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุศักยภาพในทางอาชีพให้สูงที่สุด
– การสร้างพันธมิตรที่แข็งแรงและร่วมมือกับซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับเราด้วยเช่นกัน เราสนับสนุนและร่วมกันในการส่งเสริมการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมนี้
– เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 25% ในปี 2030 เมื่อเทียบกับแนวทางการปฏิบัติในปัจจุบันของเรา ความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมนี้เป็นแรงจูงใจในกระบวนการตัดสินใจของเรา
โดยเราได้พยายามมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกไซด์และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้
SC Asset นำเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมมาใช้ในการพัฒนาโครงการอย่างไร?
เรามุ่งเน้นที่จะมอบเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย เทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ แจ้งให้กับผู้อยู่อาศัยรู้เมื่อมีความผิดปกติใด ๆ และสร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ปลอดภัยและได้รับการปกป้อง
เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายนี้ เรามีความภูมิใจในการออกแบบและพัฒนาระบบปฏิบัติการภายในที่เรียกว่า “HomeOS” ระบบปฏิบัติการนี้ทำหน้าที่เป็นแกนหลักสำหรับการทำงานและปฏิบัติงานในบ้านของลูกค้าของเรา
HomeOS ทำงานผสมผสานกับอุปกรณ์และระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างราบรื่น ซึ่งทั้งหมดสามารถเชื่อมต่อและควบคุมได้อย่างง่ายดายผ่านแผงควบคุมและแอปพลิเคชันบนมือถือชื่อ ”Ruejai App” โดยเฉพาะ
ด้วยการนำเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมผ่าน HomeOS เข้ามา เรามุ่งหวังที่จะมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานที่ดีขึ้น การรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้น และความสามารถในการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการอยู่อาศัยของพวกเขาได้ตามความต้องการ
ท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของเราคือการทำให้แน่ใจว่าผู้อยู่อาศัยในชุมชน SC ทุกคนจะเริ่มต้นวันใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ตามคำขวัญของเรา “For Good Mornings”
SC Asset วางแผนการขยายตัวของบริษัทอย่างไร?
กลยุทธ์ในการเติบโตของเราถูกขับเคลื่อนโดยหลักการ ”Thriving Beyond” ซึ่งมุ่งเน้นในการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว
สิ่งสำคัญหลักของกลยุทธ์นี้คือ การพัฒนาบ้านและคอนโดมิเนียมที่ตอบสนองทุกความต้องการและวิถีชีวิตที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย ให้ความสำคัญกับการเข้าใจความต้องการของพวกเขาเพื่อสร้างพื้นที่ในการอยู่อาศัยที่ยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาของพนักงานอย่างมาก ด้วยการลงทุนในความก้าวหน้าทางด้านวิชาชีพของพวกเขา ทำให้มั่นใจได้ว่าทีมของเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
เพื่อจัดการกับความไม่แน่นอน เรามุ่งมั่นที่จะสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความท้าทายได้ ตั้งเป้าหมายที่อัตราการเติบโตของรายได้เกิน 20% ต่อปี และสร้างกำไรสุทธิมากกว่า 150,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า
แบรนด์ใหม่ของ SC Asset และโรงแรมที่บริษัทวางแผนที่จะพัฒนาในไทยเป็นอย่างไร?
SC Expedition (SCX) คือบริษัทย่อยในเครือของ SC Asset ได้ทำการเปิดตัวครั้งแรกในอุตสาหกรรมการบริการด้วยการเปิดตัวแบรนด์แรกของบริษัท คือ Yath Hotel ในย่านราชวัตรในต้นปี 2023
ในปัจจุบัน SCX กำลังพัฒนาโรงแรม 2 แห่งภายในกรุงเทพฯ ในขณะเดียวกันโครงการในพัทยากำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบ ซึ่งโรงแรมเหล่านี้จะจัดให้อยู่ในกลุ่มระดับราคาสูงและจะถูกบริหารจัดการโดยเครือข่ายระหว่างประเทศ
โดยการออกแบบอย่างพิถีพิถันและใส่ใจเพื่อสะท้อนแนวคิดของโรงแรมแบบ “workcation/lifestyle” ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับนักเดินทางที่กำลังมองหาทางเลือกแปลกใหม่ที่นอกเหนือจากโรงแรมแบบเดิม ๆ SCX ยังมีแผนในการขยายผลงานของโรงแรมอย่างยั่งยืนในระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายมากกว่า 1,000 ห้องพัก
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ SC Asset ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการบริการ?
เมื่อผู้บริโภคนึกถึง SC Asset เราอยากให้พวกเขาเชื่อมโยงเรากับวิถีชีวิต คุณภาพที่เหนือกว่า และประสบการณ์ที่จำไม่ลืม นั่นคือเหตุผลที่เราพยายามอย่างหนักที่จะคัดสรรประสบการณ์การพักอาศัยที่เปิดรับความเป็นเอกลักษณ์และส่งเสริมความเชื่อมั่นของแขกที่มาเข้าพัก และกระตุ้นให้กลับมาพักที่โรงแรมของเราครั้งแล้วครั้งเล่า
เป้าหมายของเราคือให้ธุรกิจที่มีรายได้ประจำร่วม 25% ถึง 30% ของ EBITDA (กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) โดยรวมภายในปี 2027
ปัจจุบัน SC Asset มีส่วนร่วมในภาคธุรกิจที่มีรายได้ประจำอยู่แล้ว โดยมีอาคารสำนักงาน 4 แห่งในโซนกรุงเทพฯ เหนือ มีพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 120,000 ตารางเมตร และอัตราการเข้าพักที่น่าประทับใจอยู่ที่ 95%
เรามั่นใจว่าโรงแรมที่เรามีอยู่และที่กำลังจะเปิดในอนาคตจะได้รับการปรับอย่างลงตัวกับความต้องการของวิถีชีวิตสมัยใหม่และการเดินทางในยุคปัจจุบัน โดยการนำแนวความคิด ”work-life-play” มาใช้ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเราได้นำเสนอประสบการณ์พิเศษที่จะสร้างความประทับใจให้กับแขกของเราอย่างไม่รู้ลืม