[PR News] บมจ.แอสเซทไวส์ ประกาศผลงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้รวม 1,758 ล้านบาท ชูอัตรากำไรขั้นต้นยืน 41% พร้อมกวาดยอดขาย 6,269 ล้านบาท เติบโตกว่า 65% จากปีก่อน
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,758 ล้านบาท เป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นราว 9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY)
รวมทั้งการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดที่สร้างเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมายังไตรมาสแรกของปีนี้ ได้แก่
1. เคฟ ทาวน์ โคโลนี (Kave Town Colony) ติดมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท
2. แอซโมท คาเนล รังสิต (Atmoz Kanaal Rangsit) ใจกลางรังสิต มูลค่าโครงการ 1,650 ล้านบาท เป็นแรงส่งที่ดีในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องของปี 2566-2567
3. เคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kasat) โครงการร่วมทุน (JV) มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ซึ่งสร้างเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ในไตรมาส 2 ปี 2567
ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2567 ทำได้ 256 ล้านบาท ลดลง 9% YoY
อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นจากการขายเงินลงทุนจากการร่วมทุน (JV) ในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ จะมีกำไรปกติในไตรมาส 1 ปี 2567 เติบโตเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ทำยอดพรีเซล (Pre-sale) ไตรมาส 1 ปี 2567 รวม 6,269 ล้านบาท เติบโตกว่า 65% YoY คิดเป็นสัดส่วน 35% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ 17,800 ล้านบาท
เป็นผลมาจากการตอบรับที่ดีของโครงการคอนโด เดอะไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา (The Title Heritage Bang-Tao) มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท จากที่เปิดขายช่วงต้นปี 2567 ปัจจุบันมียอดจองแล้วกว่า 52%
โครงการเดอะไทเทิล ซีรีนิตี้ ในยาง (The Title Serenity Nai yang) มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท พัฒนาภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทลูกของ ASW ที่ได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมตลาดท่องเที่ยวภูเก็ตที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดขายคอนโด 2 โครงการใหม่ มีมูลค่าโครงการรวม 2,460 ล้านบาท ได้แก่
1. เคฟ ลูมินัส บางมด (Kave Luminous Bangmod) จำนวน 617 ยูนิต ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท
2. เคฟ เจเนซิส นครปฐม (Kave Genesis Nakhonphathom) จำนวน 627 ยูนิต ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร มูลค่าโครงการ 1,160 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เดินหน้าเก็บเกี่ยวรายได้ไตรมาส 2 ต่อจากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโด รวมกัน 6 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโด ได้แก่
1. เคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kasat) ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก
2. เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ-รังสิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท
3. เคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน (Kave Uni.Verse Bang Saen) ห่างจากมหาวิทยาลัยบูรพา เพียง 200 เมตร มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท
4. เดอะไทเทิล ฮาโลวัน ในยาง (The Title Halo 1 Nai yang) โครงการที่ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 1,537 ล้านบาท
ส่วนโครงการบ้านเดี่ยว ได้แก่
5. ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana)
6. เอสต้า ซีรีนิตี้ บรมราชชนนี (ESTA Serenity Boromratchachonnani)
อย่างไรก็ตาม จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยเหลือ 0.01% ในราคาบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาทนั้น สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ เตรียมพร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโด รวมกันถึง 6 โครงการ
น่าจะเป็นอีกไตรมาสที่ดีของบริษัทฯ รวมถึงภาพรวมรายได้ทั้งปีของบริษัทฯ เนื่องจากพอร์ตที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมดของ ASW ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว โดยจะเป็นการช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้เกิดการเร่งการตัดสินใจซื้อบ้าน พร้อมทั้งเร่งโอนกรรมสิทธิ์ให้จบภายในปีนี้เพื่อรับสิทธิ์ในมาตรการ
อนึ่ง บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness”
ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 66 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่
- แบรนด์ เคฟ (KAVE)
- แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ)
- แบรนด์ โมดิซ (MODIZ)
- แบรนด์ เอสต้า (ESTA)
- แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR)
- แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR)
รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 94,100 ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 48 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 18 โครงการ และ ณ ไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 20,475 ล้านบาท