กู้ร่วม-ค้ำประกัน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร กู้ซื้อบ้านเลือกแบบไหนดี

DDproperty Editorial Team
กู้ร่วม-ค้ำประกัน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร กู้ซื้อบ้านเลือกแบบไหนดี
กู้ร่วม กับ ค้ำประกัน เป็นคำที่มักได้ยินบ่อย ๆ ในกรณีที่ผู้กู้มีรายได้เไม่เพียงพอ การหาคนกู้ร่วมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น เพราะสถาบันการเงินและธนาคารจะประเมินวงเงินสินเชื่อจากผู้กู้และผู้กู้ร่วมรวมกัน แต่มีสินเชื่อบางประเภท ที่อาจจะต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีมูลค่าสูง และต้องใช้ระยะเวลานานในการผ่อนชำระ
หลายคนที่กำลังคิดซื้อบ้าน-คอนโด จึงควรศึกษาให้ดีก่อนว่า กู้ร่วม กับ ค้ำประกัน คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แม้การกู้ร่วม และ ค้ำประกัน จะเป็นเทคนิควิธีที่ทำให้การกู้ผ่านง่าย แต่ก็มีข้อดี-ข้อเสีย และข้อควรรู้ต่าง ๆ ซึ่งส่งผลทั้งผลดีและผลเสียในระยะยาว
sportlight

กู้ร่วมกับค้ำประกัน คืออะไร

1. กู้ร่วม คืออะไร

กู้ร่วม คือ การทำสัญญายื่นกู้สินเชื่อก้อนเดียวกัน เพื่อให้ทางธนาคารเห็นว่าจะมีอีกคนมาช่วยรับผิดชอบ หรือรับภาระหนี้ร่วมกัน เพิ่มความมั่นใจว่าจะสามารถผ่อนชำระได้ตามกำหนด ทำให้ขออนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น หรือได้วงเงินสูงขึ้น
โดยธนาคารหรือสถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่อนุมัติสินเชื่อนั้น จะนำข้อมูลของผู้กู้ร่วมมาร่วมพิจารณาด้วย เช่น รายได้ต่อเดือน ภาระหนี้สินที่มีอยู่ในความสามารถในการชำระหนี้ ประวัติในการชำระหนี้ ติดเครดิตบูโร หรือไม่ และเมื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว จะถือว่าผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมจะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน โดยปกติแล้วจะกู้ร่วมได้ไม่เกิน 3 คน สามารถกู้ร่วมได้ในสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์

2. ค้ำประกัน คืออะไร

ค้ำประกัน คือ การทำสัญญาซึ่งต้องมีบุคคลภายนอก หรือที่เรียกว่าผู้ค้ำประกัน เข้ามาผูกพันทางกฎหมายต่อเจ้าหนี้ เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้ กรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โดยผู้ค้ำประกันจะไม่ได้มีสถานะเป็นลูกหนี้ร่วมเหมือนกับผู้กู้ร่วม สถานะจะเป็นเพียงแค่คนค้ำประกัน แต่หากเกิดกรณีที่ลูกหนี้เบี้ยว ไม่ยอมจ่ายหนี้ ธนาคารหรือสถาบันการเงินสามารถไล่เบี้ยกับผู้ค้ำประกัน เพื่อให้ชำระหนี้แทนได้
โดยในการทำสัญญาค้ำประกัน จะมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด พร้อมกับลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันไว้ เพื่อเป็นการสัญญาว่าจะชำระหนี้คืนแทน หากลูกหนี้ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้คืนตามกำหนด กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัด เมื่อถึงกำหนดวันเวลาที่ต้องชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงกับเจ้าหนี้แล้ว ตามกฎหมายกำหนดให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด

กู้ร่วมกับค้ำประกัน ต่างกันอย่างไร

การกู้ร่วมซื้อบ้านและการค้ำประกันซื้อบ้าน ดูเหมือนมีความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่แท้จริงแล้วมี 5 ความแตกต่าง ดังนี้
ผู้กู้ร่วม
ผู้ค้ำประกัน
ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ในเครือญาติหรือเป็นครอบครัวกับผู้กู้หลักเช่น พ่อ แม่ ลูก พี่น้อง สามี ภรรยา หรือญาติฝ่ายอื่น ๆ
ผู้ค้ำประกันจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
ธนาคารจะพิจารณารายได้ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม เพื่อประกอบการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ
ธนาคารจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ค้ำประกันในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ
มีกรรมสิทธิ์ในบ้านเฉกเช่นเดียวกับผู้กู้หลัก
ไม่มีกรรมสิทธิ์ใด ๆ ในบ้าน
มีหน้าที่ในการผ่อนบ้าน เช่นเดียวกับผู้กู้หลัก
ไม่มีหน้าที่ในการผ่อนบ้าน แต่มีหน้าที่รับผิดชอบ หากผู้กู้หลักปฏิบัติตนผิดสัญญาตามที่ธนาคารระบุไว้
สามารถนำดอกเบี้ยจ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย
ไม่สามารถนำดอกเบี้ยไปลดหย่อนภาษีได้

กู้ร่วมกับค้ำประกัน เหมือนกันอย่างไร

  • มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนด
  • มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่ติดเครดิตบูโร
  • รับผิดชอบในมูลหนี้ทั้งหมดที่ค้างอยู่กับธนาคารและสถาบันการเงิน
กู้ร่วมกับค้ำประกันมีความเหมือนและแตกต่างกัน

ข้อดี-ข้อด้อยของกู้ร่วม

ข้อดีของกู้ร่วม

การกู้ร่วม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินกู้บ้าน-คอนโด เพราะจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น หรือเป็นการเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่เงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงินกำหนด

ข้อด้อยของกู้ร่วม

การกู้ร่วม แม้จะช่วยให้กู้ซื้อบ้าน-คอนโด ผ่านได้ก็จริง แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นภาระผ่อน กรณีกู้ร่วมแต่ต้องเป็นผู้รับภาระคนเดียวทั้งหมด หรือในแง่การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้าน ซึ่งผู้กู้ร่วมอาจจะขอเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย เพราะมีส่วนร่วมในภาระหนี้ก้อนนี้ด้วย และหากผู้กู้หลักอยากเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียว ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้
หรือหากเกิดเป็นกรณีที่มีการตกลงเรื่องกู้ร่วม และตกลงชื่อว่าจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ อีกฝ่ายกลับไม่ช่วยชำระหนี้ ทำให้ผู้กู้หลักต้องหาเงินมาจ่ายเองทั้งหมด ด้วยการแบกภาระหนี้ของการผ่อน แต่ชื่อในกรรมสิทธิ์เป็นของ 2 คน ก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาอีกได้เช่นกัน

ข้อควรรู้เมื่อคิดกู้ร่วม

1. ลงชื่อกู้ร่วมแล้ว จะถอนชื่อกู้ร่วมได้ ต่อเมื่อธนาคารพิจารณาแล้วว่าผู้กู้ร่วมที่เหลืออยู่สามารถผ่อนชำระไหว หรือใกล้หมดสัญญาแล้ว แต่ถ้าธนาคารเห็นว่าคนที่เหลืออยู่ผ่อนไม่ไหว ก็ต้องหาคนอื่นมากู้ร่วมแทน
2. เมื่อกู้ร่วมแล้วอาจทำให้การกู้ครั้งต่อไปยากขึ้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจกู้ร่วม จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ต้องมั่นใจว่าไม่มีแผนการกู้ซื้อทรัพย์อื่น ๆ หรือบ้านหลังอื่น ๆ อีก
3. กรรมสิทธิ์ของบ้านเป็นของผู้กู้ร่วมทั้งคู่ ส่งผลให้หากต้องการขาย หรือโอนให้กับใครก็แล้วแต่ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร่วมกู้ด้วย
4. การกู้ร่วมซื้อบ้าน ดอกเบี้ยที่นำไปหักลดหย่อนภาษี จะต้องถูกหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม เช่น หากดอกเบี้ยจากการกู้ซื้อบ้านสามารถลดหย่อนภาษีได้ 50,000 บาท ผู้กู้ร่วม 2 คนก็จะใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้เพียงแค่คนละ 25,000 บาทเท่านั้น แม้ว่าจะมีเพียงแค่คนเดียวที่ผ่อนชำระก็ตาม
การกู้ร่วมช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ ทำให้ธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้น จึงเป็นทางเลือกสำหรับคู่ที่อยากซื้อบ้าน-คอนโด แต่อย่างไรก็ตาม แม้วิธีการนี้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อด้อย และข้อควรรู้ที่ต้องทำความเข้าใจก่อนด้วยเช่นกัน เพราะมีโอกาสเกิดผลเสียตามมาภายหลังได้
นอกจากนั้น ก่อนจะตัดสินใจกู้ร่วม ต้องมั่นใจก่อนว่าคนนั้น ๆ ไว้ใจได้ และมีความสามารถในการจ่ายหนี้ หรือกรณีที่กู้ร่วมซื้อบ้านกับคนรัก ก็ต้องมั่นใจว่าจะลงหลักปักฐาน ลงเรือลำเดียวกันกับคนนี้จริง ๆ
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือน

คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยเครื่องมือคำนวณสินเชื่อนี้

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณสินเชื่อบ้าน ยอดวงเงินกู้บ้านใหม่ที่คาดว่าจะได้รับจากแบงก์และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน

คำนวณสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน

เช็กยอดผ่อนชำระต่อเดือนอัตราใหม่และจำนวนเงินที่คุณสามารถประหยัดได้หลังจากการทำรีไฟแนนซ์