ปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home แต่การจะเปลี่ยนพื้นที่บ้านหรือคอนโดให้กลายเป็นห้องทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะบ้านหรือคอนโดที่มีขนาดเล็ก ลองมาดูวิธีจัดบ้านหรือจัดห้องคอนโดเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานในออฟฟิศก็ตาม โดยมีทิปส์ง่าย ๆ 5 ข้อ ดังนี้
1. หามุมที่เหมาะสมในการทำงาน
แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบ้านหรือคอนโดที่มีขนาดใหญ่ เพราะจะจัดบ้าน หรือจัดห้องมุมไหนก็อาจจะง่าย แต่สำหรับบ้านหรือห้องขนาดเล็ก โดยเฉพาะคอนโด บางครั้งการจัดห้อง จึงไม่ใช่แค่การทำบนเตียงนอน หรือทำในห้องครัว เพราะบางครั้งจะทำให้ “เสียงาน” มากกว่าจะ “ได้งาน”
ลองจัดห้องง่าย ๆ ด้วยการหาโต๊ะ หรือเก้าอี้ มาจัดวาง อาจเป็นมุมใกล้ระเบียง สามารถมองเห็นต้นไม้สีเขียว หรือทิวทัศน์ภายนอก เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
2. อากาศถ่ายเทสะดวก
หลายคนอาจเคยชินกับการทำงานในห้องแอร์ แต่เมื่อทำงานที่บ้านการต้องเปิดแอร์ทั้งวันทำให้เปลืองค่าไฟมาก ลองหันมาเปิดพัดลมแทนแอร์ หรือหันมาจัดบ้าน หรือจัดห้อง โดยเฉพาะบริเวณใกล้หน้าต่างให้กลายเป็นมุมทำงาน Work From Home แสนสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก หรือหากมีพื้นที่จริง ๆ ก็ให้เลือกห้องที่ดูไม่คับแคบ จะช่วยให้ทำงานได้อย่างสบายมากขึ้น
3. เลือกเก้าอี้ขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการปวดหลัง
สำหรับใครที่มีปัญหาการปวดหลังมาก่อนแล้ว หรือมองว่าจะต้อง Work From Home อีกนาน การจัดห้องทำงานจึงไม่ใช่แค่การวางเก้าอี้ทั่วไปก็ได้แล้ว แต่ควรหันมาใช้เก้าอี้สำนักงานที่มีระบบ Ergonomic หรือ การยศาสตร์ การปรับเปลี่ยนสภาพให้เหมาะสมกับการทำงาน
โดยเก้าอี้ประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการนั่งทำงานนาน ๆ มีเบาะและพนักพิงขนาดใหญ่และนุ่ม สามารถปรับระดับความสูงของเก้าอี้และพนักพิงให้เหมาะสมกับสรีระของผู้นั่งได้ คราวนี้ไม่ว่าจะจัดห้องไปอยู่มุมไหนก็นั่งได้สบายทั้ง แต่ถ้าไม่อยากลงทุนสูง ลองเลือกเก้าอี้สำนักงานแบบอื่น ๆ โดยเน้นที่มีพนักพิงหลัง เบาะ และที่รองแขนมาใช้แทนก็ได้เช่นกัน
4. หลีกเลี่ยงการใช้โต๊ะเตี้ยนั่งทำงานกับพื้น
ข้อนี้ถือว่าสำคัญ เพราะมักจะพบเห็นได้ทั่วไปในการจัดห้องทำงาน โดยเฉพาะในคอนโดที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะส่วนใหญ่จะใช้โต๊ะญี่ปุ่นหรือโต๊ะเตี้ย ๆ สำหรับนั่งทำงานกับพื้น เนื่องจากหากนั่งทำงานนาน ๆ จะทำให้เจ็บเข่าจากการนั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน นอกจากนี้จะทำให้รู้สึกปวดเมื่อยส่งผลให้เกิดความหงุดหงิด และทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพไปด้วย
5. จัดระเบียบมุมทำงาน
เมื่อเลือกจัดบ้าน หรือจัดห้องให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานสำหรับ Work From Home แบบยาว ๆ ได้แล้ว ลองเพิ่มความสวยงามพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานให้มากขึ้น โดยการจัดมุมโต๊ะทำงานด้วยกระดาน กล่อง หรือชั้นจัดเก็บสิ่งของแบบติดผนังก็เป็นไอเดียที่ช่วยให้มุมทำงานมีความเรียบร้อย แม้จะเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ แต่ก็ช่วยให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Work From Home ให้มีประสิทธิภาพตามขนาดครอบครัว
สำหรับคนโสดหรือผู้ที่อยู่บ้านคนเดียว การจัดห้องเพื่อ Work From Home นับเป็นเรื่องง่ายดาย เพราะไม่มีใครมากวนใจ แต่สำหรับคนมีคู่ คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก หรือบ้านที่เป็นครอบครัวใหญ่มีสมาชิกหลายคน ต้องหาวิธีรับมือมากขึ้นกว่าคนโสดสักหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป
1. จัดห้อง-จัดบ้าน Work From Home แบบคนมีคู่
– คู่ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์
แนะนำให้เลือกห้องทำงานแยกกันเพื่อสร้างสมาธิในการทำงาน เมื่อต้องมีการ VDO Conference ก็มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
– คู่ที่อาศัยอยู่ในคอนโดแบบห้องสตูดิโอ
ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ลองแบ่งโซนกันนั่งทำงานคนละมุมห้อง เช่น คนหนึ่งนั่งที่โต๊ะทำงานหรือโต๊ะรับประทานอาหาร ส่วนอีกคนนั่งทำงานที่โซฟา เมื่อต้องมีการประชุมแบบออนไลน์ ควรบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าจะมีการ VDO Conference เพื่อจะได้ไม่รบกวนขณะประชุม
2. Work From Home สไตล์คนมีลูก งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง
– คุณพ่อคุณแม่ที่ยังมีลูกวัยกำลังซน
การต้องทำงานที่บ้านพร้อมกับดูแลลูกไปด้วย อาจมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบ สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือแจ้งให้เพื่อนร่วมงานทราบและเข้าใจว่าเราต้องดูแลลูกและทำงานไปด้วย บางครั้งการคุยงานผ่านโทรศัพท์ หรือการประชุมผ่าน VDO Conference อาจมีเสียงของเด็กๆ รบกวนบ้าง แต่จะพยายามอย่างดีที่สุด
– พูดง่ายหากลูกเริ่มโตอยู่ในวัยประถม
หากลูกเริ่มโตอยู่ในวัยประถมแล้ว ก็สามารถเข้าใจได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงาน จึงควรพูดคุยกับลูกให้ชัดเจนว่าการทำงานที่บ้านของคุณ คือการทำงาน ไม่สามารถเล่นด้วย หรือพาเขาออกไปข้างนอกได้ในช่วงเวลาทำงาน หรือลองตั้งกฎหากลูกต้องการเข้ามาหาคุณในห้องทำงาน ต้องเคาะประตูก่อน หรือจะติดป้ายห้ามรบกวน (Do not disturb) ไว้เพื่อบอกลูก ๆ ก็ได้เช่นกัน
– ยอมปล่อยให้ลูกเล่นโทรศัพท์มากขึ้น
ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่คุณอาจต้องยอมปล่อยให้เด็ก ๆ ใช้โทรศัพท์อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมากกว่าปกติ แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณว่าง ก็สามารถหากิจกรรมอื่น ๆ ทำร่วมกับลูกได้ เช่น การเล่นบอร์ดเกม การใช้เวลาดูภาพยนตร์ หรือการ์ตูนด้วยกัน
– การหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูลูก
การหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูแลลูกให้ถือว่าเป็นทางออกที่ดี ไม่ว่าจะปู่ย่า ตายาย คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือแม้แต่ลูกคนโต ที่สามารถช่วยดูแลน้องคนเล็กได้ ด้วยการหากิจกรรมทำกับลูกของคุณ เช่น การพูดคุย การเล่นเกม การอ่านหนังสือ เป็นต้น
– แบ่งหน้าที่กันระหว่างคุณพ่อ คุณแม่
เป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถบริหารจัดการเวลาทำงานและดูแลลูกไปพร้อม ๆ กันได้ เช่น ถ้าคุณพ่อทำงานตอนเช้าได้ดีที่สุด คุณแม่ก็จะทำหน้าที่ดูแลงานบ้านและลูก ๆ ในช่วงเวลานั้นไป หากว่าคุณแม่ชอบทำงานตอนกลางคืนมากกว่า ก็ให้คุณพ่อรับช่วงดูแลลูก ๆ ต่อแทน แต่ถ้าทั้งคู่ชอบทำงานเวลาเดียวกัน ให้ใช้วิธีสลับวันเว้นวันกัน
3. Work From Home แบบครอบครัวใหญ่ ไม่ใช่ปัญหา
– สื่อสารกันให้เข้าใจ
แม้ว่าจะอาศัยในบ้านที่มีสมาชิกหลายคนแบบครอบครัวใหญ่ ก็สามารถทำงาน Work From Home ได้ โดยสิ่งสำคัญคือ “การสื่อสาร” ให้สมาชิกในบ้านเข้าใจว่าเราต้องการพื้นที่ที่สงบ เพื่อสร้างสมาธิในการทำงาน โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการประชุมทางโทรศัพท์หรือ VDO Conference ที่ต้องใช้ความส่วนตัวเป็นพิเศษ
– คนเยอะบางทีก็อุ่นใจ
สำหรับคนที่มีลูกหรือมีหลานในบ้าน การอาศัยแบบครอบครัวใหญ่อาจเป็นข้อดี เพราะเราสามารถอุ่นใจได้ว่าจะมีคนในครอบครัวทำหน้าที่ช่วยดูแลลูกหรือหลาน ขณะที่เราทำงานแทนได้นั่นเอง
การทำงานที่บ้านไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือน่าวิตกแต่อย่างใด หากเรามีการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับการทำงานและสื่อสารกับสมาชิกในบ้านให้เข้าใจ Work From Home ก็แฮปปี้และมีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้ทำงานในออฟฟิศเช่นกัน
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ