ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ของประชาชนและธุรกิจปรับลดลง หลายธุรกิจต้องปิดกิจการ คนจำนวนไม่น้อย ตกงาน ขาดรายได้ แต่กลุ่มที่เดือดร้อนที่สุดคงหนีไม่พ้น "ลูกหนี้" ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินเชื่ออื่น ๆ เพราะมีรายได้ลดลง ในขณะที่ยังมีค่างวดที่ยังต้องผ่อนทุกเดือน
ด้วยเหตุนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จึงได้ร่วมกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ออกมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชนและธุรกิจในหลายรูปแบบ
มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมามีหลายอย่าง เช่น พักชำระเงินต้น หรือพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งแต่ละมาตรการมีข้อดีต่างกัน จะเลือกใช้มาตรการไหน หรือไม่ใช้ดี ลองมาดูผลของแต่ละมาตรการว่าหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 6 เดือน ภายใต้ทางเลือกต่าง ๆ ภาระทางการเงินในแต่ละกรณีจะเป็นอย่างไร

1. กรณีผ่อนชำระหนี้ตามปรกติ
กรณีแรก ผ่อนชำระหนี้ตามปรกติ สมมติว่า หากคุณเป็นหนี้บ้าน 1,000,000 บาท และมีงวดชำระหนี้จากการกู้ซื้อบ้านเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย เงินต้น 4,000 บาท และดอกเบี้ย 6,000 บาท เรายังจ่ายชำระหนี้ตามปกติ เดือนละ 10,000 บาท เหมือนเดิม ก็จะช่วยลดเงินต้น ผ่านไป 6 เดือน ยอดหนี้ก็จะเหลือแค่ 976,000 บาท
2. กรณีพักชำระเงินต้น
หากสถาบันการเงินผ่อนปรนให้ไม่ต้องชำระคืนเงินต้นตามเวลาที่กำหนดไว้ จากตัวอย่างเดิม สมมติเราเลือกพักชำระเงินต้น 6 เดือน จากปรกติจ่ายเดือนละ 10,000 บาท จะเหลือจ่ายแค่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท และเนื่องจากเราจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทำให้ยอดหนี้ไม่เพิ่มขึ้น ยังมีหนี้เหลือ 1,000,000 บาทเท่าเดิม
ข้อดีของการพักชำระเงินต้น
แม้ว่าคุณไม่สามารถจ่ายค่างวดได้ครบในช่วง 6 เดือนนี้ ธนาคารจะไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ ประวัติการผ่อนจ่ายชำระหนี้จะไม่เสีย และในช่วง 6 เดือนที่อาจจะยังมีความไม่แน่นอนว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด คุณจะมีเงินเหลือ 4,000 บาทเพิ่มเติมในแต่ละเดือน จากที่ยังไม่ต้องชำระคืนธนาคาร ไว้ใช้สำหรับดำรงชีพเพิ่มเติม

3. กรณีพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
หากไม่ต้องจ่ายทั้งส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธนาคารในช่วงที่ผ่อนปรน จากตัวอย่างเดิมที่ต้องจ่าย 10,000 บาท ก็ไม่ต้องจ่ายธนาคารเลย เพราะธนาคารผ่อนปรนให้คุณ “ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด” ทั้งส่วนที่ชำระคืนเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย แต่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ที่ไม่ได้จ่ายตลอด 6 เดือน ยังคงเดินอยู่ และไปเพิ่มยอดหนี้รวมเป็น 1,036,000 บาท
ข้อดีของวิธีพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
แม้คุณจะไม่สามารถจ่ายค่างวดได้เลย ธนาคารก็จะไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และประวัติการผ่อนชำระของคุณในฐานข้อมูลเครดิตบูโรจะไม่เสีย นอกจากนี้ ในช่วง 6 เดือนนี้ที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ไม่รู้ว่ารายได้จะดีเหมือนเดิมหรือไม่ ทุกเดือนคุณจะมีเงินสดที่เหลือจากการไม่ต้องชำระค่างวด 10,000 บาท ไว้เป็นสภาพคล่องใช้สำหรับดำรงชีพ
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารผ่อนปรนให้ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด เป็นเพียงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป ดังนั้น ภาระหนี้ของคุณยังเหลืออยู่และในช่วงผ่อนปรนนี้ ดอกเบี้ยก็ยังคงเดินอยู่
สรุปมาตรการผ่อนปรนพักชำระหนี้
มาตรการผ่อนปรนให้สามารถเลื่อนหรือพักชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ธนาคารผ่อนปรนให้ประชาชนที่ไม่สามารถชำระงวดได้เต็มตามสัญญา ยังไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้ง จะช่วยให้ประวัติการผ่อนชำระของท่านในฐานข้อมูลเครดิตไม่เสีย นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่อนปรนประชาชนจะมีสภาพคล่องไว้สำหรับใช้จ่ายเพิ่มเติม
แต่สิ่งที่คุณจะต้องตระหนักคือ ภาระหนี้ยังอยู่และในช่วงที่ผ่อนปรนดอกเบี้ยยังเดินอยู่
ไขข้อข้องใจดอกเบี้ยที่พักไว้ไปจ่ายตอนไหน
ทั้งนี้ อาจมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า สถาบันการเงินจะมีการคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยกับผู้กู้จากการชะลอการชำระหนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริง
ข้อเท็จจริง คือ มาตรการผ่อนปรนที่ช่วยประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ให้สามารถชะลอการชำระหนี้กับธนาคารได้ โดยไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยกับผู้กู้
ทั้งนี้ ธปท. แจงว่า จะไม่มีการต่อมาตรการชะลอการชำระหนี้กับธนาคารออกไป ผู้กู้จะชำระเงินที่ค้างไว้ตลอด 6 เดือนตามระยะเวลามาตรการนี้อย่างไร ซึ่งหลายคนกังวลว่าจะต้องจ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยที่่ค้างอยู่ทันทีในงวดเดียวหรือไม่
ทาง ธปท. ได้แจงข้อเท็จจิรงในข้อนี้ว่า ธนาคารไม่มีสิทธิบังคับลูกหนี้ให้จ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในงวดเดียว ลูกหนี้สามารถเจรจากับธนาคารว่าจะเลือกชำระเงินต้น และดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ได้ 3 แนวทาง ได้แก่
1. เฉลี่ยจ่ายตามงวดหนี้ที่เหลือ
2. จ่ายคืนทั้งหมดในงวดสุดท้าย
3. ขยายเวลาการชำระหนี้ ตามที่ตกลงกันระหว่างลูกหนี้ และธนาคาร โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยได้เฉพาะจากเงินต้นที่เหลืออยู่ ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยได้
ย้ำว่า จะไม่มีการเอาดอกเบี้ยมาทบต้นคิดดอกเบี้ย หรือที่เรียกกันว่าคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ย
แน่นอนว่ามาตรการที่ออกมาเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ก็สามารถเลือกวิธีพักชำระหนี้ที่เหมาะสมกับรายได้ของแต่ละคน
แต่หากคุณอยู่ในกลุ่มที่ยังพอมีศักยภาพก็ควรเลือกจ่ายตามปรกติ ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายหลัง หนี้ลดลง และบางธนาคารให้สิทธิพิเศษปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่สำหรับท่านที่ได้รับผลกระทบ มีสภาพคล่องไม่พอ แนวทางการเลื่อนหรือพักชำระหนี้ก็จะเป็นทางออกหนึ่งสำหรับช่วงนี้
ขอบคุณข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ