ให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท เป็นประเด็นที่เจ้าของบ้านหรือผู้ให้เช่าหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและภาษีโดยตรง โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เช่าต้องการใช้บ้านเลขที่ของบ้านเช่า เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงาน จดทะเบียนบริษัท หรือจดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งส่งผลทั้งในเรื่องของภาระภาษี การทำสัญญาเช่า ตลอดจนสิทธิและความรับผิดชอบที่ผู้ให้เช่าต้องรู้ให้รอบด้านก่อนตัดสินใจอนุญาตให้ผู้เช่าดำเนินการ
ให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท ต้องพิจารณาอะไรบ้าง
การให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท ไม่ใช่เพียงการให้เช่าเพื่ออยู่อาศัยทั่วไป แต่เป็นการให้เช่าที่มีจุดประสงค์เพื่อการพาณิชย์ เช่น ใช้บ้านเป็นสำนักงาน ใช้เป็นที่เก็บสินค้า หรือใช้เพื่อประกอบกิจการต่าง ๆ ในลักษณะธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อต้องนำบ้านเลขที่ไปใช้ในการยื่นจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้ให้เช่าจึงควรตรวจสอบข้อมูลและเตรียมเอกสารอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือปัญหาภายหลัง
การอนุญาตให้ผู้เช่าใช้บ้านเลขที่จดทะเบียนบริษัทมีผลทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นการรับรองว่าผู้เช่าใช้สถานที่นั้นจริง ซึ่งหากเกิดปัญหาทางกฎหมาย หรือผู้เช่าประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย อาจส่งผลต่อเจ้าของบ้านได้ จึงจำเป็นต้องจัดทำหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ประกอบการอย่างชัดเจน
ให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท สัญญาเช่าต้องรัดกุม
การทำสัญญาเช่า ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการให้เช่าบ้าน โดยเฉพาะเมื่อตกลงให้ผู้เช่าใช้บ้านเพื่อการพาณิชย์ หรือใช้เพื่อจดทะเบียนบริษัท โดยทั่วไปสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยมักจะระบุชัดเจนว่า “ห้ามนำบ้านไปใช้ในเชิงพาณิชย์ และห้ามกระทำการใด ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย” แต่ถ้าผู้ให้เช่ายินยอมให้ใช้บ้านเพื่อประกอบกิจการ ก็จำเป็นต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขในสัญญาให้เหมาะสม เช่น
- ระบุวัตถุประสงค์ของการเช่าว่า “เพื่อประกอบกิจการธุรกิจ”
- ระบุชัดว่าอนุญาตให้ผู้เช่าใช้บ้านเลขที่เพื่อจดทะเบียนบริษัท
- ระบุเรื่องการดัดแปลงทรัพย์สิน เช่น การติดตั้งอุปกรณ์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน หรือระบบไฟฟ้าเพิ่มเติม
- เงื่อนไขเมื่อย้ายออก เช่น ห้ามงัดแงะเฟอร์นิเจอร์ ห้ามสร้างความเสียหาย หรือให้ทรัพย์สินตกเป็นของผู้ให้เช่า
นอกจากนี้ยังควรกำหนดให้ผู้เช่าติดตั้งระบบน้ำ ไฟฟ้า หรืออินเทอร์เน็ตในชื่อของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในกรณีค้างชำระหรือการยกเลิกบริการในอนาคต
หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เพื่อจดทะเบียนบริษัท
เมื่อผู้เช่าประสงค์จะใช้บ้านเลขที่ของผู้ให้เช่าเพื่อจดทะเบียนบริษัท จำเป็นต้องมีเอกสารสำคัญที่เรียกว่า “หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งสำนักงาน” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “หนังสือยินยอม” ซึ่งผู้ให้เช่าจะต้องจัดเตรียมให้ พร้อมเอกสารประกอบ ได้แก่
- สำเนาทะเบียนบ้านของสถานที่ที่ใช้จดทะเบียน
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ให้เช่า
- สัญญาเช่าที่รับรองสำเนาถูกต้อง
เอกสารเหล่านี้ผู้เช่าจะนำไปยื่นที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท หรือขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และยื่นขอภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยหากผู้ให้เช่าเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ผู้เช่าจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างราบรื่น และยังแสดงให้เห็นว่าผู้ให้เช่าดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ภาษีที่ผู้ให้เช่าบ้านต้องรู้เมื่อให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท
การให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท มีภาระภาษีที่ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบ ได้แก่
1. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เนื่องจากการให้เช่าถือเป็นการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน ซึ่งผู้ให้เช่าจำเป็นต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามที่กฎหมายกำหนด โดยการให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท ถือเป็นเป็นการใช้ประโยชน์ในทางพาณิชย์ อัตราภาษีจะสูงกว่าการใช้อยู่อาศัยทั่วไป
2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
นอกจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ผู้ให้เช่าก็ยังต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาด้วย เนื่องจากมีรายได้จากการให้เช่าบ้าน รวมไปถึงผู้เช่าจะต้องจ่ายภาษีค่าเช่า หัก ณ ที่จ่ายอีก 5% ให้กับผู้ให้เช่า ดังนั้นเมื่อผู้เช่าจ่ายค่าเช่าจะจ่ายค่าเช่าโดยหักค่าภาษี 5%
หากค่าเช่าเดือนล่ะ 10,000 ผู้เช่า ผู้เช่าไปเสียภาษี 5% ของราคาเช่า = 10,000 x 5/100 = 500 บาท ผู้เช่าก็จะมาจ่ายค่าเช่าเพียง 9,500 บาท พร้อมแนบใบเสร็จการเสียภาษีมาให้
ดังนั้นในสัญญาการเช่าหรือข้อตกลงควรบวกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มหรือออกใบเสร็จค่าเช่าที่บวกภาษีตรงนี้ให้ชัดเจน โดยตกลงกับผู้เช่าให้ดี ซึ่งผู้ให้เช่าจำเป็นต้องทำความเข้าใจตรงนี้เพื่อจะได้ไม่มีปัญหากับผู้เช่า
3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ในส่วนของผู้เช่าเองสามารถหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ของค่าเช่าเพื่อนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ (ผู้เช่ายื่นแบบ ภงด.3) และผู้เช่าจะหักภาษี ณ ที่จ่าย และจะให้ใบหักภาษี ณ ที่จ่ายแก่ผู้ให้เช่าไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ผู้ให้เช่ายื่นแบบ ภงด.90) ซึ่งสรรพากรสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องยื่นแบบที่มีข้อมูลที่ตรงกัน
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับจดทะเบียนพาณิชย์
กรณีผู้เช่าใช้บ้านเช่าเป็นสำนักงาน ต้องจัดเตรียมเอกสารดังนี้
เอกสารจากผู้เช่า/ผู้จดทะเบียน
1. สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของกิจการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ (กรณีคณะบุคคล/ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล) หรือผู้รับผิดชอบในการประกอบกิจการในประเทศ (กรณีนิติบุคคลต่างประเทศ)
2. สำเนาทะเบียนบ้านเจ้าของกิจการ
3. หนังสือมอบอำนาจพร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท (ถ้ามี)
4. สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)
เอกสารจากผู้ให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท (เจ้าของบ้าน)
1. สำเนาทะเบียนบ้านของเลขที่ตั้งสถานประกอบการ
2. สำเนาสัญญาเช่า พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
3. สำเนาบัตรประชาชนผู้ให้เช่า (เจ้าบ้าน)
4. ผู้ให้ใช้เช่ามีหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่จดทะเบียนในสถานะเป็นบริษัท
5. สำเนาสัญญาเช่า พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
6. หนังสือรับรองบริษัท พร้อมลงลายมือชื่อของผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท
7. สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท
ให้เช่าบ้าน จดทะเบียนบริษัท ไม่ใช่เรื่องผิด หากดำเนินการอย่างถูกต้อง โดยผู้ให้เช่าควรทำสัญญาหรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ให้รัดกุม เข้าใจระบบการเช่าที่ผู้เช่าต้องการเอาบ้านเลขที่ของผู้ให้เช่าไปจดทะเบียน รวมไปถึงจ่ายภาษีอย่างครบถ้วน เท่านี้ก็เป็นการป้องกันให้ผู้ให้เช่าปลอดภัยจากปัญหาที่อาจเกิดจากการเช่าในเชิงพาณิชย์ในภายหลังได้
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ


