ประกันภัยกับแผ่นดินไหว เรื่องควรรู้ก่อนซื้อคอนโด กับ 4 ขั้นตอนการเคลมประกัน

DDproperty Editorial Team
ประกันภัยกับแผ่นดินไหว เรื่องควรรู้ก่อนซื้อคอนโด กับ 4 ขั้นตอนการเคลมประกัน
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเชื่อว่าหลายคนคงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยให้กับที่อยู่อาศัย หรือประกันอัคคีภัยกันมากขึ้น ลองมาดูว่าหากเกิดแผ่นดินไหว ประกันอัคคีภัยคุ้มครองหรือไม่ และมีวิธีการเคลมประกันอย่างไร
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

ประกันอัคคีภัยคืออะไร

ประกันอัคคีภัย คือ การประกันภัยทรัพย์สินที่ให้ความคุ้มครองแบบ "ระบุภัย" หรือ Named Peril ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยอันเนื่องมาจากภัยที่ระบุไว้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประกันอัคคีภัยและประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย

ประกันคุ้มครองแผ่นดินไหวต้องทำอย่างไร

1. ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย
ลมพายุ, น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ลูกเห็บ
สูงสุด 20,000 บาท
ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
วงเงินรวมกันสำหรับภัยธรรมชาติ
2. ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบประหยัด (Microinsurance)
ลมพายุ, น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ลูกเห็บ
สูงสุด 10,000 บาท
ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
วงเงินรวมกันสำหรับภัยธรรมชาติ
3. ประกันอัคคีภัย
ไม่มี
สามารถขอซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม
ต้องซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติแยกต่างหาก

ตัวอย่างกรมธรรม์รายย่อย (Microinsurance)

ไฟไหม้/ฟ้าผ่า ระเบิด
50,000-300,000 บาท (ตามลักษณะสิ่งปลูกสร้าง)
150,000-300,000 บาท (ตามลักษณะสิ่งปลูกสร้าง)
ภัยธรรมชาติ
รวมกันสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท/ปี
รวมกันสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท/ปี
ค่าเช่าที่อยู่อาศัย
วันละไม่เกิน 300 บาท รวมไม่เกิน 30 วัน
วันละไม่เกิน 300 บาท รวมไม่เกิน 30 วัน
คุ้มครองโจรกรรม
สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
เงินชดเชยการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงของผู้เอาประกันภัยอันเนื่องจากอุบัติเหตุ
100,000 บาท
เบี้ยประกันภัย
400 บาท
599 บาท

ข้อควรระวัง

– บางกรมธรรม์ประกันภัย "ไม่คุ้มครองแผ่นดินไหว" หากไม่ได้ซื้อภัยเพิ่มเติม
– วงเงินภัยธรรมชติใช้รวมกันหลายภัน อย่าคิดว่าแผ่นดินไหวจะได้เต็มวง
– ควรตั้งจำนวนเงินเอาประกันให้พอดีกับมูลค่าทรัพย์สินจริง
– ไม่ต่ำเกินไป (Underinsured) ไม่สูงเกินจริง (Overinsured) เพื่อให้เคลมได้คุ้มค่าและจ่ายเบี้ยเหมาะสม
คอนโดในไทยรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่

คอนโดในไทยรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่

ประกันภัยคุ้มครองความเสียหายคอนโดจากแผ่นดินไหวด้านไหนบ้าง

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายพื้นที่ พบว่า ห้องคอนโด ได้รับความเสียหายในหลายด้าน ซึ่งจัดอยู่ภยใต้ภายที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. ความเสียหายโครงสร้าง

– รอยแตกร้าวของผนัง, เพดาน หรือโครงสร้างอาคาร ที่เกิดจากแผ่นดินไหว จัดเป็นภัยจากแผ่นดินไหว (Earthquake Peril)
– ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับว่าในกรมธรรม์มีการระบุภัยแผ่นดินไหวไว้หรือไม่

2. น้ำรั่วซึมเข้าห้องพัก

– ความเสียหายจากน้ำรั่วซึมภายในห้องพัก อันเนื่องมาจากรอยร้าวของผนังหรือโครงสร้างที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ถือเป็น "ความเสียหายอันเป็นผลโดยตรหรือโดยอ้อมจากภัยแผ่นดินไหว"

3. ความเสียหายต่อเฟอร์นิจอร์

– เฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง เช่น โต๊ะ, เก้าอี้, ตู้, เตียง ที่เสียหายจากแรงสั่นของแผ่นดินไหว หากการซื้อกรมธรรม์ครอบคลุมถึงความคุ้มครองทรัพย์สินภายใน ความเสียหายดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกรมธรรม์

4. ไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้

– จำเป็นต้องเช่าที่พักชั่วคราวขณะเกิดความเสียหายหรือระหว่างรอซ่อม
– จัดเป็นค่าเสียหายต่อเนื่อง (Consequential Loss)
– บางกรมธรรม์ เช่น ประกันภัยบ้าน หรือคอนโดบางฉบับ อาจมีความคุ้มครอง "ค่าเช่าที่พักชั่วคราว" ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์
ข้อแนะนำ
เพื่อให้การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผู้เอาประกันภัยควรปฏิบัติดังนี้
– ตรวจสอบว่ากรมธรรม์ที่ถืออยู่มีความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว และภัยต่อเนื่องหรือไม่
– ถ่ายภาพความเสียหาย และรวบรวมหลักฐาน เช่น ภาพก่อนเกิดเหตุและรายการทรัพย์สิน
– แจ้งเหตุและส่งหลักฐานต่อบริษัทประกันภัยโดยเร็ว
– ตรวจสอบจำนวนเงินที่คุ้มครองนกรมธรรม์ประกันภัย
ประกันภัยกับแผ่นดินไหว เรื่องควรรู้ก่อนซื้อคอนโด กับ 4 ขั้นตอนการเคลมประกัน

ถ้าคอนโดพังถล่ม ใครรับผิดชอบ

คอนโดหรืออาคารก่อสร้างทั่วไปมักมี "ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาการก่อส้าง" รองรับความเสียหายอยู่แล้ว โดยประกันภัยประเภทนี้ให้ความคุ้มครองดังนี้
1. ความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์อันไม่อาจคาดหมายได้หรือด้วยสาเหตุใดก็ตาที่ไม่ได้ระบุในข้อยกเว้น ซึ่งจะคุ้มครอง รวมถึงภัยธรรมชาติด้วย เช่น ภัยแผ่นดินไหว
2. การขนย้ายซาก ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
3. ค่าสถาปนิก, ค่านักสำรวจ, ค่าวิศวกรที่ปรึกษา ที่ผู้เอาประกันภัยจำเป็นต้องจ่ายด้วยความเห็นชอบของบริษัท เพื่อสร้างขึ้นใม่หรือเปลี่ยนใหม่แทนทรัพย์สินที่ได้เกิดความสูญเสียหรือความเสียหาย

ใครต้องทำประกันภัยประเภทนี้

– ผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อรับผิดชอบความเสียหายต่อโครงการ
– เจ้าของโครงการ/ผู้ว่าจ้าง เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินและการลงทุน
ข้อแนะนำ
หากมีการก่อสร้าง ควรจัดให้มีการทำประกันภัยนี้ทุกครั้ง เพราะการประกันภัยงานก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้รับเหมาและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองและการชดเชยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและความกังวลในการดำเนินงานก่อสร้าง
กรรมสิทธิ์ห้องชุด มีสิทธิ์แค่อากาศจริงหรือไม่

กรรมสิทธิ์ห้องชุด มีสิทธิ์แค่อากาศจริงหรือไม่

4 ขั้นตอน เคลมประกันง่าย ๆ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติ่ไม่สามารถคาดเดาได้และอาจสร้างความเสียหาย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน หากคุณทำประกันภัยที่มีความคุ้มครองแผ่นดินไหวไว้และได้ดำเนินการตามขั้นตอนเคลมย่างถูกต้องและรวดเร็ว จะช่วยให้คุณได้รับความุ้มครองและเงินชดเชยตามสิทธิ์ในกรมธรรม์

1. ประเภทกรมธรรม์ที่คุ้มครอง

– กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 มีความคุ้มครองกับแผ่นดินไหว และสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2, ประเภท 3, ประเภท 2+, ประเภท 3+ ต้องซื้อเอกสารแนบท้ายคุ้มครองภัยธรรมชาติ จึงจะด้รับความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว
– ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย คุ้มครองความเสียหายจากภัยลมพายุ, น้ำท่วม, ลูกเห็บ และแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นใต้น้ำ หรือสึนามิ ที่มีสาเหตุจากธรรมชาติ จำกัดความรับผิดชอบทุกภัยรวมกันต่อปีไม่เกิน 20,000 บาท
– ประกันอัคคีภัยทั่วไป ต้องซื้อภัยพิเศษเพิ่มเติม เพื่อคุ้มครองแผ่นดินไหว
– ประกันภัยทรัพย์สินแบบ IAR ให้ความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว ทั้งนี้ อาจมีการจำกัดวงเงิน (Sub Limit) โดยออกเอกสารแนบท้าย
– ประกันภัยงานก่อสร้าง (CWI/CAR) คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับงานก่อสร้างและงานวิศวกรรมโยธา การิดตั้งเครื่องจักร และความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

2. รวบรวมหลักฐานความเสียหาย

– ถ่ายภาพ/วิดีโอความเสียหายจากแผ่นดินไหวโดยละเอียด เช่น ภาพผนังแตกร้าว, ทรุด หรือพังทลาย
– จัดทำรายการทรัพย์สินเสียหาย พร้อมราคาประเมิน
– เก็บหลักฐานประกอบ เช่น ใบเสร็จ รูปภาพทรัพย์สินก่อนเกิดเหตุ

3. แจ้งเหตุและยื่นเรื่องเรียกร้อง

– ติดต่อบริษัทประกันภัยผ่านช่องทางที่สะดวก (แอปพลิเคชัน, เว็บไซต์, โทรศัพท์)
– ระบุวันเวลา สถานที่ รายละเอียดความเสียหาย และแนบหลักฐานเบื้องต้น
– จดจำเลขที่รับแจ้งเคลมเพื่อใช้ติดตามผล

4. การประเมินและจ่ายค่าสินไหม

– บริษัทประกันภัยเข้าตรวจสอบความเสียหาย ณ สถานที่เกิดเหตุ
– พิจารณาความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ก่อนดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ตกลงได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันภัยควรถ่ายภาพความเสียหายไว้โดยละเอียด และจัดเตรียมภาพถ่ายก่อนเกิดเหตุ (หากมี) เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเรียกร้องค่าสินไหม เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก การตรวจสอบของบริษัทอาจใช้ระยะเวลา
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ