ผ่อนบ้านไม่ไหว ทำอย่างไร ประโยคนี้คงเป็นคำถามของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่จริงแล้วเราอาจเคยได้ยินว่า การขอสินเชื่อบ้านให้ผ่านนั้นก็ว่ายากแล้ว แต่การผ่อนบ้านให้หมดครบทุกงวดนั้นยากยิ่งกว่า เพราะกว่าจะผ่อนบ้านหมด อาจเกิดเหตุฉุกเฉินทำให้เราผ่อนบ้านไม่ไหวขึ้นมา หากต้องประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จะทำอย่างไร มาหาทางออกด้วย 4 วิธีดังต่อไปนี้
1. สำรวจเงินสำรอง
เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว อันดับแรกที่ควรทำก่อนเลยคือ สำรวจเงินสำรอง หากเรามีเงินที่เก็บไว้ใช้จ่ายเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่เงินสำรองของเราจะได้ทำงานแล้ว
เงินสำรองเป็นเงินก้อนที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม ควรมีเงินสำรองกันไว้ก่อน 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพราะหากต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนขึ้นมา จะได้มีเงินสำรองมาใช้จ่าย ไม่กระทบกับการดำเนินชีวิต หรือต้องหยิบยืมให้เป็นหนี้เป็นสินเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากสำรวจเงินเก็บในกระเป๋าดูแล้ว แนะนำให้ ปรับลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นลง ลองสำรวจค่าใช้จ่ายของตัวเราหรือครอบครัวสักนิด อะไรที่ประหยัดปรับลดได้ ก็คงต้องหักห้ามใจไม่ควักเงินจ่ายสักหน่อย เช่น ค่าช้อปปิ้ง ค่ากาแฟ ค่าสังสรรค์นอกบ้าน เพื่อให้แต่ละเดือนเหลือเงินมากขึ้นที่จะนำมาจ่ายค่าผ่อนบ้านในแต่ละงวดนั่นเอง
เทคนิคใช้บัตรเครดิต
3 เทคนิคใช้บัตรเครดิต ไม่ให้เป็นหนี้
2. เพิ่มรายได้
แต่หากปรับลดค่าใช้จ่ายลงแล้วยังผ่อนบ้านไม่ไหวอยู่ อย่าเพิ่งท้อถอย หาทางเพิ่มรายได้ ดูว่าถนัดอะไร มีความสามารถด้านไหน แปลงความชอบเหล่านั้นมาเป็นอาชีพเสริมเพิ่มเงินในกระเป๋า เช่น ขายของออนไลน์, รับจ้างถ่ายรูป หรือสอนพิเศษ รายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ รวม ๆ กัน อาจเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับการผ่อนบ้านได้
3. รีไฟแนนซ์บ้าน
อีกหนทางหนึ่ง สำหรับผู้ที่ผ่อนบ้านไม่ไหว แต่ผ่อนบ้านมาได้อย่างน้อย 3 ปี เรียกว่า อาจโชคดีหน่อย เพราะสามารถรีไฟแนนซ์บ้าน หรือย้ายสินเชื่อบ้านไปอีกธนาคารหนึ่งโดยไม่โดนเบี้ยปรับ
โดยทั่วไปการรีไฟแนนซ์มักได้รับโปรโมชันดอกเบี้ยถูกจากธนาคารใหม่ หรืออายุยังไม่มาก สามารถขยายเวลาผ่อนชำระออกไป ซึ่งช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง
อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์ก็มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ผู้กู้บ้านต้องเตรียมเงินก้อนไว้ด้วย เช่น ค่าจดจำนอง ค่าอากรแสตมป์ ค่าประเมินบ้านที่เป็นหลักประกัน ซึ่งต้องเปรียบเทียบดูว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะคุ้มกับดอกเบี้ยที่ปรับลดลงไปหรือไม่
รีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี
ขอลดดอกเบี้ยบ้านด้วยการรีไฟแนนซ์บ้าน อัปเดตอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารได้ที่นี่
4. ปรึกษาธนาคาร
แต่หากปัญหาการเงินที่ต้องเผชิญน่าจะอยู่กับเราอีกนาน อาจเพราะว่างงานมาได้สักพัก หรือรายได้ธุรกิจเริ่มหดหาย เงินเก็บที่มีก็ใกล้จะหมด ขณะเดียวกันก็ยังอยากรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ แนะนำให้ปรึกษาธนาคาร เพื่อจะได้รู้ว่า ธนาคารมีทางออกอย่างไรให้บ้าง
– ขอผ่อนผันชำระยอดหนี้ค้างชำระ
กรณีนี้ลูกหนี้อาจขอผ่อนชำระคืนยอดหนี้ที่ค้างได้นานสูงสุด 36 เดือนติดต่อกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
- การขอเฉลี่ยหนี้ค้างชำระทั้งหมดออกเป็นงวด ๆ งวดละเท่ากันและผ่อนชำระคืนติดต่อกันทุกเดือน
- เป็นการขอชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดในเวลาที่ตกลง
- การขอชำระหนี้ที่ค้างเป็นเงินก้อนแบ่งเป็นงวด ๆ ตามเวลาที่ตกลง
– ขอขยายเวลาชำระหนี้
ผู้กู้ที่อายุยังไม่มาก อาจสามารถขอขยายระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น เหมือนกับการขอสินเชื่อบ้านปกติที่สามารถกู้ได้นาน 30 ปี โดยที่ระยะเวลาผ่อนเมื่อรวมกับอายุของผู้กู้แล้ว ต้องไม่เกินเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด เช่น ไม่เกิน 60 ปี สำหรับพนักงานประจำ หรือ 65 ปี สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว การขยายเวลาชำระหนี้ จะช่วยให้ยอดผ่อนบ้านต่อเดือนลดลงเช่นกัน
– ขอกู้เพิ่มเพื่อชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระ
กรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยที่ค้างทั้งหมดได้ ลูกหนี้สามารถขอกู้เพิ่มเพื่อชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระพร้อมกับขยายเวลากู้เงินได้
– ขอชำระแต่ดอกเบี้ยประจำเดือน
ลูกหนี้อาจขอผ่อนชำระแต่ดอกเบี้ยประจำเดือนได้ ปกติเงื่อนไขแบบนี้จะให้เฉพาะกับลูกหนี้ที่มีประวัติการส่งชำระคืนที่ดีเท่านั้น
– ขอชำระต่ำกว่าเงินงวดปกติ
เงื่อนไขนี้มักกำหนดให้จำนวนเงินที่ชำระต่ำกว่าเงินงวดปกตินั้น ต้องมากกว่าดอกเบี้ยประจำเดือนอย่างน้อย 500 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และขอดำเนินการได้เพียงครั้งเดียว
– ขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ
เป็นการขอผ่อนผันในกรณีที่ลูกหนี้ถูกปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากอัตราปกติ ลูกหนี้สามารถแจ้งขอลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ชำระเงินได้
– ขอโอนบ้านให้กับสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว
ในกรณีลูกหนี้ขอโอนบ้านให้กับสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวและซื้อคืนภายหลัง ปกติสถาบันการเงินจะรับโอนหลักประกันโดยหักลบกลบหนี้ในจำนวนไม่เกิน 90% ของมูลค่าหลักประกัน หากมีหนี้ส่วนเกินลูกหนี้จะต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันโอน โดยสถาบันการเงินจะคิดค่าเช่าในอัตราเดือนละ 0.4-0.6% ของมูลค่าหลักประกัน
ทั้งนี้ การขอลดยอดผ่อนต่อเดือน หรือขยายระยะเวลาผ่อนบ้านออกไป ต้องยอมรับว่า ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับการผ่อนบ้านหลังนี้จะสูงขึ้น และกว่าจะหมดหนี้บ้านก็ต้องใช้เวลานานขึ้นด้วย
แต่ก็ถือเป็นทางออกที่ช่วยให้เราสามารถผ่อนบ้านในแต่ละเดือนได้อย่างสบาย ๆ ไม่เกินกำลังที่ตัวเราจะผ่อนไหว แล้วในอนาคต เมื่อมีรายได้เพิ่ม หรือมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา ก็นำมาโปะหรือจ่ายค่าผ่อนบ้านให้มากขึ้น เพื่อหมดหนี้และเป็นไทในเร็ววัน
อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายแล้ว รู้ตัวแน่นอนว่าผ่อนบ้านต่อไปไม่ไหวแน่ ๆ คงถึงเวลาตัดใจขายบ้าน ระหว่างนี้ก็หาบ้านเช่าราคาไม่แพงนักอยู่ไปก่อน หรืออาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง การขายบ้าน อย่างน้อยก็ช่วยให้ภาระหนี้ที่มีลดลงไป และอาจมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่ายดำรงชีวิต หลังจากจ่ายคืนยอดหนี้คงค้างที่มีกับธนาคารอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าทุกปัญหามีทางออก เพียงแค่เราค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ วางแผน เข้าไปพูดคุยปรึกษาธนาคาร และที่สำคัญ อย่าหยุดจ่ายค่าผ่อน หรือเงียบหายไปเลย เพราะธนาคารไม่รู้ว่าเรากำลังมีปัญหาการเงิน หากเราเงียบหายไม่จ่ายค่าผ่อนตามกำหนด อาจนำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ยิ่งสร้างปัญหายุ่งยากตามมา
บทความนี้เขียนโดย K-Expert และเรียบเรียงใหม่โดย DDproperty.com
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ